27 ส.ค. 2019 เวลา 09:17 • ประวัติศาสตร์
A7V รถถังคันแรกของเยอรมัน ก้าวสำคัญสู่การเปลี่ยนแปลงยุทธวิธีการรบ
จากการที่อังกฤษนำรถถังมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่1 เยอรมันเองก็ตกใจกับประสิทธิภาพมันไม่น้อย จึงได้เริ่มพัฒนารถถังของตัวเองมาแข่งบ้าง
รถถังมีรูปร่างเป็นกล่องสี่เหลี่ยมยาว 7เมตรครึ่ง กว้างและสูงประมาณ 3เมตร ด้านข้างมีเกราะหนา 20มม. ด้านหน้า 30มม. ซึ่งหนากว่ารถถัง mark iv ถึงสองเท่าครึ่ง แต่มันก็ไม่สามารถทนทานต่อกระสุนปืนต่อสู้รถถังได้ เนื่องจากเหล็กที่ใช้ก็ยังไม่มีคุณภาพมากพอ
ด้านหน้าติดปืนใหญ่ขนาด 57มม. มีกระสุนสำหรับเจาะเกราะและหัวระเบิด สามารถบรรทุกกระสุนไปด้วยได้ 180นัด ต่อมาบรรทุกได้ถึง 300นัด รอบคันมีปืนกล MG 08 ขนาด 7.92มม. ติดอยู่รวมหกกระบอก สามารถทำการยิงได้รอบทิศทาง บางคันก็ติดปืนกลด้านหน้ารถแทนปืนใหญ่
ปืนใหญ่ 57มม.
ปืนกล MG 08
ด้วยความที่มันมีปืนอยู่รอบคัน จึงต้องใช้พลประจำรถอย่างน้อย 18นาย โดยเป็นนายทหารหนึ่งนายคอยเป็นผบ.รถ ตำแหน่งหน้าที่ในรถมีพลขับ ช่างเครื่องยนต์ พลสัญญาณ พลปืนกลกระบอกละสองนาย และพลปืนใหญ่สองนาย บ่อยครั้งที่ออกรบโดยมีพลประจำรถมากถึง 25นาย
การทำงานภายในรถ
กล่องเคลื่อนที่ได้ตัวนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Diamler Benz ให้กำลัง 200แรงม้า บรรทุกน้ำมันไปได้ 500ลิตร มีระยะปฏิบัติการตั้งแต่ 30-80กม. ทำความเร็วบนถนนได้ 15กม./ชม. ถือว่าเร็วมากสำหรับรถถังหนัก แต่เมื่อลุยภูมิประเทศมันก็วิ่งได้เพียง 5กม./ชม.เรียกได้ว่าเร็วกว่าคนเดินนิดเดียวเท่านั้น
ช่วงล่างที่เตี้ยของมันทำให้ข้ามหลุมบ่อได้ไม่ดี ติดหล่มและหลุมกระสุนปืนใหญ่ได้ง่าย ช่องมองของพลขับอยู่ด้านบนสุด ถูกบดบังด้วยตัวรถด้านหน้าทำให้มองเห็นได้ไม่ถนัดนัก ในพื้นที่โล่งรถถัง A7V จะได้เปรียบคู่ต่อสู้มาก ทั้งอำนาจการยิงรอบทิศและความทนทาน แต่มันก็เรียกได้ว่าเป็นรถถังที่ช้าอุ้ยอ้าย
1
เมื่อต้องข้ามพื้นที่ขรุขระมากๆจะทำให้รถพลิกคว่ำได้
รถถัง A7V เข้าสู่สงครามในปีสุดท้ายพอดี มียอดการผลิตเพียง 20คัน จึงไม่มีบทบาทในสงครามมากนัก แต่นั่นก็ทำให้พวกเยอรมันตระหนักถึงความสำคัญของรถถัง หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งก็ได้เร่งพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รถถังเยอรมันจึงมีบทบาทมากในสงครามโลกครั้งที่สอง
รถถัง A7V ถูกยึดโดยฝ่ายสัมพันธมิตร

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา