28 ส.ค. 2019 เวลา 15:27 • บันเทิง
หนังชนโรง: Brightburn ด้านมืดเด็กเหนือมนุษย์
ถ้าเกิดซูเปอร์แมนเป็นภัยคุกคามต่อทุกชีวิตบนโลกใบนี้ล่ะ ใครจะเป็นผู้หยุดยั้งได้?
ด้วยแนวคิดนี้ล่ะที่ทำให้พี่น้องตระกูลกันน์ พัฒนาต่อจนกลายเป็นบทหนังที่เขียนโดย ไบรอัน และ มาร์ก กันน์ ส่วน เจมส์ กันน์ อำนวยการสร้าง นื่คือหนังที่ว่าด้วยเรื่องราวที่คนดูคุ้นชินกันเป็นอย่างดี เมื่อสามี-ภรรยาชาวไร่คู่หนึ่ง ไปพบอุกาบาตตกบริเวณใกล้กับไร่ของตนเอง ภายในอุกาบาตรมีเด็กทารก คู่สามี-ภรรยาจึงรับเด็กคนนั้นมาเลี้ยงจนเวลาผ่านไป 12 ปี แบรนดอน เด็กชายเติบโตและพลังแฝงในร่างถูกปลุกขึ้นมา มันคือพลังเหนือมนุษย์ แต่แบรนดอนเลือกใช้พลังเหนือมนุษย์นั้นจัดการกับทุกคนที่ทำให้ตนเองไม่พอใจ แล้วใครจะเป็นคนหยุดยั้ง?
นี่คือพล็อตของซูเปอร์แมนในโลกที่กลับด้าน และทำทุกอย่างตรงกันข้ามกับที่ซูเปอร์แมนทำ อันที่จริงมันถือเป็นโจทย์ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ไอเดียนั้นเมื่อพัฒนาเป็นบทหนัง และส่งต่อให้ เดวิด ยาโรเวสกี้ ที่พอจะมีผลงานอ้างอิงได้ก็เห็นจะเป็นหนังสั้น Guardians of the Galaxy: Inferno (ที่เกี่ยวกับ เดวิด แฮสเซลฮอฟฟ์ คนที่สตาร์ ลอร์ด คิดมาโดยตลอดว่าคือพ่อของตนเองนั่นล่ะ) ซึ่งก็ไม่รู้จะโทษบทหนัง หรือโทษผู้กำกับดีที่จากหนังไอเดียน่าสนใจ กลายเป็นภาพรวมของหนังแนวฆาตกรโรคจิตที่มีพลังเหนือมนุษย์ในร่างเด็ก
แทนที่บทหนังจะเสียเวลาปูพื้นให้เห็นสิ่งที่แบรนดอนถูกกระทำจากเพื่อน และคนรอบข้าง ก่อนจะตบท้ายให้ตัวละครนี้เดินไปสู่ด้านมืด เพื่อให้คนดูเกิดลังเลใจว่าควรจะชิงชังหรือเห็นใจ หนังกลับเลือกที่จะเล่าด้านที่เลวร้ายเพียงอย่างเดียวของแบรนดอนโดยให้ความสำคัญกับการใช้พลังเหนือมนุษย์ทำร้ายมนุษย์ธรรมดาด้วยการนำเสนอภาพที่โหด และมีความรุนแรงมาก ๆ (ถึงแม้จะไปไม่ไกลถึงเขตแดนของพวกเลเธอร์เฟซก็ตามเถอะ) มันจึงกลายเป็นหนังสยองขวัญเกรดบี ราคาถูกไปในทันที ที่เน้นขายฉากการตายสุดพิสดาร
หรือบางทีผู้เขียนต่างหากที่คิดลึกเกินไป เพราะถ้าหันมามองโลกความจริง เรากลับพบว่าวัยรุ่นสมัยนี้หัวร้อน ไม่ยอมใคร นิดหน่อยก็พร้อมจะใช้ความรุนแรง ชนิดพ่อแม่ก็ห้ามไม่อยู่ เผลอ ๆ พ่อแม่ยังโดนทำร้ายไปด้วยก็มี ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ตัวหนังก็สะท้อนภาวะบกพร่องในการควบคุมอารมณ์ของเด็กยุคนี้ได้อย่างชัดเจน ยิ่งถ้ามีพลังที่เหนือกว่าคนอื่น ก็ยิ่งเหนือขึ้นไปอีก
แจ็กสัน เอ. ดันน์ เป็น แบรนดอน บรายเออร์ เด็กต่างดาวที่ถูกเก็บมาเลี้ยง ก่อนจะพบพลังพิเศษที่ใช้เพื่อสนองอัตตาตัวเอง เอ. ดันน์ ดูน่าเชื่อว่าเด็กไม่ปกติ พอ ๆ กับทำให้คนดูเกลียดในฐานะเด็กเปรตพลังเหนือมนุษย์
อลิซาเบธ แบงก์ เป็น โทริ และ เดวิด เดนแมน เป็น ไคล์ด บรายเออร์ ที่เหมือนร่างอวตารของมาร์ธา กับ โจนาธาน เคนท์ แต่พวกเขาดวงแตกที่ไปอุปการะเด็กเปรตจากต่างดาว
หลังจากดูจบ อดนำไปเปรียบเทียบกับหนังแนวทางคล้ายกันที่มาก่อน Chronicle ที่ว่าด้วยเรื่องเด็กวัยรุ่นสามคนไปได้พลังพิเศษมา และใช้ในทางที่ผิด ผลงานของ จอช แทรงก์ ที่ทำออกมาได้เหนือชั้นกว่าอย่างเห็นได้ชัด
Brightburn เป็นหนังที่เหมาะสำหรับคอหนังสยองขวัญมากกว่า แนวเดียวกับ เด็กนรก The Omen ไม่ใช่งานสำหรับคนชอบดูหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เข้าสู่ด้านมืด ความเห็นส่วนตัวคือ ไม่ชอบหนังเรื่องนี้ครับ และก็คิดว่าถ้าพลาดที่จะดูในโรงหนังก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
