29 ส.ค. 2019 เวลา 05:10 • กีฬา
ข่าวสะเทือนอเมริกันเกมส์ในรอบสัปดาห์ ไม่มีเรื่องไหนใหญ่ไปกว่า การรีไทร์จากอาชีพนักกีฬาของ "แอนดรูว์ ลัค" ควอเตอร์แบ็กของอินเดียนาโปลิส โคลต์ส
การรีไทร์ ตามหลักแล้วก็คือเรื่องปกติของอาชีพ แต่ที่มันไม่ปกติ คือ ลัค อายุแค่ 29 ปีเท่านั้น ยังสามารถเล่นอาชีพไปได้อีกนับทศวรรษ
ตอนนี้เขายังไม่เคยได้แชมป์ซูเปอร์โบวล์เลย เขาไม่อยากลงเล่นต่อ เพื่อคว้าแชมป์ให้ได้สักครั้งก่อนเลิกเล่นหรอ?
นอกจากนั้น เขายังยอมทิ้งเงินก้อน 58 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1775 ล้านบาท) ที่เขาจะได้รับ หากลงเล่นครบสัญญาที่เหลืออีกด้วย ซึ่งพอรีไทร์ปั๊บ เงินก้อนนี้ก็หายไปทันที
สิ่งที่แฟนๆสงสัยคือ ลัค ยังไม่เคยได้แหวนสักวง คือไม่อยากไปถึงแชมป์ เพื่อเป็นเกียรติยศให้ตัวเองเหรอ
แล้วเงินก้อนโตนั้นล่ะ พันกว่าล้านบาท คือยอมทิ้งไปเลยแบบไม่ไยดีเลยหรือไง
มันมีเหตุผลอะไรนะ ที่สำคัญในชีวิตยิ่งกว่า เงินทอง และการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
CBS สื่อที่สหรัฐฯ เผยว่าใน NFL รอบ 35 ปีที่ผ่านมา มีผู้เล่นแค่ 3 คนเท่านั้น ที่ตอนดราฟต์การันตีได้เลยว่า เป็นดราฟต์เบอร์ 1 แน่นอน คือนอนมา แบบไม่มีคู่แข่ง
อารมณ์เหมือน ไซออน วิลเลียมสัน ของ Duke ที่ลงดราฟต์ใน NBA ปีนี้ คือการันตีเบอร์ 1 ชัวร์ๆ ไม่มีพลิกโผ
3 คนนั้นได้แก่ จอห์น เอลเวย์ - ดราฟต์เบอร์ 1 ปี 1983
เพย์ตัน แมนนิ่ง - ดราฟต์เบอร์ 1 ปี 1998
และ แอนดรูว์ ลัค - ดราฟต์เบอร์ 1 ปี 2012
คือในปีอื่นยังมีการลุ้น ใครจะเป็นเบอร์ 1 กันแน่ แต่ กับสามคนนี้ ไม่มีอะไรต้องลุ้น เพราะการันตีเบอร์ 1 แน่นอน
ต้นปี 2012 อินเดียนาโปลิส โคลต์ส ที่มีสถิติแย่ที่สุดของลีก ได้สิทธิดราฟต์เบอร์ 1 ทำให้พวกเขามีสองทางเลือก คือจะเก็บ เพย์ตัน แมนนิ่ง ฮีโร่ของทีมที่อายุ 36 ปีเอาไว้ แล้วยอมเทรดสิทธิดราฟต์เบอร์ 1 ให้กับทีมอื่นแทน (ซึ่งทีมอื่น ก็จะเลือกแอนดรูว์ ลัค แน่ๆ)
หรืออีกทางคือ จะเลือกเดินหน้าสู่ยุคใหม่ ก็ดราฟต์แอนดรูว์ ลัค มันซะเลย เพื่อใช้งานเป็นควอเตอร์แบ็ก เจเนเรชั่นต่อไปของทีม
ปรากฏว่า ด้วยพรสวรรค์ที่สูงค่าของแอนดรูว์ ลัค บวกกับ ก่อนหน้านี้เพย์ตัน แมนนิ่ง มีอาการเจ็บยาวมาตลอดปี ทำให้เจ้าของทีมโคลต์ส เลือกปล่อยแมนนิ่ง และดราฟต์ลัค เข้ามาเป็นควอเตอร์แบ็กมือ 1 ของทีม
การดราฟต์ครั้งนี้ ดูเหมือน เป็นการตัดสินใจที่ดี เพราะจากในปี 2011 อินเดียนาโปลิส มีสถิติ ชนะ 2 แพ้ 14 เป็นบ๊วยของลีก
