6 ก.ย. 2019 เวลา 10:58 • ประวัติศาสตร์
Serial Thriller EP1 : เปิดปมทฤษฎีการลอบสังหาร John F. Kennedy
1
คดีฆาตกรรมประธานาธิบดีอันโด่งดัง แต่คนอเมริกันมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ไม่เชื่อข้อสรุปจากรัฐบาล อะไรที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้?
Cr. Wikipedia
จอห์น เอฟ. เคนเนดี ประธานาธิบดีลำดับที่ 35 แห่งสหรัฐอเมริกา เจ้าของวาทะที่ว่า "จงอย่าถามว่าประเทศชาติจะให้อะไรแก่ท่าน แต่จงถามตัวท่านเองว่าท่านจะทำอะไรให้ประเทศชาติ"
เขาเป็นประธานาธิบดีผู้มีอายุน้อยที่สุดของสหรัฐอเมริกา ผู้มีผลงานโดดเด่นมากมายท่ามกลางวิกฤตการณ์หลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ต้องมาลงเอยด้วยการถูกยิงขณะที่เขากำลังหาเสียงสำหร้บการเลือกตั้งสมัยต่อไปของเขา
2
John F. Kennedy / Cr. Wikipedia
แล้วเขาถูกสังหารได้อย่างไร?
เรื่องนี้ต้องย้อนกันไปวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963 ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี ได้เดินทางไปยังเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส เพื่อหาเสียงโดยมีประชาชนมาให้กำลังใจมากมาย
เหตุการณ์ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่เมื่อเวลา 12.30 น. นั้นเองได้มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งครั้ง กระสุนโดนเข้าที่คอของ JFK ซึ่งในขณะนั้นภรรยาของเขาที่นั่งมาด้วย เข้าใจว่าเป็นเสียงประทัดจึงไม่ได้นึกสงสัยอะไร
1
จนกระทั่งกระสุนอีกหนึ่งนัดพุ่งตรงมาเข้าที่ศรีษะของ JFK เธอจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะเดียวกันนั้นเองผู้คนรอบข้างก็พากันแตกตื่น วิ่งหนีกันโกลาหล บ้างก็หมอบลงกับพื้น เพื่อป้องกันลูกหลงที่อาจจะยิงมาอีก
JFK ขณะนั่งรถหาเสียงก่อนถูกยิง / Cr. History.com
ครึ่งชั่วโมงต่อมาประธานาธิบดีทนพิษบาดแผลไม่ไหวและได้เสียชีวิตลง
เวลา 13.15 น มีการรับแจ้งว่าพบชายต้องสงสัยอยู่ที่หน้าต่างของตึกใกล้ที่เกิดเหตุ ต่อมาตำรวจนายหนึ่งเข้าไปตรวจสอบ และพบชายต้องสงสัย จึงทำการค้นตัว แต่กลับโดนผู้ต้องสงสัยยิงตาย ผู้ต้องสังสัยได้หนีไปที่โรงหนังเท็กซัสและถูกควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา
ผู้ต้องสงสัยชื่อว่า ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ (Lee Harvey Oswald) จากการค้นตัว ตำรวจพบบัตรประจำตัวปลอมของหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ใช้ชื่อว่า อเล็ก เจมส์ ไฮเดลล์ (Alek James Hidell)
Lee Harvey Oswald / Cr. Wikipedia
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นในตึกนั้น และได้พบปลอกกระสุนปืนไรเฟิลที่ยิงแล้วจำนวน 3 ปลอก (ยิงโดนประธานาธิบดี 2นัด และยิงพลาดไป 1 นัด) ที่ชั้น 6 ของอาคารหลังนี้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พบปืนไรเฟิลซุกซ่อนอยู่หลังกล่องในบริเวณเดียวกัน และได้ตรวจหาลายนิ้วมือบนกล่องพบว่าตรงกับลายนิ้วมือของออสวอลด์
ปืนคาร์คาโน M91/38 คาร์ไบน์ / Cr. Wikipedia
ตึกที่มือปืนซุ่มยิง / Cr. Eventesan.com
ตำรวจจึงได้ตั้งข้อหาฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและประธานาธิบดี แต่เขาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยบอกว่าตัวเองเป็นแค่แพะรับบาปของเรื่องนี้
และเรื่องเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ถัดจากวันสังหาร JFK สองวัน เมื่อกำลังเคลื่อนย้ายนักโทษออสวอลด์ (บุคคลที่โดนข้อหาสังหาร JFK) จากดัลลัสไปเรือนจำเท็กซัส มีชายที่ชื่อ แจ็ค รูบี้ เดินตรงไปยังออสวอลด์ และใช้อาวุธปืนสังหารออสวอลด์ ต่อหน้านักข่าวที่อยู่บริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก สาเหตุเพราะเขาชื่นชอบ JFK มากและรู้สึกโกรธจึงต้องการแก้แค้น
2
แจ็ค รูบี้ ขณะกำลังสังหารออสวอลด์ / Cr. Wikipedia
หลังจากนั้นแจ็ค รูบี้ถูกจับ แต่เนื่องด้วยเขาเป็นโรคร้ายระยะสุดท้าย เขาจึงฆ่าตัวตายในระหว่างโดนคุมขังในเวลาต่อมา
หลังจากนั้นทีมสอบสวนได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบหญิงสาวต้องสงสัยคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในระยะประชิดขณะท่านประธานาธิบดีถูกลอบสังหาร
ซึ่งเธออยู่ในท่าทางลักษณะเหมือนกับคนที่กำลังถือกล้อง ทางการก็รีบออกควานหาตัวหญิงสาวปริศนาคนนี้ในทันที เนื่องจากเธออาจจะมีหลักฐานสำคัญที่ทางการต้องการก็เป็นได้
Cr. Crossbox
โดยพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พากันขนานนามเธอเล่นๆ ว่า บาบุชก้าเลดี้ เนื่องจากเธอสวมผ้าคลุมหัวเอาไว้แบบคุณยายชาวรัสเซีย ซึ่งบาบุชก้าแปลว่าคุณยาย แต่หลังจากการพยายามหาตัวเธอ ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องคว้าน้ำเหลว เพราะเธอกลับหายตัวไปแบบไร้ร่องรอย (แปลกดีใช่มั้ยละครับ)
1
บาบุชก้าเลดี้ / Cr. Crossbox
คำถามต่อมาคือ เธอหายไปไหน?
มีทฤษฎีที่บอกว่าเธอโดนฆ่าปิดปากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะเนื่องจากเธออาจจะมีหลักฐานสำคัญ หรืออาจจะป็นพยายานปากเอกที่อาจจะสืบไปถึงต้นตอบผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เนื่องจากเธอยืนอยู่ในระยะที่เห็นเหตุการณ์ได้ชัดที่สุด
ทฤษฎีที่เป็นไปได้มากที่สุดคือบาบุชก้าเลดี้อาจจะเป็นสายลับฝั่งโซเวียต เธอรู้อยู่แล้วว่า JFK จะถูกฆ่า เนื่องจากเธอไม่แสดงท่าทีตกใจอะไรเลยหลังจากเขาโดนยิง และเธอรับหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์เพื่อยืนยันว่า JFK ถูกฆ่าแล้วจริง ๆ ประกอบกับลักษณะเธอคล้ายกับถือกล้องถ่ายรูป เพื่อถ่ายรูปยืนยันการเสียชีวิตนั่นเอง หลังจากเหตุการณ์นี้สันิษฐานว่าเธอก็หลบหนีออกไปนอกประเทศได้สำเร็จ และหายตัวไปตลอดกาล
2
จวบจนวันนี้เรื่องของเธอก็ยังเป็นปริศนาควบคู่ไปกับการตายข อง JFK
บาบุชก้าเลดี้ / Cr. Crossbox
แล้วอะไรคือแรงจูงใจในการฆ่า JFK ?
หากอ่านมาถึงตรงนี้บอกได้เลยว่าคงมีหลายคนที่ยังคาใจและสงสัย เช่นเดียวกับจิม แกริสัน (Jim Garrison) อัยการของเมือง นิว ออร์ลินส์ แกริสันเชื่อว่าออสวอลด์เป็นแพะรับบาป หรืออาจมีผู้สังหารมากกว่า 1 คน และคดีนี้มีเงื่อนงำบางอย่าง แกริสันจึงพยายามมากในการสืบค้นเรื่องนี้
จากการสืบค้นเขาได้พบบุคคลที่เกี่ยวข้องกับออสวอลด์เพิ่มขึ้นมาสามคน คือ
1. เคลย์ แอล ชอร์ นักธุรกิจในเมือง นิว ออร์ลินส์ เขาเป็นคนจ้างทนายให้ออสวอลด์หลังถูกจับ
2. เดวิด เฟอร์รี หัวหน้าหน่วยบินกองทัพอากาศ ซึ่งเป็นอาจารย์ของออสวอลด์สมัยเป็นทหาร
1
3. วิลเลียม กาย บานิสเตอร์ อดีต FBI เชื่อว่าติดต่อออสวอลด์สมัยอยู่โซเวียต
1
ซึ่งบานิสเตอร์ได้ทำการฆ่าตัวตายอย่างเป็นปริศนาไปก่อนแล้ว แกริสันเองจึงประสานงานเพื่อจะนำ คนที่เหลือคือชอร์และเฟอร์รีมาสอบสวน แต่กลับโดนกีดกันและข่มขู่โดยเจ้าหน้าที่รัฐ จากนั้นเฟอร์รีก็เสียชีวิตอย่างปริศนา (แปลกอีกแล้ว)
3
ตัวแกริสันก็ถูกกล่าวหาว่าสร้างเรื่องราวขึ้นมาเพราะอยากดัง และนี่เองก็ทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดตามมากมาย
มีทฤษฎีบอกว่า เป็นการจับมือกันอย่างลับ ๆ ระหว่าง เอฟบีไอ ซีไอเอ และกลุ่มผู้มีอิทธิพลสั่งเก็บเอง เนื่องจากอับอายเรื่องข่าวชู้สาวกับนักแสดงสาวเซ็กซิมโบลคนดัง มาริลีน มอนโร ซึ่งว่ากันว่า แม้แต่ตัวเธอเองก็ถูกจัดฉากฆ่าตัวตายโดยฝีมือเอฟบีไอเช่นกัน
5
ดาราสาวมาริลิน มอนโร / Cr. BBC Thai
บางทฤษฎีก็บอกว่า JFK โดนสังหารเพราะเข้าไปยุ่งเรื่อง UFO มากเกินไป โดยก่อนหน้าเสียชีวิต10 วัน เขาได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงผู้อำนวยการสำนักงาน CIA เพื่อขอข้อมูลเอกสารลับเกี่ยวกับการปรากฏของยูเอฟโอในวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ.1963 และส่งอีกฉบับไปที่ NASA เพื่อต้องการที่จะร่วมมือเรื่องการศึกษา UFO ด้วยเพราะเขากังวัลว่าการที่ยูเอฟโอจำนวนหนึ่งปรากฏในน่านฟ้าสหภาพโซเวียต อาจทำให้สหภาพโซเวียตเข้าใจผิดว่าสหรัฐอเมริกากำลังคุกคามโซเวียตก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจทฤษฎีนี้เสียเท่าไหร่
ซึ่งทฤษฎีที่เป็นไปได้มากที่สุด คือ JFK เข้าไปขัดขวางผลประโยชน์ในธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจอุตสาหกรรมอาวุธสงคราม ที่เป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอเมริกา โดยมีมูลค่าสูงถึง 8 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปีในยุคสงครามเย็น ประกอบกับหลังจาก JFK ถูกสังหารเพียง 4 วัน นโยบายทางการทหารของอเมริกาต่อสงครามเวียดนามก็ถูกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในเวลาต่อมา และมีผู้ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้
4
ทั้งนี้เรื่องการสังหาร JFK ก็ยังเป็นปริศนาต่อไป เนื่องจากบุคคลที่จะเป็นพยานหรือให้สอบสวนได้ ก็ต้องเสียชีวิตหรือหายไปอย่างปริศนาเสียหมด นี่ยังไม่รวมการขัดแข้งขัดขาจากรัฐบาลเรื่องการสอบสวนอีกด้วย มันน่าแปลกมั้ยล่ะครับ
ทำให้ภาพรวมของคดีนี้ถูกยกให้เป็นคดีประวัติศาสตร์ที่คนทั่วโลกสงสัยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดอาจจะเป็น “การจัดฉาก” สังหารผู้นำอย่างเหี้ยมโหดด้วยน้ำมือคนใน
3
นี่เองก็เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมชาวอเมริกันมากมายถึงไม่เชื่อบทสรุปจากรัฐบาล ถ้าเป็นผมหรือคุณผู้อ่านก็คงเชื่อไม่ลงหรอกครับ ว่ามั้ย?
4

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา