24 ส.ค. 2019 เวลา 13:01 • ธุรกิจ
งานวิจัยเผย มีคน 3 ประเภท ที่จะกลายเป็น“เศรษฐี” ในที่สุด
บทความนี้มาพร้อมกับงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจสุดๆ เพราะบอกกับเราว่า “เศรษฐี” หรือคนที่เขารวยๆกันเนี่ย เขามีลักษณะนิสัย วิธีคิด และการดำเนินชีวิตอย่างไร ซึ่งงานวิจัยนี้ได้สรุปผลออกมาว่า คนรวยแบ่งเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน จะเป็นอะไรบ้าง และมีเราลักษณะคล้ายๆหนึ่งในสามนี้รึเปล่า (ถ้ามีล่ะก็ เตรียมตัวรวยได้เลย) ลองไปดูพร้อมๆกันเลย
งานวิจัยชิ้นนี้เริ่มเก็บข้อมูลในปี 2004 และเก็บเสร็จสิ้นในปี 2007 จากการสัมภาษณ์คนจำนวน 361 คน โดยที่ทุกคนไม่ทราบว่าตัวเองกำลังถูกสัมภาษณ์ (เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอคติ เพราะหากรู้ว่าถูกสัมภาษณ์อยู่อาจมีการโม้ หรือถ่อมตนเกินกว่าเหตุได้) และมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบคำถามหลัก 2 ข้อ
#หนึ่ง ทำไมคนถึงรวย และทำไมคนถึงจน ?
#สอง กิจวัตรประจำวันของคนจน และคนรวย เป็นอย่างไร ?
ผู้ถูกสัมภาษณ์แบ่งออกเป็น คนรวย 233 คน และ คนจน 128 คน
คนรวย หมายถึง ผู้ที่มีรายได้เฉลี่ยต่อปี ปีละ 160,000 เหรียญสหรัฐฯขึ้นไป และมีสินทรัพย์รวม 3.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯขึ้นไป ซึ่งคนรวย 233 คนที่ถูกสัมภาษณ์ยังแบ่งออกได้เป็น 177 คนที่รวยด้วยตัวเอง (Self-made millionaire) กับอีก 56 คนที่รวยด้วยมรดก
177 คนที่รวยด้วยตัวเองนั้น 105 คนมาจากชนชั้นกลาง และอีก 72 คน เป็นคนจนมาก่อน
#คนจน หมายถึง ผู้ที่มีรายได้เฉลี่ยต่อปีต่ำกว่า 35,000 เหรียญสหรัฐฯ และมีเงินสดเก็บ ต่ำกว่า 5,000 เหรียญสหรัฐฯ
เนี่องจากการศึกษาครั้งนี้ เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา เรื่องตัวเงินอาจจะนำมาเปรียบเทียบกับเราไม่ค่อยได้ (เพราะคนจนของเขายังมีเงินเดือนเกิน 90,000 บาท ซึ่งพี่ทุยก็คิดว่าเวอร์ไปนิด) แต่รับประกันว่ากระบวนการคิดสามารถนำมาประยุกต์กับทุกคนได้แน่นอน
1
ผู้ถูกสัมภาษณ์จะต้องตอบคำถามทั้งสิ้น 144 ข้อ คำตอบทั้งหมดถูกนำมาประมวลผล และวิเคราะห์ต่อเป็นเวลาอีก 16 เดือน
ท้ายที่สุด ผลงานวิจัยนี้ ถูกตีพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือขายดีหลายเล่ม ภายใต้ความเข้าใจเกี่ยวกับความคิด จิตวิทยา การตัดสินใจ ความสามารถในการรับความเสี่ยง และลักษณะนิสัยอื่นๆของคนที่ประสบความสำเร็จ (รวย)
และที่สำคัญที่สุด คือ คนรวย เขารวยมาได้ยังไง
เหล่าผู้มั่งคั่งทั้งหลาย มีการเดินทางที่แบ่งได้ชัดเจนออกเป็น 3 เส้นทาง ขอเรียกว่าเป็น คนรวย 3 ประเภท
