3 ก.ย. 2019 เวลา 11:09 • ประวัติศาสตร์
Obice da 305/17 D.S. ม้าเหล็กจอมทำลายป้อมปราการ
มาดูกันว่าทำไมพวกอิตาเลี่ยนออกแบบปืนใหญ่ได้แปลกแหวกแนวแบบสุดๆ
ปืนใหญ่ขนาดความกว้างปากลำกล้อง 305มม. ถูกสร้างมาเพื่อใช้ยิงทำลายป้อมปราการ ขนาดกระสุนอันใหญ่โตของมันสามารถเจาะทะลวงคอนกรีตได้ดีมาก และสร้างแรงระเบิดได้เป็นวงกว้าง เหมาะกับการทำสงครามสนามเพลาะที่เน้นการตั้งรับของข้าศึกในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
มันสามารถยิงได้ไกลสุดถึง 17.6กม. ใช้พลประจำปืนทั้งหมดสิบนาย บรรจุกระสุนแบบแยกระหว่างหัวกระสุนกับนัดดิน(ดินส่งกระสุน) ยิงได้เร็วที่สุดถึง 12นัดต่อนาที การยิงเร็วขนาดนี้ทำให้ปืนร้อนมากและพลบรรจุเหนื่อยมาก หากต้องการยิงต่อเนื่องเป็นเวลานานจะยิงแค่ 5นัดต่อนาที
โดยมากแล้วปืนใหญ่ขนาดนี้มักจะติดตั้งไว้ตามป้อมต่างๆ หากต้องการเคลื่อนย้ายจะต้องถอดแยกชิ้นส่วนลำกล้อง โครงปืน ฐานปืน ออกจากกันแล้วใช้รถลากแต่ละชิ้นไปประกอบใหม่ ซึ่งก็ยุ่งยากและเสียเวลามาก ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวันเต็มในการประกอบปืน
ปืนใหญ่ 305/17 ถูกติดตั้งอยู่ที่ป้อมชายฝั่ง
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว จึงได้ออกแบบปืนใหญ่ให้ติดกับโครงขนาดยักษ์ มีล้อเพื่อให้ลากไปได้ด้วยรถแทรกเตอร์หรือรถไฟ ล้อปกติจะมีร่องสำหรับเคลื่อนที่บนทางรถไฟ หากต้องการลากไปบนพื้นถนนจะใส่แผ่นเหล็กสี่เหลี่ยมเพื่อกระจายแรงกดทำให้เคลื่อนที่บนถนนได้
หากสังเกตดูจะเห็นว่าช่วงหลังของมันเว้าขึ้นไป สาเหตุก็คือเพื่อให้ล้อหลังของมันสามารถหมุนได้ ทำให้สะดวกต่อการเปลี่ยนทิศทางการยิงและง่ายในการควบคุมทิศทางขณะลากเคลื่อนย้าย แค่บิดล้อหลังก็เปลี่ยนทิศทางได้อย่างง่ายดาย
เมื่อลากปืนเข้าที่ตั้งแล้วก็ยิงได้โดยไม่ต้องประกอบปืนใหม่ ด้านหลังจะมีขาตั้งเพื่อป้องกันไม่ให้ปืนดีดถอยหลังมากนัก หากต้องการเคลื่อนย้ายก็เอาขาตั้งออกแล้วนำรถมาลากไป เพิ่มความคล่องตัวให้กับปืนใหญ่ได้หลายเท่า
ในยุคต่อมาปืนใหญ่ขนาดนี้ก็เริ่มหมดความสำคัญลงเพราะรูปแบบการรบที่เปลี่ยนไป ปืนใหญ่ติดรถลากถูกแทนที่ด้วยปืนอัตตาจร แต่ในสงครามโลกครั้งที่สองก็ยังคงมีปืนใหญ่ขนาดนี้ใช้อยู่บ้าง
ปืนใหญ่ม้าเหล็กตัวนี้ถูกลากไปในระหว่างกำลังร่นถอย
โฆษณา