20 ส.ค. 2019 เวลา 10:18 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
#คุยเฟื่องเรื่องบอลไทย
BRIGHTBOY: เด็กพลังคชสาร
“จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อทีมชาติไทยจะเต็มไปด้วยกองทัพนักเตะพลังหนุ่ม พวกเขาจะพิสูจน์ตัวเองได้หรือไม่? ในเวทีที่ว่ากันว่ามันคือก้าวแรกสู่สังเวียนระดับโลก และการต่อสู้ของพวกเขาบนสมรภูมิสีเขียว อาณาเขตที่เรื่องของอายุจะไม่ใช่ข้ออ้างอีกต่อไป พวกเขาจะทำได้ดีแค่ไหน...จะเอาตัวรอดจากเหล่านักสู้สีแดงได้หรือไม่...”
คัท! ท่านไม่ได้เปิดเข้ามาผิดเพจ และนี่ก็ไม่ใช่ทีเซอร์ภาพยนต์เรื่องใหม่ในเพจช้างศึกเรา หากแต่เรื่องราวในวันนี้ที่จะนำเสนอ คือ เรื่องการประกาศรายชื่อนักเตะทีมชาติไทยชุดลุยฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกรอบ2 ที่หนนี้มีเวียดนามและอินโดฯเป็นคู่ต่อกรต่างหาก (เดาว่าหลายท่านคงแอบตกใจและอาจหัวเสียไปบ้างสำหรับการอ่านบทนำจากพารากราฟด้านบน ให้พอกล้อมแกล้มกระตุกต่อมขี้สงสัย)
อย่างที่ท่านทราบกันดีว่าในวันนี้จะมีการประกาศรายชื่อผู้เล่นทีมชาติไทยที่กุนซือใหญ่อย่างอากิระ นิชิโนะจะเตรียมไว้ใช้งานใน2เกมต่อจากนี้ (บางทีในขณะที่ท่านผู้อ่านกำลังอ่านบทความนี้อยู่ ท่านก็อาจจะทราบถึงบรรดาชื่อเหล่านั้นไปแล้วเสียด้วยซ้ำ)
จุดสนใจของการประกาศตัวหนนี้ คือ เหล่าบรรดาดาวรุ่ง ฟอร์มพุ่งกับต้นสังกัดที่เชื่อว่าจะอยู่ในลิสที่ท่านผู้อ่านจะหามันเจอได้ในการประกาศตัวหนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเอกนิษฐ์ ปัญญา, สุภโชค สารชาติ, ศุภชัย ใจเด็ด, ศศลักษณ์ ไหประโคน, อานนท์ อมรเลิศศักดิ์, ชินภัทร์ ลีเอาะ, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, พิชา อุทรา และรัตนากร ใหม่คามิ (ทั้งหมดที่ว่ามานี้แหละ)
ไม่มีใครอายุเกิน23ปีขณะนี้ เป็นไปตามนโยบายของมร.อากิระ นิชิโนะที่ต้องการนักเตะที่เป็นตัวจริงกับสโมสรต้นสังกัด, ทำผลงานได้ดีและมีความสด
และดีไม่ดีก็เหมือนเป็นการเตรียมทีมสำหรับชุดโอลิมปิกไปด้วยในตัว (สอดคล้องกับบทสัมภาษณ์ครั้งล่าสุดที่เจ้าตัวออกมาเปรยให้แฟนบอลชาวไทยได้ทราบโดยทั่วกันว่าการเรียกเก็บตัวหนนี้จะมีเหล่าบรรดาดาวรุ่งหลายคนที่มาจากชุดยู23 และเขาพร้อมจะเปิดโอกาสให้ได้พิสูจน์ตัวเองเพื่อเลื่อนขึ้นไปติดทีมชุดใหญ่เพื่อลุยกับเวียดนามและอินโดฯ)
จะว่าไปปรัชญาของการทำทีมบวกกับสไตล์ส่วนตัวของโค้ชอากิระ นิชิโนะซึ่งเป็นโค้ชที่ชอบเกมบุก, เน้นบอลเคลื่อนที่เร็วบนพื้น และชอบสร้างทีมโดยอาศัยความฟิตเป็นจุดสตาร์ท การเรียกนักเตะรุ่นๆทดแทนตัวเก่าตัวเก๋าที่อาจเป็น “คนเคยเก่ง” ก็ดูจะเหมาะสมที่สุดในเวลานี้
เพราะอย่างที่เรารู้กัน คู่ต่อสู้ใน2เกมแรก ทีมนึงเป็นทีมที่เน้นความฟิตและเล่นบอลเพรสซิ่งเป็นหลัก ส่วนอีกทีมเป็นทีมที่เน้นความดุดันและพละกำลังเข้าปะทะ และทั้ง2ทีมอาศัยผู้เล่นในแดนหลังและกลางเป็นนักเตะรุ่นๆอายุระหว่าง21-25ปีเป็นตัวขับเคลื่อน ดังนั้นการจะต่อกรกับพวกเขาเพื่อให้ได้มาซึ่งผลการแข่งขันที่น่าพอใจนั้น มันก็ต้อง “เกลือจิ้มเกลือ” เท่านั้น
พูดง่ายๆ คือ การที่เราจะสู้กับเวียดนามและอินโดฯให้สมน้ำสมเนื้อ คุณสมบัติเบื้องต้นของนักเตะเรา มันก็ต้องพร้อมกว่า, ฟิตกว่า และสมบูรณ์กว่าเขานั่นแหละ เพราะฟุตบอลปฎิเสธไม่ได้ว่าต้องเล่นกันเป็นทีม และทุกตำแหน่งล้วนแล้วแต่มีความสำคัญทั้งหมด (จะพร้อมและฟิตเต็มถังอยู่แค่ไม่กี่คนคงจะเป็นไปไม่ได้)
แน่นอนว่าในเวลานี้ เราทุกคนต่างยังไม่รู้ว่าใครจะได้สิทธิ์เป็น23ตัวสุดท้ายในวันที่5และ10 ก.ย. แต่ผู้เขียนเองก็เชื่อว่าจากลิสรายชื่อที่ประกาศออกมานี้ คงจะถูกใจแฟนบอลไม่น้อยอยู่เหมือนกัน เพราะมันคือทีมช้างศึกโฉมใหม่ซึ่งเราต่างรอทีมชุดนี้กันมานาน (ชุดที่เรื่องเพรสซิ่งจะไม่ใช่ปัญหาของนักเตะเราอีกต่อไป)
และถ้าใครจะพูดปรามาสว่า “นี่มันทีมเด็กนี่หว่า” เราคงต้องบอกเขาให้กลับไปอ่านตั้งแต่พารากราฟแรกมาใหม่ เพราะผมเชื่อว่านี่คือทีมชาติไทยที่เรื่องของอายุจะเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น และคำว่า “เก่งพอก็แก่พอในสนาม” คงจะใช้ได้อีกเช่นกัน
จริงไหมล่ะครับ...ท่านผู้อ่าน?
=akinson149=
“akinson149” พงศ์รัตน์ วินัยวัฒนวงศ์
Moderator เพจ thailandsusu (Section: บทความ-แปลข่าวบอลไทย) และคอลัมนิสต์ฟุตบอลไทย Teamthailand
 
#ช้างศึก #เชียร์ไทยใจเดียวกัน #TogetherAsOne #บอลไทย #ฟุตบอลไทย #นักฟุตบอลทีมชาติไทย #Thailand #Football #FAThailand #AsianQualifiers #FIFA2022 #ฟุตบอลโลก #บอลโลก #คัดบอลโลก #FIFAWorldcup #Qatar2022 #AFC #RiseBackUp #WorldCup #สมาคมฟุตบอล #2022WCQ #FIFAWCQ
โฆษณา