คนรวยประเภทแรก คือ นักลงทุนผู้มัธยัสถ์
ในงานวิจัยชิ้นนี้ มีคนรวยที่เป็นนักลงทุนผู้มัธยัสถ์อยู่ 22%
คนกลุ่มนี้ปราศจากหนี้อย่างสิ้นเชิง และไม่คิดอยากจะก่อหนี้ แม้ว่าอาจจะทำให้รวยยิ่งขึ้นก็ตาม จึงมักไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ไม่ได้มีหน้ามีตา หรือมีชื่อเสียงในสังคม พวกเขาเป็นพวกที่ทำงานอยู่ในบริษัทใหญ่อันมั่นคง พร้อมกับใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย
พวกเขามีเงินเก็บจากการทำงานอย่างอดทน และประหยัดอดออม แล้วนำเงินเก็บไปลงทุนต่อยอด เพื่อให้เกิดเป็น “Passive Income” (หรือรายรับที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องทำงาน)
นักลงทุนผู้มัธยัสถ์ ไม่ได้มีรายได้มากมายมหาศาล กลับกันพวกเขามีรายได้แค่ระดับปานกลาง แต่สามารถเก็บออมได้เฉลี่ยถึงเดือนละ 20% เนื่องมาจากวิถีชีวิตที่อยู่อย่างประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย
จากนั้นจึงนำเงินเก็บไปลงทุนอย่าง “สม่ำเสมอ” และ “ระมัดระวัง”
โดยเฉลี่ยแล้ว นักลงทุนผู้มัธยัสถ์จะใช้เวลาประมาณ 34 ปี เพื่อสร้างสินทรัพย์ของตนให้มีมูลค่า 3.4 ล้านเหรียญฯ
คนรวยประเภทที่สอง คือ เศรษฐีอัจฉริยะ
มีคนรวยอยู่ประมาณ 27% ในงานวิจัยนี้ ที่เป็นคนรวยอัจฉริยะ
พวกเขาเป็นเลิศในสิ่งที่ตัวเองทำ เป็นมือวางอันดับหนึ่งในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย รวมถึงเป็นเอกในอุตสาหกรรมที่ตัวเองมีส่วนร่วม
เศรษฐีอัจฉริยะ มักเติบโตขึ้นในองค์กรขนาดใหญ่ จนกระทั่งได้รับมอบหมายตำแหน่งที่สำคัญ มีผลตอบแทนในระดับสูง และท้ายที่สุด มักจะได้รับการตอบแทนเป็นหุ้นของบริษัท
ด้วยความขยัน ทำงานหนัก และโคตรเก่ง คนรวยในกลุ่มนี้บางคนยังมักจะเป็นเจ้าของกิจการบางอย่างนอกเหนือจากงานประจำอีกด้วย ซึ่งส่งผลให้พวกเขามีรายได้หลายทาง
พวกเขารู้จักศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ และแน่นอน พวกเขาฉลาดพอที่จะนำรายได้ไปต่อยอดจากการลงทุน
คนกลุ่มนี้จะใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 20 ปี ในการสร้างสินทรัพย์ให้สูงถึง 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ตรงกันข้ามกับคนรวยกลุ่มแรก เศรษฐีอัจฉริยะมักมีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักอย่างดีจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญของอุตสาหกรรม เป็นคนใหญ่คนโตในองค์กรระดับประเทศ รวมถึงการเป็นที่ปรึกษาผู้ได้รับเชิญไปบรรยายทั่วราชอาณาจักร
