6 ก.ย. 2019 เวลา 02:49 • บันเทิง
4 พระเอกไม่ปันใจ! ‘7สี’ เทงานให้ไม่อั้น
จากกระแสของดาราช่อง 7 ต่างทยอยออกไปเป็นนักแสดงอิสระ และย้ายสังกัดกันเป็นจำนวนมาก จนเกิดเป็นคำถามว่าทิศทางอนาคตของดาราช่อง 7 จะเป็นอย่างไร เพราะดาราที่ย้ายออกไปนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นระดับพระเอกนางเอกชื่อดังทั้งนั้น
แถมการจะปั้นพระเอกนางเอกหน้าใหม่ขึ้นมาประดับวงการ ก็ต้องใช้เวลาเป็นปี มีผลงานหลายเรื่องกว่าที่จะคุ้นหน้าคุ้นตาและ เป็นที่ยอมรับ
ถึงแม้ว่าช่องจะจะมีความเป็นแมสและเข้าถึงกลุ่มคนต่างจังหวัดได้มากกว่า แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องยอมรับก็คือในยุคนี้ใครๆ ก็ทำละครกันทั้งนั้น
ตรงนี้เองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ดาราหลายคนเลือกที่จะเป็นดาราอิสระ เพราะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว ถึงจะไปเริ่มต้นที่่ ใหม่แต่ก็ไม่ต้องเริ่มนับหนึ่ง
เมื่อหลายช่องเปิดโอกาสและร่วมงานกับดาราที่เป็นนักแสดงอิสระมากขึ้น โดยเฉพาะบุคลากรคนบันเทิงที่มาจากช่อง 7 ก็ทำให้แฟนๆ ช่อง 7 ที่เคยเหนียวแน่นและมีความจงรักภักดีต่อช่อง กดรีโมทเปลี่ยนช่อง ย้ายตามดาราที่ตนเองชื่นชอบ
สิ่งต่างๆ เหล่านี้เองที่ทำให้ช่อง 7 มีความสั่นคลอนในเรื่องของความเป็นแมสจากเดิมที่ทำละครออกมาแบบไก่กาก็ยืนพื้นด้วยเรตติ้งสองหลักต้นๆ แต่ทุกวันนี้กว่าจะได้เรตติ้ง 10 ขึ้นไปก็ทำเอาหืดขึ้นคอ!!
แม้จะเจอปัญหาต่างๆ เหล่านี้แต่ก็ใช่ว่าช่อง 7 จะถอดใจและยอมรับสภาพ ความเป็นจริง บ่อยครั้งที่ช่อง 7 ฮึดสู้จนมีผลงานที่ประสบความสำเร็จทั้งกระแสและเรตติ้งสมกับที่เป็นเจ้าแห่งเรตติ้งละครไทย
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลงานที่มาจากฝีมือของพระเอกนางเอกชื่อดังระดับแม่เหล็ก มีผลงานอะไรออกมาก็เรียกเรตติ้งได้ตลอด แม้ช่องจะเสียพระนางไปมาก แต่เบอร์ใหญ่ๆ ก็ยังคงอยู่คู่ช่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหนีหายไปไหน
โดยเฉพาะ 4 พระเอกคนสำคัญที่ยังคงเป็นขวัญใจสาวๆ จนช่อง 7 ต้องป้อนงานละครออกมาอย่างต่อเนื่องให้กับพวกเขา คนแรกคงต้องยกให้ “เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ” ที่ขอยืนหนึ่งเป็นพระเอกเบอร์หนึ่งไม่หนีหายไปไหน
ผลงานที่ผ่านมาของ “เวียร์” ต้องบอกว่าล้วนแต่เป็นละครเรียกเรตติ้งให้กับช่องทั้งสิ้น ไม่ว่าเขาจะประกบคู่กับนางเอกคนไหนก็ตาม แต่ “เวียร์” ก็ยังคงเป็นตัวหลักใน การขายงาน
ดูเหมือนว่าผลกระทบจากที่ช่อง 7 สูญเสียพระเอกไปหลายคนนั้น ส่งผลให้ “เวียร์” ต้องรับศึกหนักกับการถ่ายละคร หลายเรื่อง
โดยในปี 62 นี้ นอกจาก “เวียร์” จะมีผลงานเรื่อง “ผู้บ่าวอินดี้ ยาหยีอินเตอร์” และ “พชรมนตรา” เขายังมีผลงานอีก 2 เรื่องที่อยู่ในระหว่าง การถ่ายทำคือ “ยอดรักนักรบ” และ “ม่านบังใจ”
ถัดมาเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “มิกค์ ทองระย้า” พระเอกลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก ที่อยู่คู่ช่อง 7 มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 ระยะเวลา 9 ปีที่ “มิกค์” อยู่ภายใต้ชายคาบ้านหลังนี้
