3 ก.ย. 2019 เวลา 11:12
เจ้าพ่อการโกงยุคบุกเบิก ชาลส์ พอนซี่
“คุณพอจะมีเวลาว่างสัก 15 นาทีกันมั้ยครับ🙂”
นี่เป็นประโยคที่โคตรน่าเบื่อในยุคปัจจุบันนี้เลยนะครับและหลายๆคนที่กำลังเริ่มอ่านเรื่องนี้อยู่ก็...โดนมาไม่ใช่น้อยๆ
ใช่แล้วครับเพราะนี่คือธุรกิจแชร์ลูกโซ่มันเป็นธุรกิจงานที่ไม่ต้องทำ ดาวไลน์ทำแทน👍
ยุคโซเชียลนี้หลายๆคนก็เห็นมาเยอะเหมือนกันครับในกลุ่มเป็นต้นว่างานสบายๆคอยตอบไลน์ลูกค้าไม่ต้องอบรมคอร์ส คอยแพ็คของส่งลูกค้าเห็นมั้ยหล่ะครับง่ายนิดเดียวนิดเดียวอาทิตย์ละ 2,500 บาท
ถ้ารวยนักทำไมไอ้คนโพสต์ไม่ไปชวนญาติพี่น้องมันไปทำมันวะ.....🙄
Present by ซีรี่ส์ด้านมืดของสังคม
ซึ่งมันก็มีมาตั้งแต่อดีตแล้วครับแต่ที่น่าจะเป็นตำนานที่สุดก็คือคดีแม่ชม้อยในประเทศไทยครับ
สรุปง่ายๆคือธุรกิจแบบนี้คนเข้าไปทีหลังจนครับ คนเข้าไปก่อนรวย
.
แล้วไอ้คนที่บอกว่าตัวเองรวยเยอะๆก็จะเปิดการขายด้วยประโยคสุดฮิตที่ว่าขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย ก่อนที่จะเดินไปถ่ายรูปกับรถสปอร์ตเช่ามาครับ จบงานกลับบ้านต้มมาม่า😎
.
แต่เนื้อหาต่อจากนี้ไม่ได้มาพูดถึงคดีของแม่ชม้อยนะครับและจะไม่พูดถึงเรื่องแชร์ลูกโซ่ในปัจจุบันแต่อย่างใด
แต่นี่คือต้นกำเนิดของคนที่คิดแผนการแชร์ลูกโซ่ขึ้นมานั่นก็คือชาลส์ พอนซี่ แค่พิมพ์ชื่อนี้ลงอากู๋ก็จะมีข้อมูลเฮียแกอยู่ในวิกิพิเดีย
1
แต่อ่านในวิกิไปจะไม่มันส์ครับ เดี๋ยวผมหั่นเอาเรื่องเด็ดๆของเฮียคนนี้มาเล่าให้อ่านกัน แม้ในลูกเพจลงทุนแมนอาจเคยเห็นผ่านตากันบ้าง แต่บอกเลยว่า เวอชั่นนี้ไม่เน้นสาระ ไม่เน้นเอาภาษาหลักการ แต่เน้นเขียนเอามันส์ครับท่าน
แชร์ลูกโซ่ในยุคนั้นมันเป็นปฏิบัติการลงทุนแบบช้อฉล ที่เชิญชวนคนมาลงทุนโดยให้ผลประกอบการที่เกินจริงมากเกินไป
.
ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบองค์กรหรือบุคคลนะครับ ส่วนการจ่ายผลกำไรให้กับนักลงทุนก็เอาเงินลงทุนจากคนใหม่นี่ล่ะครับไปจ่ายให้กับคนเก่า แทนที่จะเอาผลกำไรที่ลงทุนไปแล้วมาจ่าย
ด้วยผลกำไรผลประกอบการที่มหาศาลนี่แหละครับ ก็ดึงดูดคนหน้าใหม่มาลงทุนได้เสมอนะครับ แล้วผู้เสียหายทั้งหลายก็เสียหายด้วยความโลภของตัวเองนั่นแหละไม่ต้องโทษใคร 😕🍃
ชาลส์ พอนซี่ เคยสัญญากับคนลงทุนไว้ว่าถ้าได้ซ้อมเดือนผมจะให้ผลตอบแทนมากถึง 2 เท่าให้กับผู้ลงทุน
เป็นคุณ คุณเอามั้ยครับ?💡✍
1
ชาลส์ พอนซี่ เป็นคนอิตาลีโดยกำเนิดเกิดเมื่อปีพ. ศ. 1882 ครับ👼
.
ช่วงชีวิตวัยเด็กเรียกได้ว่าแกค่อนข้างลำบากสุดๆถึงขั้นยากจนเลย
สืบเนื่องมาจากครอบครัวของชาลส์ พอนซี่ ประสบปัญหาทางการเงินนะครับ แถมยังคบเพื่อนที่วันๆเอาแต่เที่ยวทำให้ชีวิตวัยรุ่นเขานั้นแทบไม่มีเงินเก็บเลยครับ
.
เวลาผ่านไปจนเข้าสู่วัยทำงานนะครับพอนซี่ก็ได้ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีเงินติดตัวมาเพียงแค่ประมาณ 70 บาทนะครับ
.
ในการย้ายเข้ามาอเมริกาพร้อมกับความคิดที่ว่า “คอยดูนะฉันจะรวยและสร้างฐานะให้เหมือนกับคนยุโรปคนอื่นๆ”
การย้ายเข้ามาอยู่ในสหรัฐอเมริกาและก็มาแต่ตัวกับเสื่อผืนหมอนใบ และเขาเริ่มไปหางานตามป้ายประกาศทั่วไปนะครับและเขาก็ไปจองานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งในร้านอาหารนั้นเขาก็ได้ทำหน้าที่เป็นเด็กล้างจานนะครับ ก่อนที่จะขยับขยายเลเวลเป็นงานบริการแต่พอเลื่อนขั้นเป็นเด็กเสิร์ฟไปได้ไม่นานนะครับก็โดนไล่ออกเนื่องจากเฮียแกโกงเงินทอนลูกค้า😏
บรรยากาศแจกของฟรี ไม่มีส่วนเกี่ยวกับเรื่องแต่อย่างใด
จากนั้นเองครับพอนซี่หางานใหม่ เขาก็ได้มีโอกาสทำงานเป็นผู้ช่วยธนาคารชื่อว่า Banco Zarossi ซึ่งนี่ถือเป็นจุดสำคัญในชีวิตก็ว่าได้ซึ่งการทำงานในธนาคารที่นี่ก็ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตเขาเลยนะครับ เพราะว่าเขาได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆที่ธนาคารเสนอลูกค้าก่อนและได้พบว่าธนาคารที่เขาทำนั้นให้ดอกเบี้ยกับลูกค้ามากถึง 6%ด้วยกันครับในขณะที่ธนาคารอื่นให้แค่ 2 - 3 % เท่านั้นครับ ซึ่งดอกเบี้ยสูงถึง 6 % นี้ก็มากกว่าธนาคารทั่วไปถึง 2 เท่าโดยทั่วไปแล้วก็พบว่า ธนาคารจริงๆแล้วมันเอาเงินลูกค้าหน้าใหม่มาจ่ายกับคนเก่านั่นเองครับ
สุดท้ายแล้วธนาคารก็แบกรับดอกเบี้ยที่ตัวเองสร้างไว้ไม่ไหวจนต้องปิดไปเลยครับ
.
