29 ส.ค. 2019 เวลา 10:36 • ธุรกิจ
เคยสงสัยไหมครับว่า?
ทำไมไฟไหม้ป่า Amazon มาตั้งนานถึงยังไม่ดับสักที
โพสต์นี้มีคำตอบ!!!
ป่า Amazon
สัปดาห์ที่แล้ว ข่าวไฟป่าบราซิลนั้นเรียกได้ว่า “ช็อกโลก” สุด ๆ เพราะมันไหม้ใหญ่โตมาก ๆ ส่งมลพิษมหาศาลไม่พอ ยังลดพื้นที่ป่าของโลกลงอีกเพียบ เรียกได้ว่าผู้นำหลาย ๆ ประเทศแทบจะประกาศว่ามันเป็นวิกฤติระดับนานาชาติกันเลย
...คนที่อยู่เบื้องหลังไฟป่านี้ (ให้ตรงคือไม่ได้อยู่เบื้องหลังไฟป่า แต่อยู่เบื้องหลังการ “ไม่ยอมดับ” ไฟป่าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจนลุกลามใหญ่โต) คือประธานาธิบดีบราซิลนามว่า Jair Bolsonaro และหน้าของเขาก็ปรากฏในสื่อทั่วโลกที่ร่วมประนามการปล่อยให้ไฟป่า Amazon ขยายตัวชั่วข้ามคืน
Jair Bolsonaro
ซึ่งแน่นอนว่าเขาก็ไม่สน เพราะเขามีความมุ่งมั่นมานานว่าจะ “เผาป่า” ให้ราบ เพื่อเพิ่มพื้นที่ทางการเกษตรให้บราซิล ซึ่งเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลง (สินค้าส่งออกหลักของบราซิลคือสินค้าเกษตรเป็นส่วนใหญ่ อันดับ 1 คือถั่วเหลือง และเอาจริง ๆ บราซิลเป็นประเทศที่ส่งออกเนื้อวัวมากที่สุดในโลก ดังนั้นการเผาป่าส่วนหนึ่งก็คือการต้องการขยายพื้นที่ในการเลี้ยงวัวเพื่อส่งออก)
นี่คือเหตุผลของการ “เผาป่า” แต่เราอาจสงสัยว่า Jair Bolsonaro ต้องเป็นคนแบบไหนกันที่ทั่วโลกประนามกันระดับนี้แล้วยังไม่สนใจ?
คำตอบสั้น ๆ คือ เขาเป็นผู้นำประเทศที่ “ขวาจัด” น่าจะระดับต้น ๆ ของประเทศใหญ่ ๆ ในโลกนี้ (บราซิลประเทศใหญ่นะครับ ประชากรอันดับ 6 ของโลก มูลค่าผลผลิตต่อปีอันดับ 9 ของโลก) ในระดับที่ว่าถ้าเทียบกับ Donald Trump แห่งอเมริกาหรือกระทั่ง Rodriogo Duterte แห่งฟิลิปปินส์แล้ว เขาโหดกว่าเยอะ เพราะ Jair Bolsonaro นั้นนอกจากจะมีลักษณะพื้นฐานแบบนักการเมืองฝ่ายขวาจัด ๆ ทั่วไป (เช่น เกลียดผู้อพยพ เหยียดผิว เหยียดเพศ คลั่งศาสนา การต่อต้านการแต่งงานเพศเดียวกัน สนับสนุนโทษประหารหรือกระทั่งการจับคนไปทรมาน สนับสนุนการถือครองอาวุธปืน ฯลฯ) เขามีลักษณะพิเศษคือเขาสนับสนุนระบบเผด็จการทหารอย่างเปิดเผยมาตลอด พูดง่าย ๆ คือ Jair Bolsonaro สนับสนุนอำนาจเด็ดขาดแบบไม่สนใจมนุษยชนอะไรอีกแล้ว และแน่นอนไม่สนใจชาวโลกด้วย
และการที่ป่า Amazon ใหม่นี่ คือเขาเพิ่ง “แผลงฤทธิ์” เท่านั้นเอง เพราะยังเป็นประธานาธิบดีมาได้ไม่ถึง 1 ปีเลย เดี๋ยวน่าจะมีอะไรมัน ๆ และโลกน่าจะได้เห็นความโหดของเขาอีกเยอะ
...แต่ก่อนอื่น มาดูกันว่าทำไมบราซิลถึงมีผู้นำแบบนี้โผล่มาได้
ต้องเข้าใจก่อนว่าตอนที่ Jair Bolsonaro ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดิในปีที่แล้ว มันช็อกโลกมาก ๆ เพราะ บราซิลอยู่ใต้การปกครองของรัฐบาล “ฝ่ายซ้าย” หรือพรรคแรงงานมาเป็นเวลานานเกือบ 20 ปี (ตั้งแต่ปี 2002) และนี่คือสวิงมาขวาจัดเลย และ Bolsonaro ไม่ได้ชนะเลือกตั้งแบบน้อย ๆ ด้วย เพราะคะแนนนำผู้แทนจากฝั่งพรรคแรงงานราว ๆ 10 เปอร์เซ็นต์ เลย