ตัวอย่างของเศรษฐีอัจฉริยะที่ผมอยากจะยกตัวอย่าง คือ คุณกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการสายวิเคราะห์หลักทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นคนไทยใกล้ๆตัวเรานี้เอง
2
คุณกวีทำงานอยู่ในองค์กรใหญ่เป็นเวลาหลายปี และมีความเป็นเลิศในสิ่งที่ทำ จนมีผลตอบแทนในระดับสูง มีชื่อเสียงในเรื่องการลงทุน และสร้าง Passive Income จากการลงทุนของตัวเองจนกลายเป็นผู้มั่งคั่งในที่สุด
คนรวยประเภทที่สาม คือ นักสร้างฝัน
เศรษฐีนักสร้างฝัน คือ กลุ่มคนรวยที่มั่งคั่งที่สุด
พวกเขาทำงานโดยการไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง และทำให้ฝันนั้นเป็นจริง พร้อมรับผลตอบแทนมหาศาล
คนกลุ่มนี้จะใช้เวลาราว 12 ปี เพื่อสร้างสินทรัพย์ให้แตะ 7.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าใช้เวลาน้อยกว่าคนรวยกลุ่มอื่นๆ
เศรษฐีกลุ่มนี้มักมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะผู้ก่อตั้งกิจการขนาดใหญ่ และผู้เปลี่ยนแปลงโลก ไม่ว่าจะเป็นสตีฟ จ๊อบส์ ผู้ก่อตั้งแอปเปิ้ล มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟสบุ๊ก หรืออีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งสเปซเอ็กซ์
อย่างไรก็ดี การไล่ตามความฝันไม่ใช่เรื่องง่าย และเต็มไปด้วยความเสี่ยง เมื่อหน้าที่การงานไม่ได้มั่นคงเหมือนอย่างคนรวยสองกลุ่มแรก หากอ่านประวัติของบุคคลเหล่านี้จะพบว่ามีช่วงชีวิตหนึ่งของพวกเขาที่ต้องต่อสู้ฝ่าฟัน บางครั้งอาจต้องทำงานทีละหลายๆงาน เพื่อหาเงินมาประทังชีวิตและหล่อเลี้ยงความฝันของตัวเอง
แต่หากพวกเขาไปถึงฝั่งฝัน ความมั่งคั่งล้นเหลือก็รอพวกเขาอยู่
จริงๆแล้วใครๆก็สามารถเป็น “เศรษฐี” ได้
นอกจากงานวิจัยนี้จะจำแนกลักษณะของคนรวยให้เราฟังแล้ว ยังสอนบทเรียนดีๆให้เราอีกด้วย
ถึงแม้เราจะไม่ได้มีความฝันอันใหญ่โตมโหฬาร ไม่ได้อยากจะเปลี่ยนโลก หรือพามนุษย์ไปอาศัยอยู่บนดาวอังคาร รวมถึงเป็นคนเก่งที่สุดของหมู่บ้าน เราก็สามารถประสบความสำเร็จ และร่ำรวยในแบบของเราได้
มีสองสิ่งที่เหมือนกันของคนทั้งสามกลุ่ม
#หนึ่ง พวกเขาต่างต้องใช้เวลาหลายต่อหลายปีในการสร้างความมั่งคั่ง และ
1
#สอง พวกเขารู้จักจัดการกับความมั่งคั่งของตัวเอง โดยการบริหารจัดการรายจ่ายให้น้อยกว่ารายรับ และนำเงินที่เหลือไปลงทุน
มั่นใจว่าทั้งสองสิ่งนี้ ทุกๆคนก็สามารถทำได้เช่นกัน และสำหรับคนที่กำลังเดินอยู่บนเส้นทางสายใดสายหนึ่ง ในสามสายที่เล่ามา ความร่ำรวยจะต้องรออยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน
หากคุณ
ไม่ลงมือ
ทำสิ่งใด
ในชีวิตเลย
สักวัน
เมื่อคุณ
ตื่นขึ้น
เมื่อนั้น
ทุกอย่างก็อาจจะ
สายไปเสียเเล้ว
- Salary investor
โฆษณา