พวกเราก็คงจะรู้ตอนถัดไปกันดีครับว่าธนาคารก็ได้หอบเงินลูกค้าที่เอามาฝากไว้นั้นมีหายเข้ากลีบเมฆหนีไปต่างประเทศ
ดังนั้นเฮียพอนซี่ก็ตกงานตามระเบียบอีกแล้วครับท่าน
ธนาคารยุคนั้นคนเยอะมากก
ถึงแม้ตกงานธนาคารครับแต่ไอเดียวิธีการฉ้อฉลนั้นยังปิ๊งป่อง💡อยู่ในหัวของพี่แกมาโดยตลอด
จนกระทั่งพอนซี่ได้ลงมือทำมันเองครับ หากแต่ว่าพอนซี่เจอปัญหานะครับเพราะเฮียแก ไม่มีหลักการลงทุนที่ทำให้คนเชื่อถือและวิธีการที่จะให้ลูกค้าเอาเงินมาฝากเหมือนกับธนาคารครับ
ณ จุดๆนี้ มันดูเหมือนแชร์ลูกโซ่ปัจจุบันมั้ยเอ่ยที่เอาเงินเข้ามาล่อ?
ต่อๆ
ในขณะที่พอนซี่ กำลังดิ้นรนหาเงินประทังชีวิตอยู่นั้นครับ เขาก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งส่งตรงมาจากยุโรปและสิ่งที่เขาพบเจออยู่บนหน้าจดหมายครับนั่นก็คือ วิมัยบัตร หรือ IRC
เล่าง่ายๆมันเป็นคูปองที่ใช้จ่ายในการส่งจดหมายตอบกลับครับ
ไอ้สิ่งนี้แหละครับทำให้เฮียพอนซี่เจอช่องโหว่วิมัยบัตร
ซึ่งช่องโหว่ในยุคนั้นมีหลายประเทศครับเช่นอิตาลี มันมีราคาที่ค่อนข้างถูกกว่าสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมากเลยครับและในช่วงเวลานั้นก็เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 พึ่งจบไปซิงๆเลย มันก็เลยทำให้เงินเฟ้อแบบสุดขีดในอิตาลี
.
ถ้าจะเอาวิมัยบัตรจากอิตาลีมาขายนั้นก็ได้กำไรอย่างงามเลยครับ
พอนซี่เขาก็เลยเอาแผนการนี้แหละเอามาสร้างรายได้ ประมาณว่าเอากับตูป่ะของตูถูก อะไรประมาณนี้
ซึ่งในทางทฤษฎีสามารถทำได้นะครับที่เราสามารถซื้อของถูกจากอีกที่มาขายในที่ต่างๆ จะให้พูดแบบบ้านๆคือกระเป๋าจีน 5 บาทจากสำเพ็ง ไปขาย ใบละ 50 บาทจัตุจักร กำไรเห็นๆครับ สรุปเสียค่าน้ำมันนิดหน่อย
หลังจากเฮียแกคิดแผนการอันชาญฉลาดของตัวเองได้แล้ว ต่อไปนี้คือแผนการต้มตุ๋นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก จนได้รับการบันทึกว่าเป็นการฉ้อฉลแบบพอนซี่
วางแผนกันเลยทีเดียว
ไปช่วงต้นเดือนมกราคมปี 1920 ครับพอนซี่ก็ได้รวบรวมเงินอันน้อยนิดของตัวเองนะครับเปิดบริษัทขึ้นมาชื่อว่า The Securities Exchange Company บริษัทที่ว่านี้ทำธุรกิจ Arbitrageซึ่งเกี่ยวกับวิมัยบัตร อย่างที่ผมพูดไปแล้วนั่นเองครับ☝️
ซื้อกระเป๋าสำเพ็ง 5 บาทมาขายจัตุจักร 50 บาท
โดยบริษัทพอนซี่ให้คำมั่นสัญญากับผู้ลงทุนหน้าใหม่ว่า “ข้าพเจ้าจะสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนสูงถึง 50% ได้เวลา 45 วันและ 100% ภายในเวลา 3 เดือน” หลังจากนั้นเป็นต้นมาครับเพียงแค่เปิดบริษัทไปได้แค่ 1 เดือนเท่านั้นกลับมีผู้ลงทุนมากถึง 1,800 ดอลล่าห์😮
ซึ่งพอนซี่ก็สามารถจ่ายเงินให้ผู้ลงทุนหน้าใหม่ได้เลยนะครับตั้งแต่เดือนแรก และนั่นเองครับทำให้เฮียแกดัง เกิดกระแสปากต่อปาก บอกต่อๆ ว่า
บริษัทนี้น่าลงทุนม๊วกๆ🤫👍
คนที่ลงทุนไปแล้วก็ไปบอกญาติพ่อแม่พี่น้องตัวเองกันเต็มไปหมด ส่วนคนที่ได้กำไรแล้วนั้นก็เอาเงินมาลงทุนใหม่
.
ด้วยเงินไหลเข้ามาในบริษัทอย่างไว้ด้วยความเร็วแสงนะครับ 🤩 ตอนนี้ธุรกิจจะดำเนินไปเรื่อยๆมีทั้งคนหน้าเก่าหน้าใหม่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่หยุดไม่หย่อน บางคนเล่นแค่พัน สองพัน ดอลลาร์นะครับส่วนคนรวยอยากมีรายได้อีกทางก็เล่นกันเป็นแสนครับ พอมีนักลงทุนรายใหญ่เห็นแบบนี้แล้ว ก็พอเชื่อมั่นในธุรกิจพอนซี่หน่อยครับเพราะว่าลูกค้าลงทุนก็เข้ามาไม่หวาดไม่ไหว แถมช่วงหลังๆนั้นบริษัททำเงินสูงถึง 1 ล้านต่อวันครับ จนทำให้เฮียพอนซี่มีรายได้จากการฉ้อฉลในช่วงเวลาที่แสนสั้นเขาทำเงิน 8 ล้านดอลลาร์เพียงเวลาแค่ 5 เดือนเท่านั้นครับ ถ้าคิดเป็นเงินไทยก็เกือบๆ 250 ล้านบาท โดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรทั้งสิ้นครับ
1
ฮันแน่! มาม่าซะด้วย
ทำให้บริษัทหนังสือพิมพ์ boston นะครับ ว่าจ้างนักข่าว เข้าไปตรวจสอบว่าทำไมบริษัทนี้มันดีกว่าชาวบ้านชาวช่อง👿
จนเขาประเมินออกมาบอกว่าบริษัทของพอนซี่นน่าจะมีอายุไม่ถึงเดือนแน่นอนเพราะว่าการประกอบธุรกิจแบบนี้ไปเรื่อยๆโดยที่ไม่มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาเจ๊งยับแน่นอนพี่น้อง😆
นับตั้งแต่เปิดบริษัทมาก็ปาเข้าไป 7 เดือนละนะครับ ธุรกิจพอนซี่หลังจากนั้นก็พังตู้มครับ ยังกะบ้านบึ้ม
.
ปล่อยให้ผู้ลงทุนกว่า 3 หมื่นคนเคว้งคว้างยิ่งกว่าเลี้ยงควายคนเดียวอยู่ท่ามกลางอวกาศไปเลยครับ🐃🌌
.
สาเหตุที่เจ๊งไปนะครับเพราะว่าไม่มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาเลยสักคนนะครับ
แถมพวกหน้าเก่าก็เล่นกันหนักเกิ๊น ก็เลยจ่ายคนเก่าไม่ทันครับ😆
แน่นอนครับว่าการจ่ายผลตอบแทนที่สูงตลอดเวลานะมันดูผิดปกติมากเกินไป ที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นคือธุรกิจวิมัยบัตรอะไรของเฮียแกนั่นหน่ะมันเป็นไปไม่ได้เลยครับในเชิงปฏิบัติ
แถมในช่วงหลังจากที่เป็นข่าวไปได้นั้นก็มีการประเมินว่าหากพอนซี่ทำธุรกิจคูปองจริงๆนะครับ คูปองก็น่าจะมีมากกว่า 160 ล้านใบเลยทีเดียวในขณะที่ตัวเลขของคูปองจริงๆมีเพียงแค่ 27,000 ใบเท่านั้นนะครับทางบริษัทไปรษณีย์เองก็ไม่เห็นเลยว่าในการแลกเปลี่ยนคูปองมากผิดปกติแต่อย่างใด
ถ้าจ่ายเป็นแบบลุงขี้โมโหแถวบ้านแกคงรอด🙄
ถึงแม้ว่าบริษัทที่พอนซี่เปิดไปนั้นจะได้รับผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงแต่พอนซี่เองนั้นกลับไม่ได้ลงทุนในบริษัทตัวเองเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังได้รับเงินที่ไม่ต้องลงทุนอีกต่างหากถึง 250 ล้านบาทครับ☻
.
