30 ส.ค. 2019 เวลา 04:09 • ประวัติศาสตร์
EP3 เสน่ห์จอมเจ้าเล่ห์โจโฉ(ยอดขุนนางแห่งยุคสันติ จอมเจ้าเล่ห์แห่งกลียุค)
(เนื้อหายาวไป มีคลิปเสียงเล่าให้ฟังครับครับ) https://youtu.be/EZ864_4GjbY
โจโฉคนนี้ ถือว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์ตั้งแต่เด็กๆ และจัดได้ว่าอยู่ครอบครัว ที่มีฐานะดีแต่ว่าชาติกำเนิดไม่ดี แม้ว่าพ่อและปู่ของโจโฉนั้น จะเป็นขุนนางในราชสำนัก แต่ด้วยปู่ของโจโฉ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นปู่บุญธรรมก็ว่าได้ เป็นขันที
โดยในขณะนั้น ว่ากันว่า ขันทีทำให้บ้านเมืองย่ำแย่ จึงทำให้ผู้คนเกลียดชังและไม่ชอบพวกขันที และตัวโจโฉเอง ที่มีปู่บุญธรรมเป็นขันที ก็เลยรวมอยู่ในนั้นด้วย อีกทั้งการสั่งสอนอบรมขัดเกลานิสัย ก็ไม่ดี จึงทำให้โจโฉคนนี้ มีนิสัยเป็นคนเจ้าเล่ห์ตั้งแต่เด็ก ๆ
ว่ากันว่า โจโฉ ไม่ค่อยถูกกับอาของตัวเองเท่าไรนัก เจอกันก็มักจะขัดแย้งกันเสมอวันนึง โจโฉจึงคิดอุบายแกล้งอาของตนเอง จึงแกล้งทำปากเบี้ยวเป็นลมชัก อาเห็นก็ตกใจรีบไปตามพ่อโจโฉ แต่พอมาถึง โจโฉกลับทำตัวเป็นปกติแล้วถามกลับว่า ใครเป็นลมชัก พ่อโจโฉตอบ ก็แกนั่นล่ะ โจโฉ บอก “ไม่ใช่ ที่ท่านอาบอกไปอย่างนั้นเพราะไม่ชอบข้า” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พ่อของโจโฉก็ไม่ฟังอาของโจโฉอีกต่อไป
พอโตขึ้นมาหน่อย ก็ตั้งก๊วนป่วนเมือง เคยแม้กระทั้ง รวมหัวกับอ้วนเสี้ยว ไปขโมยเจ้าสาวในคืนวันแต่ง เพียงเพราะเหตุหาเรื่องสนุก ดังนั้นโจโฉ จึงไม่เป็นที่ชมชอบกับคนในเมืองเท่าไรนัก แต่ด้วยโจโฉนั้น เป็นคนชอบฝึกอาวุธ ร่ำเรียนตำรา โดยเฉพาะเกี่ยวกับพิชัยสงคราม โจโฉให้ความสนใจมาก
จึงมีคนนึง ชื่อ “เสวียวเฉียน” ตำแหน่ง เป็นแม่ทัพใหญ่ ควบคุมกองทัพ ในขณะนั้น เห็นว่า โจโฉคนนี้ เป็นอัจฉริยะที่หายาก หากวันข้างหน้า เกิดกลียุค โจโฉคนนี้ล่ะ จะทำให้บ้านเมืองสงบสุข
ต่อมา แม่ทัพเสวียวเฉียน แนะนำโจโฉให้รู้จักกับ สวี่เส้า ซึ่งสวี่เส้าคนนี้ เป็นนักเขียนคำวิจารณ์ คำเชิดชูบุคคล ซึ่งค่านิยมในสมัยนั้น การที่คนๆ นึงจะเป็นที่รู้จักได้ในสังคม จำเป็นต้องมีผู้เขียนเชิดชูตัวเอง ซึ่งแม้ตอนแรก สวี่เส้า จะปฏิเสธ แต่ตอนหลังก็เขียนวิจารณ์ ตัวโจโฉไว้ให้ โดยคำวิจารณ์ว่าไว้คือ “ยอดขุนนางยุคสันติ จอมเจ้าเลห์แห่งกลียุค” โจโฉ ได้ฟัง ก็หัวเราะเป็นการใหญ่ ซึ่งความหมายในประโยคนี้ อาจตีความได้เป็น สองแบบ คือ
แบบแรก หากอยู่ในปกติสุขโจโฉจะเป็นยอดขุนนาง แต่หากเกิดกลียุค โจโฉก็จะกลายเป็นจอมเจ้าเล่ห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ สถานะการณ์สภาพแวดล้อมจะพาไป
แบบที่สอง คือ ไม่ว่าจะบ้านเมืองจะสงบสุขหรือเกิดกลียุค โจโฉเลือกเองว่าจะเป็น ยอดขุนนางหรือ จอมเจ้าเล่ห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโจโฉตัดสินใจ
โดยความคิดเห็นของ อ.อี้จงเทียนเห็นว่า โจโฉไม่น่าจะคิดเป็นจอมเจ้าเล่ห์ตั้งแต่แรก เพียงแต่คิดว่าตนเองอยากจะเป็นขุนนางที่ดี แต่หากเกิดกลียุคขึ้นมา การได้เป็นจอมเจ้าเล่ห์ก็ไม่เห็นเป็นไร ขอเพียงฝากชื่อไว้ ไม่ยอมแก่ตายอย่างไรชื่อเสียงแน่นอน
ส่วนในด้านของความน่ารักและเสน่ห์ของโจโฉก็มี อ.อี้จงเทียน ยกตัวอย่างว่า เช่น เรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน กินอยู่ไม่มากเรื่อง ซึงการกิน ก็พอแค่ให้อิ่มท้อง เสื้อผ้า ก็พอแค่ให้อบอุ่น บ้านช่องก็พอแค่ให้หลบแดดหลบฝน หากวันไหนไม่มีงานพิธีการต่างๆ โจโฉก็จะแต่งตัวสบายๆ ง่ายๆสังสรรค์ พูดคุยสัพเพเหระ กับเพื่อนฝูง ในสนามรบ ก็มีเรื่องแฝงความน่ารักอยู่
ครั้งนึง ระหว่างสองทัพประจันหน้ากันอยู่ ทหารอีกฝ่ายก็พูดกันอื้ออึง มองหาโจโฉกันใหญ่ โจโฉได้ยินอย่างนั้น ก็ ชักม้าออกมาคนเดียว แล้วพูดว่า “ข้าคนนี้ล่ะโจโฉ เป็นคนธรรมดาไม่แตกต่างกับพวกท่าน มีตา หู จมูก เหมือนกับท่าน แต่ต่างกันที่ ข้ามีสติปัญญาเหนือกว่าคนทั่วไปเท่านั้นเอง” นี่ละ ความน่ารัก ตรงไปตรงมา
โจโฉนั้น อาจเรียกได้ว่าเป็นจอมเจ้าเล่ห์ ที่ชอบพูดเท็จเป็นจริง พูดจริงเป็นเท็จ แต่จริงๆ แล้ว หากมีโอกาสโจโฉก็จะพูดจริงเสมอ อย่างใน คำชี้แจงแถลงเหตุคืนอำเภอ หรือ คำชี้แจงปณิธานของโจโฉ กล่าวโดยสรุป ก็คือ
ตัวข้าโจโฉนั้น ต่ำต้อย ชาติกำเนิดไม่ดี ทีแรกก็หวังจะมีเขตปกครองสักเขต ดูแลให้ดีให้เต็มที่ แตกพอบ้านเมืองวุ่นวาย ก็จำเป็นต้องนำทัพออกศึก ปกป้องบ้านเมืองอุ้มชูฮ่องเต้ และไม่ได้หวังอะไร ต่อมาตอนหลัง จึงความทะยานอยากมันเพิ่มขึ้นมาหน่อย มีอำนาจในมือ ได้เป็นสมุหนายกแห่งราชวงค์ฮั่น ตำแหน่งถึงขีดสุดแล้ว จึงไม่หวังสิ่งใดอีก ไม่คิดที่จะเป็นฮ่องเต้ แต่จำเป็นต้องนั่งตำแหน่งนี้ต่อไป เพราะหากไม่มีข้าสักคน ไม่รู้กี่คนตั้งตนเป็นฮ่องเต้ กี่คนเป็นอ๋อง ซุนกวน เล่าปี่ ถ้าไม่ใช่ข้าโจโฉ ไอ้พวกนี้ ตั้งตัวเป็นฮ่องเต้ไปนานแล้ว มาถึงตอนนี้ หากถามว่า ข้าโจโฉ ควรถ่ายทอดอำนาจ ตำแหน่งนี้ได้แล้ว ตอบเลยไม่ได้ หากไม่มีอำนาจพวกนี้ แล้วพวกเจ้าจะไม่ทำร้ายข้ารึ ข้าจะปกป้องลูกเมียข้าได้อย่างไร ข้าไม่คืน ไม่ขอลง แต่สำหรับที่ดิน ศักดินาต่าง ๆ ที่ฮ่องเต้ประทานให้ ข้ายินดีคืนให้ ยศศักดิ์ ทรัพย์สินภายนอก ข้าคืนให้ได้ แต่อำนาจปกครอง ข้าไม่ขอคืน
แหละนี่คือ ความหมายตรงไปตรงมาและชัดเจนที่สุดของโจโฉ ถึงตอนนี้ อ.อี้จงเทียนแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า ที่จริงแล้ว โจโฉนั้น อยากที่จะเป็น ยอดขุนนาง แล้วเหตุใด จึงเป็นแบบนั้นไม่ได้ พบกันตอนหน้า EP 4 เส้นทางขุนนางของโจโฉ ครับ
โฆษณา