ซึ่งที่ช็อกมากก็คือตัวตนของ Bolsonaro เอง ที่เป็นทหารเก่าที่ผันตัวมาเป็น ส.ส. มาเกือบ 30 ปี และมีจุดยืนแบบขวาสุดขั้วแบบเปิดเผยไม่มีปิดบังมาตลอด เรียกได้ว่าด่าผู้หญิง ด่าคนดำออกทีวีแบบหน้าตาเฉยมายาวนาน แต่นั่นยังไม่หมด เพราะเขาพูดตลอดชีวิตทางการเมืองมา ว่าสังคมบราซิลปกครองด้วยเผด็จการทหารนั้นเจริญกว่าประชาธิปไตย และเขาพูดแบบนี้มาตั้งแต่ยุคที่คนบราซิลส่วนใหญ่ยัง “เกลียดทหาร” หลังได้ประชาธิปไตยใหม่ ๆ แล้ว
แน่นอนว่าคนแบบนี้ก็มีฐานเสียงของตัวเอง ซึ่งก็คือพวกที่โหยหาบ้านเมืองอันสงบสุขในยุคเผด็จการทหาร นี่ทำให้ Bolsonaro ก็ได้เป็น ส.ส. มาตลอด แต่ประเด็นคือชีวิตของเขา ก็ได้เป็นแค่ ส.ส. ฝ่ายค้านมาอย่างยาวนาน
1
แต่วันดีคืนดีคนแบบนี้กระโดดมาลงสมัครท้าชิงประธานาธิบดีแล้วได้ประธานาธิบดีเฉย สิ่งที่น่าตั้งคำถามมากกว่าก็คือ มันเกิดอะไรขึ้นกับสังคมบราซิลกันแน่?
ถ้าจะให้อธิบายสั้น ๆ ความผิดพลาดเกิดขึ้นจากการบริหารประเทศของพรรคแรงงานเอง
แต่ก่อนอื่น เราต้องย้อนไปปี 2003 ก่อน ตอนที่ Luiz Inácio "Lula" da Silva ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีบราซิลและเริ่มศักราชการปกครองอันยาวนานของพรรคแรงงานกันก่อน
Lula da Silva
Lula ในตอนนั้น เป็นประธานาธิบดีที่ป็อปมากในหมู่คนยากคนจน เพราะเขาลงมาแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมบราซิลจริงจัง และมีนโยบายช่วยคนจนที่ทั่วโลกยกย่อง
เรียกได้ว่า Lula เป็นประธานาธิบดีที่คนบราซิลรักมาก ๆ มาจนถึงตอนนี้ เป็นประธานาธิบดีสองสมัยอย่างสวยงาม แต่เป็นต่อไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญระบุว่าเป็นติดกันได้แค่สองสมัย เลยส่งผู้สืบทอดมา ซึ่งก็คือประธานาธิบดีคนที่แล้วของบราซิล Dilma Rousseff และ Rousseff ก็ได้เป็นประธานาธิบดีติดกันสองสมัยเช่นกัน พรรคแรงงานเลยถือว่าได้ปกครองบราซิลมายาวนานมาก
อย่างไรก็ดี หลายปีหลังเศรษฐกิจบราซิลย่ำแย่ อาชญากรรมพุ่งกระฉูด และแน่นอนว่าทุกคนก็ต้องโทษรัฐบาล (อย่างน้อยชาวโลกทั่วไปก็มีแนวโน้มแบบนั้น) นี่ทำให้ความนิยมของ Rousseff ตกต่ำลง และถูกถอดถอนในที่สุด
ในยามที่ความนิยมพรรคแรงงานย่ำแย่ คนที่ควรจะมากู้วิกฤติกรรม และลงท้าชิงประธานาธิบดีต่อคือ Lula อดีตประธานาธิบดีที่คนบราซิลรัก ปัญหาคือ Lula ถูกตัดสินจำคุกฐานคอร์รัปชัน และติดคุกอยู่ ลงประธานาธิบดีไม่ได้
1
ซึ่งคนก็ตั้งข้อสังเกตว่ามันบังเอิญไปมั้ยที่ Lula จะต้องติดคุกในตอนที่เขาจะลงประธานาธิบดีพอดี? มันเหมือนมีบางฝ่ายต้องการจะ “ขัดขา” ไม่ให้เขาลงประธานาธิบดี เพราะเขาน่าจะชนะแน่ ๆ แต่ไม่เป็นไร Lula ส่ง Fernando Haddad ลงเป็นตัวแทนของพรรคแรงงานแทน โดยคนบราซิลก็รู้กันว่านั่นคือคนที่ Lula เลือกมากับมือ
อย่างไรก็ดี พอถึงวันเลือกตั้ง Haddad จากพรรคแรงงานที่มีแบ็กเป็นประธานาธิบดีที่คนบราซิลรักสุด ๆ กลับพ่ายแพ้ต่อ Jair Bolsonaro สส. ขวาจัดปากจัดที่เป็นทหารเก่าอย่างหลุดลุ่ย
ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ทำไมพรรคแรงงานที่ปกครองบราซิลมายาวนานถึงแพ้เลือกตั้ง?