พลังที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่งเสมอไป แต่หากพลังที่ยิ่งใหญ่ไปอยู่กับคนที่ขาดวุฒิภาวะ ไม่ตระหนักถึงสิ่งที่ควรทำ พลังพิเศษนั้นก็มาพร้อมกับด้านมืดที่อาจสร้างสิ่งเลวร้ายเกินคาดคิดได้
Brightburn (2019) Directed: David Yarovesky/Starring: Elizabeth Banks, David Denman, Jackson A. Dunn, Matt Jones, Meredith Hagner/Screenplay: Brian Gunn, Mark Gunn/Music: Timothy Williams/Cinematography: Michael Dallatorre/Edited: Andrew S. Eisen/Distributed: Sony Pictures Releasing/Running time: 90 Mins./R
เนื่องจากผู้เขียนได้เปรียบเทียบไว้ และโพสต์นี้มันสั้นมาก จึงขอเพิ่มเติมให้อีกหนึ่งเรื่อง ถือว่าเป็นของแถมครับ
Movietalk​: Chronicle
Chronicle (2012) Directed: Josh Trank/Staring: Dane DeHann, Alex Russell, Michael B.Jordan
เป็นหนังที่เล่าเรื่องของ แอนดรูว์ เป็นเด็กหนุ่มที่แปลกแยก แมตต์คือญาติและเพื่อนคนเดียวที่เขามี คืนหนึ่งในงานปาร์ตี้ สตีฟ เพื่อนร่วมโรงเรียนได้ตามแอนดรูว์ให้ไปถ่ายวีดีโอสิ่งที่สตีฟกับแมตต์พบ มีหลุมลึกลับส่งเสียงประหลาดออกมา ทั้งสามลงไปสำรวจก่อนจะหมดสติไป ภายหลังจากนั้นทั้งสามค้นพบว่าพวกตนมีพลังพิเศษ และเริ่มใช้พลังเหล่านั้นสร้างความคึกคะนองตามประสาวัยรุ่น แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ชีวิตถูกบีบคั้นแอนดรูว์ได้ถูกด้านมืดเข้าครอบงำจนสร้างสิ่งเลวร้ายขึ้น และแมตต์พยายามหยุดยั้ง
Chronicle จัดเป็นหนังในตระกูลเจอเทปลับ (Found Footage) ที่ จอช แทรงค์ พลิกจากแนวสยองขวัญอันเป็นภาคบังคับของหนังแนวนี้ ผนวกเข้ากับความชอบส่วนตัวในเรื่องของซูเปอร์ฮีโร่ ซึ่งมีเครดิตในฐานะเจ้าของเรื่องร่วมกับ แม็กซ์ แลนดิส ซึ่งพ่วงหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์ ถ่ายทอดให้คนดูได้เห็นอีกด้านของซูเปอร์ฮีโร่ ถ้าพลังพิเศษอยู่ในมือของวัยรุ่นที่ยังขาดวุฒิภาวะมันจะเป็นอย่างไร ยิ่งถ้าเป็นเด็กที่เก็บกดก็ไม่ต่างจากระเบิดเวลาดี ๆ นี่เอง
หนังเต็มไปด้วยนักแสดงที่ปัจจุบันเป็นที่รู้จัก และผ่านตางานซูเปอร์ฮีโร่สายหลักมาแล้ว
แอนดรูว์ รับบทโดย แดน ดีฮาน ที่ในเวลาต่อมาไปเป็น แฮร์รี่ ออสบอร์น ใน The Amazing Speider-Man 2 ของผู้กำกับ มาร์ค เว็บบ์
ไมเคิล บี. จอร์แดน เป็น สตีฟ ที่ในตอนนั้น บี. จอร์แดน เป็นเพียงแค่ตัวประกอบในเรื่องนี้ แต่คนดูคงจำได้ในฐาะนตัวร้าย คิลมองเกอร์ ใน Black Panther
อเล็กซ์ รัซเซลล์ เป็น แมตต์ เป็นนักแสดงคนเดียวที่ไม่ได้แสดงในหนังซูเปอร์ฮีโร่ แต่ก็ไปปรากฏในหนังคล้าย ๆ กันอย่าง The Host
ใครที่ยังไม่มีโอกาสได้ดู Chronicle นี่คือหนังที่ให้ความแตกต่างในฐานะหนังซูเปอร์ฮีโร่ในตระกูลเจอเทปลับ มุมกล้องเวียนหัวบ้างในระดับที่พอรับได้ และในความเห็นส่วนตัว นี่คือหนังที่ทำด้านมืดของซูเปอร์ฮีโร่ได้เหนือชั้นกว่า Brightburn
Chronicle สามารถรับชมได้ทาง DVD และผู้ให้บริการสตรีมมิ่ง​ครับ
ไม่พลาดทุกเรื่องราวเกี่ยวกับหนัง
ทั้งเบื้องหน้า-เบื้องหลัง-เบื้องลึก
กด 👍 กดแชร์ กดติดตาม
ขอบคุณ​ครับ
ขอบคุณที่มาข้อมูล: IMDb, Wikipedia, Rotten Tomatoes, Youtube
ขอบคุณที่มาภาพประกอบ: IMDb
โฆษณา