ต้องบอกว่าเขาเป็นพระเอกคนสำคัญคนหนึ่ง ยิ่งตอนนี้พระเอกเหลือน้อยลง “มิกค์” ยิ่งต้องมีบทบาทที่เพิ่มมากขึ้น
แม้ว่าปีนี้ “มิกค์” จะเพิ่งมีผลงานเรื่อง “มนตร์กาลบันดาลรัก” ไปเรื่องเดียว แต่เขาก็ยังถูกวางตัวในละครเรื่อง “สะใภ้อิมพอร์ต” อีกหนึ่งเรื่อง
ถึง “มิกค์” จะงานไม่เยอะเท่า “เวียร์” แต่เชื่อได้ว่าหลังจากที่ช่อง 7 เหลือพระเอกตัวหลักไม่กี่คน งานละครของ “มิกค์” จะต้องเพิ่มขึ้นอีก อย่างแน่นอน
อีกหนึ่งพระเอกที่เข้าวงการอยู่ในสังกัดช่อง 7 ตามหลัง “มิกค์” ได้ 3 ปีก็คือ “บิ๊กเอ็ม-กฤตฤทธิ์ บุตรพรม” พระเอกคนนี้ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งในพระเอกขวัญใจผู้ชมช่อง 7 ที่ช่องวางใจให้มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องมากมาย
หลังจากที่ผลงาน “เพลงรักเพลงปืน” จบไป เราจะได้เห็นผลงานเรื่องใหม่ของ “บิ๊กเอ็ม” ถึง 3 เรื่องด้วยกัน นั่นคือ “ร้อยป่า”, “วิมานมนตรา” และ “ปีกหงส์”
ปิดท้ายด้วยพระเอกดาวรุ่งที่ดูเหมือนว่าช่อง 7 จะดันให้แจ้งเกิดเป็นพระเอกคนสำคัญ ของช่องอย่าง “เข้ม-หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล” แม้ว่าพระเอกคนนี้จะเพิ่งขึ้นทำเนียบพระเอก 7 สี เมื่อปี 2561 มีละครเรื่อง “ไฮโซสะออน” และ “จ้าวสมิง”
แต่ดูเหมือนว่า “เข้ม” จะเป็นพระเอกที่ช่องหมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างมาก เพราะในปีนี้ นอกจาก “เข้ม” จะมีผลงานเรื่อง “หัวใจลูกผู้ชาย” แล้ว ทางช่องก็ยังวางงานละครให้อีก 3 เรื่องด้วยกัน ประกอบด้วย “ตะกรุดโทน”, “ตะวันอาบดาว” และ “โซ่เวรี”
หาก “เข้ม” ได้แสดงละครครบทั้ง 3 เรื่อง นั่นแสดงว่าทางช่อง 7 คงจะคิดที่จะรีบปั้นให้ “เข้ม” เป็นที่รู้จักในเร็ววัน โดยอาศัยความเป็นช่องที่มียอดผู้ชมสูงกระตุ้นให้เกิดการจดจำภาพ พระเอกคนใหม่
แม้ช่อง 7 จะมีพระเอกคนอื่นที่มีชื่อเสียงและมี ผลงานอีกมากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะเหมือนพระเอกทั้ง 4 คนนี้ที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นพระเอกจตุรเทพยืนหนึ่งอยู่ที่ช่อง 7 ไม่หนีหายไปไหน
ถึงแม้ว่า “ไมค์-ภัทรเดช สงวนความดี” จะมีละครอยู่กับช่อง 7 อีก 2 เรื่อง คือ “ดวงใจขบถ” และ “มธุรสโลกันตร์” แต่ก็มีกระแสข่าวลือว่า “ไมค์” อาจจะไปเป็นนักแสดงอิสระอีกคนหนึ่ง
เช่นเดียวกับ “พอร์ช-ศรัณย์ ศิริลักษณ์” ที่มีกระแส ข่าวลือว่าหากหมดสัญญาครั้งนี้ เขาก็เลือกที่จะไม่ต่อสัญญากับช่อง 7 หากเป็นเช่นนั้นจริง..เรียกได้ว่าช่อง 7 กำลังเข้าสู่สถานการณ์สูญเสียพระเอกอย่างต่อเนื่อง
เมื่อพระเอกออกไปมาก..แน่นอนว่าช่อง 7 ก็ต้องปั้น คนใหม่ขึ้นมาทดแทน เพราะหากจะให้พระเอกที่มีอยู่รับ งานมากขึ้น เชื่อว่าผู้ชมคงจะรู้สึกเบื่ออยู่ไม่น้อย จะมีก็แต่แฟนคลับตัวจริงเท่านั้นที่ติดตามอยู่ตลอด
จากนี้ไปเชื่อว่า 4 พระเอกช่อง 7 ที่กล่าวมาข้างต้น คงจะต้องรับภาระหน้าที่ในการเป็นพระเอกตัวหลักของช่อง คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเราจะเห็นหน้าของพระเอกเหล่านี้บ่อยขึ้น
เพราะยังไงงานละครที่มาจากฝีมือพวกเขาก็ยังคงเป็นผลงานที่การันตีได้ถึงคุณภาพและสร้าง ความเชื่อมั่นจากผู้ชมได้เป็นอย่างดีจนกว่าจะมีดาวดวง ใหม่เกิดขึ้นมา ซึ่งคงต้องใช้เวลานานพอสมควร
โฆษณา