แต่พอมีแอนดรูว์ ลัค อินเดียนาโปลิส กลับมาทำสถิติ ชนะ 11 แพ้ 5 พลิกมาเข้าเพลย์ออฟได้เฉยเลย
จริงๆ ถ้าไปดูตัวผู้เล่นของโคลต์สในซีซั่นนั้นจะเห็นว่า อ่อนชั้นมาก เมื่อเทียบกับทีมอื่น เกมรับอยู่อันดับรองบ๊วยของลีก นอกจากนั้นยังไม่มีเกมวิ่ง ตัววิ่งที่ดีที่สุดของทีมคือ วิค บอลลาร์ด ทำระยะไปได้แค่ 814 หลา ในเรกูลาร์ ซีซั่นเท่านั้น
ความหวังทุกอย่างของอินเดียนาโปลิส จึงถูกฝากเอาไว้ในมือของเด็กหนุ่มแอนดรูว์ ลัค ซึ่งเขาก็เล่นได้ดี สมกับการเป็นดราฟต์เบอร์ 1 อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของอินเดียนาโปลิส คือ พวกเขามีออฟเฟนซีฟ ไลน์ ไม่ค่อยแข็งแกร่งนัก กล่าวคือไม่ค่อยมีใครสามารถปกป้อง ให้แอนดรูว์ ลัค มีพื้นที่ขว้างง่ายๆ
ดังนั้น เขาจึงโดน Sack หนักๆ ตลอดเวลา ใน 3 ซีซั่นแรก เขาโดนคู่แข่ง Sack ร่วงไป 100 ครั้ง ซึ่งนับว่าสูงมาก ร่างกายน่วมบอบช้ำไปหมด
ต่อให้เป็นอัจฉริยะมาจากไหน เมื่อโดนอัดหนักๆเข้า ร่างกายก็สั่งสมความเจ็บปวด นั่นทำให้หลังผ่านไป 3 ปี ในเดือนกันยายน 2015 เขาเริ่มมีอาการบาดเจ็บครั้งแรก บริเวณหัวไหล่
จากนั้นพฤศจิกายน 2015 กล้ามเนื้อที่ท้องฉีกขาด ตามด้วย มกราคม 2016 มีอาการเจ็บที่กระดูกอ่อน
ด้วยความที่เป็นมือ 1 ของทีม ถ้าไม่มีเขาทีมก็จะลำบาก ทำให้ ผู้บริหาร และแฟนๆ ต่างกระตุ้นให้เขารวบรวมแรงฮึด กลับมาลงเล่นให้ได้ ซึ่งในหลายๆเกม ลัค ก็ต้องฉีดยาระงับความเจ็บปวด และฝืนลงสนาม
ลัค มีอาการเจ็บออดๆ แอดๆ มาเรื่อยๆ จนถึงในซีซั่น 2017 เขาก็มีอาการเจ็บไหล่ขั้นรุนแรง ต้องเข้ารับการผ่าตัด จนต้องพักยาวทั้งฤดูกาล
พอกลับมาลงเล่นในซีซั่น 2018 ด้วยความเป็นอัจฉริยะ ทำให้เขา มีผลงานที่ยอดเยี่ยม ทำไป 39 ทัชดาวน์ในปีเดียว และได้รางวัล คัมแบ็กออฟเดอะเยียร์
อย่างไรก็ตาม พอจบซีซั่นปั๊บ เขาก็มีอาการบาดเจ็บอีก โดยแพทย์ระบุว่า ไตของเขามีปัญหาจนปัสสาวะเป็นเลือด และสมองก็มีอาการกระทบกระเทือนด้วย เช่นเดียวกับต้นขาขวาที่มีปัญหาที่กล้ามเนื้อ ต้องเข้ารับการสแกน
ก่อนเปิดฤดูกาล 2019 แอนดรูว์ ก็ตัดสินใจเด็ดขาด ว่าเขาไม่ไหวแล้วจริงๆ การเล่นไป ทำกายภาพบำบัดไป มันทำให้ชีวิตเขาเป็นทุกข์
เขารักอเมริกันฟุตบอล แต่เขารักสุขภาพร่างกายของตัวเองมากกว่า ไม่อยากให้อาการบาดเจ็บมันทรมานเขาอีกต่อไป
ดังนั้น แอนดรูว์ จึงตัดสินใจ ประกาศเลิกเล่นอเมริกันฟุตบอลอาชีพ ด้วยวัยแค่ 29 ปีเท่านั้น
"มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่าย มันยากที่สุดในชีวิตของผมเลยล่ะ แต่ผมรู้ว่ามันคือทางเลือกที่ถูกต้อง" แอนดรูว์กล่าวในการแถลงข่าว "ผมเจ็บปวดเกินไป ตอนนี้ก็ยังเจ็บอยู่ มันเป็นวัฏจักร 4 ปีแห่งความเจ็บปวด ทำกายภาพบำบัดวนเวียนไม่มีที่สิ้นสุด"
"ทางเดียวที่ผมจะปลดปล่อยตัวเองออกมาได้ นั่นคือการเลิกเล่นฟุตบอล"
สัญญาของแอนดรูว์ ลัค มีถึง ปี 2022 ซึ่งการประกาศรีไทร์ครั้งนี้ จะทำให้เขาสูญเงิน ทั้งหมด 58.125 ล้านดอลลาร์ ในสัญญาที่เหลืออีก 3 ปี
นอกจากนั้นอย่าลืมว่าลัค เพิ่งอายุ 29 ปี มีการประเมินว่า ถ้าเขาลงเล่นต่อ และยืนหยัดได้นานเหมือนอย่างทอม เบรดี้ เขาจะได้รับรายได้ราวๆ 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 13,500 ล้านบาท เลยทีเดียว แต่เมื่อลัคตัดสินใจแบบนี้ เงินก้อนยักษ์นี้ก็หายไปด้วยทั้งหมด
เรื่องนี้ มีดราม่าเกิดขึ้น ที่อินเดียน่า เพราะทันทีที่แฟนๆรู้ว่า แอนดรูว์ ลัค จะรีไทร์ พวกเขาไม่ได้ยอมรับโดยดี ในเกมปรีซีซั่นกับชิคาโก้แบร์ ที่แอนดรูว์ ลัคอยู่ในสนามด้วย (แต่ไม่ได้ลงเล่น) แฟนๆส่วนหนึ่งโห่ แอนดรูว์ อย่างหนัก
มุมของแฟนๆ คือทีมอุตส่าห์ดราฟต์เขามาเป็นควอเตอร์แบ็กเบอร์ 1 และฝากความหวังเอาไว้มากมาย แต่ยังไม่ทัน พาทีมได้แชมป์ซูเปอร์โบวล์สักครั้ง แอนดรูว์ ก็ประกาศรีไทร์เพื่อหนีไปเลยง่ายๆอย่างนั้น
ทีมจ่ายค่าเหนื่อยให้เขาที่ผ่านมา แพงมหาศาล แต่เขาได้ลงเล่นแบบเต็มๆ แค่ 4 ซีซั่นเท่านั้น
ถ้ารู้ว่าจะใจเสาะแบบนี้ คงเชียร์ให้เก็บเพย์ตัน แมนนิ่งเอาไว้ดีกว่า แล้วเทรดแอนดรูว์ ลัคให้คนอื่น เพื่อไปเอาตัวเจ๋งๆมาเข้าทีม แล้วนี่มารีไทร์กระชั้นชิดแบบนี้ จะเปิดฤดูกาลอยู่แล้ว จะไปหาควอเตอร์แบ็กระดับทัดเทียมกันทันได้ไง
แฟนคนหนึ่งบอกว่า ถ้าแอนดรูว์ ลัค รู้สึกแคร์ทีมจริงๆ ก็ควรจะเทรดตัวเองไปไหนก็ได้ ในช่วง 1-2 ปีก่อนหน้านี้ เพื่อให้อินเดียนาโปลิส ได้ผู้เล่นเก่งๆมาเข้าทีม จากนั้นเขาค่อยรีไทร์ก็ได้ แต่นี่เขาเลือกจะรีไทร์ทันที ซึ่งทีมโคลต์ส ไม่ได้อะไรเลยจากการรีไทร์ครั้งนี้
แน่นอน สำหรับแฟนๆ ก็มองแบบหนึ่ง แต่สำหรับฝั่งนักกีฬานั้นมองต่างกัน มันเป็นความเสียใจและผิดหวัง
"มันคงเป็นการโกหกถ้าผมบอกว่าไม่ได้ยินเสียงโห่" ลัคเผย "ใช่ มันเจ็บปวดมากทีเดียว"
ทีวาย ฮิลตัน ปีกของโคลต์ส ก็ได้โจมตีแฟนๆทันทีว่า "ผมไม่ชอบเลย เขาไม่สมควรได้รับการโห่ เขาให้สิ่งต่างๆกับเมืองนี้ และชุมชนแห่งนี้มาเยอะแล้ว คือให้ทุกอย่างที่เขามี คำถามคือ พวกคุณยังต้องการอะไรอีก?"
ขณะที่รัสเซลล์ วิลสัน ควอเตอร์แบ็กของซีแอตเติ้ล ซีฮอว์กส์ ก็พยายามเตือนสติแฟนๆว่า "ผมคิดว่าแฟนๆก็ลืมไปนะ ว่านักกีฬาทุกคนต้องมีชีวิตหลังจากเลิกเล่น และคนอย่างแอนดรูว์ เขาทุ่มเททุกอย่างที่ทำได้แล้ว"
บทสรุปของเรื่องนี้ แฟนๆอินเดียนาโปลิส โคลต์ส อาจไม่พอใจนัก แต่สุดท้ายยังไง แอนดรูว์ ลัค ก็เลือกจะรีไทร์จากการเล่นอเมริกันฟุตบอลอาชีพอยู่ดี
เขาอธิบายเหตุผลว่า มันมีเหตุผลหลายข้อปนกัน เช่น เวลาบาดเจ็บ ต้องนั่งอยู่ข้างสนาม ก็จะรู้สึกผิดต่อเพื่อนๆ ที่ไม่สามารถช่วยอะไรทีมได้เลย
รู้สึกผิดต่อแฟนๆ ที่เสียเงินเข้ามาชมเกมในสนาม แต่กลับไม่ได้เห็นเขาลงเล่น ซึ่งเรื่องเหล่านี้ มันกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้เขาเสียสุขภาพจิตเกินไป
ยิ่งเรื่องทางจิตใจ มาบวกกับสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่าง สุขภาพกายด้วยแล้ว ทำให้ลัค ตัดสินใจยอมทิ้งเงินก้อนโต เพื่อจบปัญหาทั้งหมด เขากลัวว่าวันหนึ่งตัวเองจะกลายเป็นคนซึมเศร้า และไม่อยากจะต้องเสียเวลาชีวิตไปกับการทำกายภาพบำบัดอีกแล้ว
เขาไม่รู้ว่าแฟนๆจะเข้าใจไหม แต่มันเป็นทางเลือกที่เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดไปแล้ว
"เลิกเล่นแล้วผมจะไปทำอะไรน่ะหรอ? ด้วยความสัตย์จริง ถ้าผมได้โอกาสไปทำงานเป็นอาจารย์ในโรงเรียนมัธยมปลาย มันก็คงจะดีนะ"
หลังจากผมติดตามข่าวเรื่องแอนดรูว์ ลัค แล้ว ผมมีข้อสังเกตอย่างหนึ่งครับ
ผมคิดว่า การที่เขารีไทร์ได้ ตอนอายุ 29 มันเป็นสิ่งที่เข้าใจได้แหละ
แต่ที่เขากล้าจะเลิกเล่นอาชีพอย่างมั่นใจมากๆ ผมมองว่า เพราะเขาทำรายได้มาเยอะมากแล้ว
รายได้ 7 ปี ในการเล่นอเมริกันฟุตบอล NFL ก่อนเลิกเล่นของแอนดรูว์ ลัค คือ 97 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 3 พันล้านบาท นั่นแปลง่ายๆว่า ต่อให้จากวันนี้จนตาย เขาไม่ต้องทำงานอะไรอีกเลย ก็สามารถอยู่ได้
ถ้าคุณไม่ใช้จ่ายบ้าคลั่งซะอย่าง 3 พันล้านบาท มันใช้ไปได้ตลอดนั่นล่ะ
เมื่อเขามีเงินทองมากพอ นั่นทำให้เขาหันมามองความเป็นจริงว่า เงินก็มีแล้ว ซื้อทุกอย่างที่ต้องการได้แล้ว แล้วจะยอมทนเจ็บตัวไปทำไม สู้ถอนตัวออกมา และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดีกว่า ทำงานอะไรก็ได้ขำๆที่ตัวเองชอบไป
จากข่าวนี้ ผมถามตัวเองว่า แล้วในชีวิตของคนธรรมดาอย่างเราล่ะ ทำงานหนัก เหนื่อย เสียทั้งสุขภาพจิต และสุขภาพกายเหมือนกันล่ะวะ แบบนี้ ลาออกจากงานไปเลย แบบแอนดรูว์ ลัคได้ไหม
คำตอบคือ ไม่ได้! บ้าหรอ ลาออกแล้วจะเอาเงินที่ไหนกินล่ะ ภรรยาก็มี ลูกก็ยังเล็ก พ่อแม่ก็ต้องดูแล ยังมีสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบอีกมากมาย
จริงๆผมก็อยากใส่ใจสุขภาพเหมือนกันนะครับ ถ้ามีเงินพันล้าน ก็ทำแบบแอนดรูว์ ลัคนั่นแหละ คือลาออกจากงานชัวร์ๆ เพื่อหันมาให้เวลากับสุขภาพของตัวเองแบบเต็มร้อย ประมาณว่า ไปรับอากาศบริสุทธิ์ที่สวิตเซอร์แลนด์ พอกลับมาไทย ก็อยากเอาเวลากี่ชัวโมงก็ได้ ในการเข้าฟิตเนส จ่ายเงินจ้างเทรนเนอร์ที่แพงที่สุด และจ้างโภชนากร กับเชฟส่วนตัว มาทำอาหารแบบเฮลตี้ให้กิน
แต่เมื่อความเป็นจริง เราไม่ได้รวย จนสามารถทำทุกอย่างได้แบบนั้น เราก็ต้องใช้วิธี ใส่ใจสุขภาพของตัวเองทีละนิดแทน ทำงานไปด้วย ดูแลสุขภาพของตัวเองไปด้วย
คือพยายามตระหนักถึงสุขภาพกายของตัวเองให้มากกว่าเดิม
เมื่อก่อนแอดมิน นอนวันละ 3-4 ชั่วโมง ก็พอแล้วนะครับ เดี๋ยวนี้ก็จะกำหนดให้ตัวเองนอนอย่าต่ำกว่า 6 ชั่วโมง ร่างกายจะได้มีสติ ไม่เบลอ
เมื่อก่อนผมดื่มน้ำน้อยมาก วันนึงดื่ม 1 ขวดเล็ก ประมาณครึ่งลิตร ก็พยายามดื่มให้มากขึ้น ตอนนี้ดื่มราว 2.5 ลิตรต่อวันแล้ว
อาหารการกิน จากที่กินไปเรื่อยเปื่อย ก็เริ่มละเว้นของที่ไม่มีประโยชน์ หันมากินอาหารเพื่อสุขภาพแทน
ออกกำลังกาย จากที่ไม่ค่อยได้ออกเลย ตอนนี้ ผมเข้ากลุ่ม Challenge วิ่ง กับน้องๆที่ออฟฟิศแล้วครับ จะได้ขยับแข้งขามากขึ้นหน่อย
แน่นอนล่ะ เราละทิ้งทุกอย่างมาเพื่อสุขภาพอย่างเดียวไม่ได้หรอก เพราะการงานก็สำคัญ ดังนั้นเราก็ต้องใช้ชีวิตแบบสร้างสมดุลกับมันครับ
ถ้าเราประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ร่างกายพัง มันก็คงไม่เวิร์ค
หรือ ถ้าร่างกายแข็งแรง แต่ยากจนเป็นยาจก แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน จริงไหม
เพราะฉะนั้น ค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง วันละนิดวันละหน่อยก็ยังดี สะสมกันไปทีละเล็ก ทีละน้อยเนอะ
#AndrewLUCK
โฆษณา