หลังจากที่หนังสือพิมพ์boston ประโคมข่าวเกี่ยวกับพอนซี่ออกไปนั้นครับทำให้ชาวบ้านที่กำลังศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนต่างตื่นตัวกันใหญ่และทำให้เจ้าหน้าที่ทางรัฐบาลเข้ามาดูครับว่า เฮ้ยพวกเอ็งศึกษาอะไรกัน🤨
ทำให้พบว่าหลักการธุรกิจของพอนซี่นะครับเอาเงินจากผู้ลงทุนหน้าใหม่เข้าไปจ่ายคนเก่า ทำแบบแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ เงินก็เข้ามาจากคนต่อไปเรื่อยๆแล้วก็ยังเป็นหนี้สูงถึง 220 ล้านบาทเลยทีเดียวนะครับท่าน จากรายการค้างชำระเงินลงทุนเก่า
ส่วนคนที่ได้รับผลกระทบไปก่อนหน้านั้นที่หลงเข้ามาลงทุนในนั้นก็ได้รับเงินคืนไปเพียงแค่ 30% เท่านั้น แถมยังมีการประเมินอีกว่าการฉ้อฉลสะท้านโลกในครั้งนี้สร้างความชิปหายไว้ถึง 20 ล้านดอลล่าห์🤣 ส่งผลให้พอนซี่ดำเนินคดีผ่านข้อหาฉ้อโกงผานไปรษณีย์และถูกจำคุก 5 ปีก่อนที่จะถูกเนรเทศออกจากสหรัฐอเมริกาไปซะเลย กลับบ้านเกิดเอ็งไปเลยอิตาลีโน่น🤬
เฮียพอนซี่ก็เลยเสียสัญชาติอเมริกาไปโดยปริยายครับ บั้นปลายชีวิตของพอนซี่ครับ พอนซี่เฮียแกคนนี้ได้ไปเป็นล่ามให้กับนักท่องเที่ยวนักธุรกิจอะไรประมาณนี้ ก่อนที่จะเสียชีวิตลงในปี 1949 นะครับรวมอายุได้ 66 ปี
ถึงแม้ว่าชาล์ส พอนซี่จะเสียชีวิตไปนานแล้วก็ตามนะครับ ธุรกิจลูกโซ่มันก็ยังมีมาเรื่อยๆไม่จบไม่สิ้นอาศัยอยู่กับคำว่าโลภของมนุษย์เรานี่แหละครับซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีข่าวคนถูกหลอกเยอะเหมือนกันครับ สร้างความเสียหายมหาศาลยิ่งกว่าตัวพ่ออย่างพอนซี่ซะอีก
บทความนี้ จอบอ ครับ
.
.
.
ฝากข้อคิดนิดหน่อยก่อนจาก
ไม่ว่าเวลาจะผ่านเป็นร้อยเป็นพันปีนะครับ หนึ่งในสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือความโลภนี่แหละครับเพราะมันยังใช้เล่นงานมนุษย์เราได้เสมอ
ถ้าชอบบทความแนวนี้ก็อย่าลืมก็ไลค์ และการช่วยส่งต่อออกไปก็เป็นการช่วยให้คนเห็นช่องนี้มากขึ้นนะครับผม
ลุ้นให้ซีรี่ส์ตอนนี้ไม่บิน 😁
I’m sam ครับ🙏

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา