29 ส.ค. 2019 เวลา 05:00
สองขาที่หายไป
ไม่สำคัญเท่าสมอง และหัวใจที่ยังอยู่
คุณเคยมีวันที่หาทางออกไม่เจอไหม ?
มองไปทางไหนก็เจอแต่ทางตัน จะหันไปทางอื่นก็มืดทั้งแปดด้าน !
ถ้าคิดว่าชีวิตมันย่ำแย่สุด ๆ แล้วจะหยุดความพยายามที่ทำมาทั้งหมด ลองคิดดูอีกทีนะ ว่าชีวิตของคุณไม่มีวันดีขึ้นได้แล้วจริงหรือเปล่า ?
รู้ไหมครับ ว่ามีชายคนหนึ่งที่อาจโชคร้ายมากกว่าคุณหลายเท่า...
จากที่เคยเป็นชายหนุ่มมากความสามารถ อนาคตไกล ใคร ๆ ต่างก็อิจฉา กลับต้องมาเสียขาทั้ง 2 ข้างไปด้วยอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิด แต่ด้วยจิตใจอันเข้มแข็งเขากลับลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
Hugh Herr ชายชาวอเมริกันที่ชื่นชอบ และหลงใหลการปีนเขาอย่างมาก มันเป็นกิจกรรมสุดโหดที่ท้าทายความสามารถ แต่ก็ท้าทายความตายด้วยเช่นกัน
ความโชคดี คือ สวรรค์ได้มอบความสามารถพิเศษนี้มาให้ เขาสามารถปีนเขาได้อย่างเก่งกาจ เรียกได้ว่าอัจฉริยะตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบ
และต่อมาเมื่ออายุได้ 17 ปี เขาได้รับการยกย่องจากอเมริกาว่าเป็นนักไต่เขาชั้นยอดเยี่ยม สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนในครอบครัวอย่างมาก
เขาใช้ชีวิตอยู่กับกิจกรรมนี้ต่อมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งสวรรค์เปลี่ยนใจ มอบความโชคร้ายให้กับเขาแทน
เมื่อเขาอายุได้ 22 ปี เลือดวัยหนุ่มในตัวที่กำลังร้อนแรงทำให้เขาอยากผจญภัยไปให้ไกลกว่านี้ เขาตัดสินใจไปปีนเขาสูงกับเพื่อนที่รัฐ New Hampshire
แล้วเรื่องราวแห่งความโชคร้ายของเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้น...
ความซวยลำดับแรก คือ ในขณะที่ Hugh และเพื่อนกำลังปีนเขาอยู่นั้น พายุหิมะได้ถาโถมกำลังเข้ามาอย่างรุนแรง ความมืดมิดเข้าปกคลุมทุกอย่างจนพวกเขาไม่สามารถมองเห็นทิศทางได้ ความหนาวเหน็บยิ่งทำให้การเคลื่อนไหวยากลำบากมากขึ้น สุดท้ายเขาทั้งสองก็หลงทางอยู่ท่ามกลางพายุหิมะอันหนาวเหน็บ
ความซวยลำดับถัดไป พายุหิมะเกิดขึ้นยาวนานกว่าที่คิด พวกเขาติดอยู่ที่นั่นไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนได้ กองหิมะเริ่มทับถมจนสูงขึ้นเรื่อย ๆ เขาไม่มีที่อยู่จนต้องขุดหิมะให้กลายโพรงเพื่อหลบอยู่ในนั้นแล้วกอดกันไว้ แต่ความหนาวจากอุณหภูมิ -20 องศา มันเกินกว่าร่างกายจะรับได้ การกอดนั้นจึงไม่ได้ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมาได้เลย
ความซวยลำดับสุดท้ายร้ายแรงสุด กู้ภัยตามหาพวกเขาจากรอยเท้าที่หลงเหลืออยู่จนเจอ แล้วพาส่งโรงพยาบาล Hugh ลืมตาขึ้นมา และพบว่าตัวเองปลอดภัย ใช่ ! เขายังไม่ตาย แต่เมื่อก้มลงมองขาทั้งสองข้าง เขากลับพบว่ามันหายไป
ความเย็นของหิมะที่ทับถมลงมาในตอนนั้นกัดขาทั้งสองข้างของเขาตั้งแต่บริเวณเข่าลงมาจนถึงข้อเท้าจนทำให้เนื้อตาย หมอจึงจำเป็นต้องตัดขาทั้งสองข้างของเขาทิ้งไป
คำถามแรกที่เกิดขึ้นเมื่อเขาเห็นหน้าหมอ คือ “ผมจะกลับไปปีนเขาได้อีกไหม ?”
เป็นคำถามที่ยากจะตอบ แต่สุดท้ายหมอก็บอกไปอย่างชัดเจนว่า “เสียใจด้วย แต่คุณไม่มีทางปีนเขาได้อีกต่อไป”
โลกทั้งใบของ Hugh เหมือนพังทลายลงในพริบตา ความรัก และความฝันของเขาดับวูบไปโดยไม่ทันตั้งตัว อย่าว่าแต่ปีนเขาเลย แค่จะใช้ชีวิตต่อไปยังไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรเลย Hugh รู้สึกหมดหวัง ท้อแท้อย่างมาก
อ่านมาถึงตรงนี้คุณคงทั้งสงสาร และสงสัย ว่าเขาทำอย่างไรถึงลุกขึ้นยืนได้แม้เสียขาทั้งสองข้างไปแล้ว ?
คำตอบแรก คือ เขามี “หัวใจ” สุดแข็งแกร่ง
หลังจมอยู่กับความสิ้นหวังมานาน เมื่อเวลาผ่านไป เหมือนมีอะไรบางอย่างมาสะกิดใจ และกระซิบบอกเขาไปว่า
“เห้ย ! แกยังมีชีวิตอยู่ จะจมกับความเศร้าไปทำไม”
ตั้งแต่นั้นมา Hugh หันหลังให้กับความพ่ายแพ้ และตัดสินใจมองไปข้างหน้า แม้ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่เขาก็เชื่อว่ามันต้องดีกว่านี้แน่ !
และคำตอบที่สอง คือ เขามี “สมอง” อันปราดเปรื่อง
เขาเข้ารับการผ่าตัดฟื้นฟูร่างกายโดยใช้ระยะเวลานานพอสมควร เมื่อร่างกายแข็งแรงดีแล้ว เขาตัดสินใจศึกษาเกี่ยวกับกายอุปกรณ์ รวมถึงพยายามหาวิธีปรับปรุงขาเทียมแบบดั้งเดิม ให้กลายเป็นขาเทียมที่เหมาะกับเขามากที่สุด
ด้วยความพยายามทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ และใช้เวลาไปไม่น้อย สุดท้ายเขาก็ผลิตขาเทียมระดับอัจฉริยะได้
ขาเทียมนี้ทำให้ Hugh สามารถปีนเขาได้แบบสบาย ๆ มันยืดยาวขึ้นได้ตามความต้องการ แถมยังมีเหล็กแหลมในตัวที่จะช่วยให้ยึดเกาะภูเขาได้ดียิ่งขึ้น
รวมถึงทำให้ผู้สวมใส่สามารถทรงตัวอยู่บนขอบหินเล็ก ๆ ขนาดเท่าเหรียญบาทได้ ตอนนี้เขาสามารถเดิน เต้น กระโดด ปีนเขา หรือทำอะไรตามใจชอบได้เหมือนคนปกติทั่วไปแล้ว
หลังจากนั้นเขาก็กลับไปทำกิจกรรมที่ตัวเองรักเหมือนเดิม โดยไม่กลัวว่าจะต้องเจ็บตัวอีก และกลับกลายเป็นว่า Hugh สามารถปีนเขาได้เก่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีก แถมยังสามารถเข้าร่วมการแข่งขัน จนเอาชนะคนที่มีขาปกติธรรมดา ๆ ได้
Hugh ยังคงทำกิจกรรมที่ตัวเองรักอยู่เช่นเดิม แต่เขาหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนากายอุปกรณ์มากขึ้น โดยในปัจจุบันเขาได้เข้าร่วมกับสถาบัน MIT เพื่อทำการวิจัยผลิตอุปกรณ์ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพสูงขึ้นมา
นอกจาก Hugh จะได้รับการยอมรับอย่างสูงจากวงการกีฬาปีนเขาแล้ว เขายังได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตสำหรับผู้พิการคนอื่น ๆ อีกด้วย และตอนนี้เขากลายเป็นสุดยอดแรงบันดาลใจสำหรับคนทั้งโลก
ชีวิตของคนเราเมื่อเจอกับสารพัดปัญหา มันมี 2 ทางเลือกเสมอครับ คือ ยอมแพ้ และไปต่อ
ลองมองคนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกดูสิครับ...มีใครเลือกหนทางของการยอมแพ้บ้างหรือเปล่า ?
ไม่มีเลยสักคนใช่ไหมล่ะ เพราะถ้าพวกเขายอมแพ้ไปตั้งแต่แรก เราคงไม่เห็นเขากลายเป็นทั้งคนดัง มหาเศรษฐี หรือกลายเป็นคนที่มีประชาชนรุมรักนับล้าน ฉะนั้น...ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด
...ร่างกายจะขาดส่วนไหนไป...ไม่สำคัญเท่าขาด “สมอง” และ “หัวใจ” ที่แข็งแกร่ง...
โฆษณา