• เปิดร้านขายไก่ย่าง,ส้มตำ
• วันหนึ่งมีรถพ่วงข้างขายไก่ย่าง,ส้มตำเหมือนกัน มาจอดขายอยู่ฝั่งตรงข้าม
• ยอดขายส้มตำในร้านตกลงไปตั้งแต่มีคู่แข่ง
คุณคิดว่า เจ้าของร้านที่เปิดมาก่อน ควรทำอย่างไรดี?
- ออกไปด่า แล้วอีกฝ่ายก็ด่ากลับ... เพราะนี่คือถนนสาธารณะ
- เฉยๆ ไม่พูด... แต่เก็บมาคิดจนเครียด วันไหนขายไม่ดี ไฟแห่งความแค้นก็ลุกโชน ด้วยโทษรถพ่วงข้างเป็นสาเหตุ
+++++
เจ้าของร้านที่ว่าเป็นญาติของเพื่อนผมเอง น้าแกเลือกวิธีต่อสู้ที่ลึกล้ำมาก จะเล่าให้ฟัง...
*...วันนึงฝนตกปรอย ๆ น้าแกเดินกางร่ม ข้ามถนนไปเรียกลุงรถพ่วงข้างให้มาหลบฝนใต้ชายคาร้าน
แน่นอน...อีกฝ่ายงง และปฏิเสธ
แต่กำแพงความบาดหมางได้ทลายลงไปแล้วครึ่งนึง
คนขายของเหมือนกัน 2 คน
เป็นคนอีสานเหมือนกันทั้ง 2 คน
บทสนทนาวันนั้นทำให้คน 2 คนที่เกือบเป็นศัตรูกันอยู่แล้ว พูดคุยกันภายใต้ร่มกันฝนเหมือนเป็นเพื่อนกันมานาน
+++++
"โดนไล่จากที่ขายเก่ามา เห็นตรงนี้ใกล้ตลาดด้วย ไม่ไกลจากที่ขายเดิมด้วย เลยมาจอดขายแถวนี้ ลูกค้าเก่าจะได้หาเจอ...
ไม่ได้มีเจตนาจะขายของชนกัน
และถัดไปอีกหน่อยเค้าก็ห้ามจอดรถ...
เมียไม่ค่อยแข็งแรง อยู่บ้านเลี้ยงหลานที่พ่อแม่มันทิ้งไว้ก่อนไปหางานทำที่อื่น..."
ลุงรถพ่วงข้างเฉลยสิ่งที่เกินกว่าน้าเพื่อนผมคิดไว้ในตอนแรก
จบบทสนทนาวันนั้นด้วย น้าเพื่อนผมสั่งส้มตำลุงมาลองชิมฝีมือ...
+++++
ถัดจากนั้นมาอีกไม่กี่วัน
ร้านน้าเพื่อนผมก็ได้มือตำส้มตำคนใหม่มาประจำร้าน
มีคุณป้ามาเป็นคนช่วยย่างไก่(ที่น้าแกยังเป็นคนหมักตามสูตรเดิม)
รถพ่วงข้างฝั่งตรงข้ามหายไป
คนต่อคิวรอหน้าร้านเยอะกว่าเดิมหลายเท่า
ถึงแม้จะเหนื่อย แต่รอยยิ้มของคนสูงวัยทั้ง 3 คนฉายอยู่บนใบหน้าตลอดวัน
+++++
เรื่องของน้าสอนให้เห็นว่า...
การแก้ปัญหาที่เกิดจากคนกับคน
ผลออกมามีแค่ 2 อย่าง
อยากได้แบบไหน อยู่ที่เราเลือกวิธีแก้ปัญหานั้น ๆ
เครดิต: คุณพ่อพี่ภู
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