จะหาคำตอบต้องกลับไปว่า Bolsonaro เอาอะไรมา “ขาย” ตอนหาเสียง
คำตอบคือไม่มีอะไรใหม่เลย มุกคลาสสิกของนักการเมืองฝ่ายขวาทั่วโลกสมัยนี้ คือคำสัญญาว่าจะปกครองอย่างเด็ดขาดให้บ้านเมืองสงบด้วยทุกวิธีการที่ทำได้ แม้ว่านั่นจะทำให้ประเทศดูเป็นเผด็จการ
1
ซึ่งแน่นอน ไม่ใช่ใครที่พูดอย่างนี้แล้วคนจะเชื่อ แต่คนอย่าง Jair Bosonaro นั้นมีจุดยืนแบบนี้มาตลอดชีวิตการเมือง และด้วยบุคลิกแบบ “คนจริง” เขาพูด มันยิ่งทรงพลังว่าเขาจะทำอย่างที่ว่าจริง ๆ
1
แต่คำถามต่อมาคือ แล้วทำไมประเทศที่เคยมีประสบการณ์เลวร้ายจากระบอบเผด็จการทหารมายาวนาน 20 กว่าปี (ทหารปกครองบราซิลตั้งแต่ปี 1964 - 1985) นั้นสามารถเลือกประธานาธิบดีที่ยืนยันมาตลอดชีวิตทางการเมืองว่าเผด็จการทหารเป็นสิ่งที่ดีลงได้ยังไง?
นักวิเคราะห์มองกันว่า เพราะคนบราซิลปัจจุบัน ไม่ได้มีความทรงจำของระบอบเผด็จการทหารจริง ๆ แล้ว เรียกได้ว่าตั้งแต่คน Gen Y ลงมานี่เกิดไม่ทัน และคน Gen X ก็เกิดตอนปลาย ๆ เผด็จการทหาร และไม่ได้มีความทรงจำนักว่ามันเลวร้ายแค่ไหน
ในอีกมิตินโยบายลดความเหลื่อมล้ำที่ “ได้ผล” ของรัฐบาลพรรคแรงงานในช่วงก่อนทำได้ทำให้คนบราซิลรุ่นใหม่จำนวนมากเขยิบฐานะมาจากคนจนเป็นชนชั้นกลาง ซึ่งชนชั้นกลางทั่วไปในโลกจะหวาดกลัวอาชญากรรมอยู่แล้ว บราซิลเป็นประเทศที่อาชญากรรมโหดสุด ๆ เป็นตำนาน ดังนั้นผู้นำที่เสนอตัวว่าจะมาปราบอาชญากรรม ทำประเทศให้สงบ มันเลยขายได้กับฐานเสียงของชนชั้นกลางใหม่พวกนี้ ซึ่งก็ดังที่ว่ามา คนเหล่านี้ไม่มีประสบการณ์เลวร้ายจากรัฐบาลเผด็จการ ก็เลยไม่ได้มองว่าผู้นำที่นิยมชมชอบเผด็จการทหารนั่นจะมีปัญหาอะไรในการปกครองประเทศ
ทั้งหมดนำมาสู่ชัยชนะอันช็อกโลกของ Jair Bolsonaro ผู้นำประเทศไม่สนสิทธิมนุษยชนและสายตาชาวโลกใด ๆ และเหตุการณ์ไฟป่า Amazon ที่ผ่านมาก็คงจะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ได้มาเล่น ๆ เขาโหดจริง ๆ
และความโหดจริง ๆ ก็คือ นี่น่าจะเพิ่งเป็นการ “โหมโรง” ของความโหดของ Bolsonaro เท่านั้นเอง คงจะมีวีรกรรมอีกเยอะกว่าจะหมดสมัย
#Brandthink
“มนุษย์เป็น สปีชี่ส์
ที่สุด วิปลาส
พวกเขานับถือ บูชา
เทพเจ้าที่มอง ไม่เห็น
เเต่ดันทำลาย ธรรมชาติ
ที่เห็นอยู่ ตำตา
Hubert Reeves
(นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ชาวเเคนนาดา)
Salary investor
โฆษณา