9 ก.ย. 2019 เวลา 04:00 • ข่าว
“แมงกะพรุนไม่มีสมองแต่มันรู้ว่าทะเลกำลังมีปัญหา”
คือประโยคบนแผ่นป้ายโฆษณาที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Monterey Bay ร่วมมือกับบริษัทโฆษณา Hub San Francisco ทำแคมเปญรณรงค์​การอนุรักษ์​ทะเลติดไว้ทั่วบริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก ตามสถานีขนส่ง ข้างรถรางและรถเมล์
Hub San Francisco
• รู้หรือไม่ •
ว่าแมงกะพรุนมีจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากทะเลกำลังประสบปัญหาหลายอย่าง ทั้งปุ๋ยเคมีจากการเกษตรที่ถูกชะล้างลงแม่น้ำหรือการปล่อยน้ำเสียจากแหล่งต่างๆ เมื่อไหลลงทะเลทำให้แร่ธาตุในทะเลมีมากเกิน แพลงก์ตอนพืชที่เป็นอาหารลูกแมงกะพรุนเพิ่มปริมาณ ส่งผลให้แมงกะพรุนเยอะขึ้น บวกกับเต่าที่เป็นผู้ล่าทางธรรมชาติของแมงกะพรุนกลับมีประชากรลดลงเนื่องจากกินพลาสติกหรือติดเศษอวนประมงตาย
ทั้งนี้แมงกะพรุนเป็นสัตว์ที่ไม่มีสมอง ไม่มีไขสันหลัง ไม่มีตา ไม่มีเลือด แต่อยู่กับโลกมาหลายร้อยล้านปีก่อนไดโนเสาร์จะเกิดเสียอีก ยิ่งเมื่อโลกกำลังเผชิญปัญหาโลกร้อน แมงกะพรุนกลับขยายพันธุ์และเจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นและยังต้องการออกซิเจนน้อยกว่าสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ
ภาพ : แมงกะพรุนยักษ์โนมูระ (Nomura) ที่พบในทะเลรอบเกาะญี่ปุ่น เมื่อโตเต็มวัยมีขนาดใหญ่ถึง 2 เมตร หนักราว 200 กิโลกรัม ปกติในรอบ 30 ปีจะพบครั้งหนึ่ง แต่ปัจจุบันมีรายงานการพบเห็นทุกปี
ABC News (Getty: The Asahi Shimbun)
Mimi Hahn เจ้าหน้าที่การตลาดเผยว่า ทางพิพิธภัณฑ์ให้ความสำคัญกับการรณรงค์เคลื่อนไหวด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพราะหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไม่ได้มีเพื่อจัดแสดงโลกใต้น้ำเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำหน้าที่เป็นองค์กรอนุรักษ์ วิจัยเรื่องมลภาวะทางทะเลและการทำประมงเกินขนาดอีกด้วย
“เราต้องการสื่อสารว่าทะเลกำลังแย่ ปลาในทะเลก็เช่นกัน แต่นอกจากรับรู้ปัญหาแล้วเราอยากบอกว่า​ คุณนั่นแหละที่จะช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ไม่อยากให้คิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวจนมองว่าไม่ใช่ปัญหาของตัวเอง” Mimi กล่าวเพิ่มเติม
Ben Halpern ผู้อำนวยการศูนย์ National Center for Ecological Analysis and Synthesis เขาและทีมวิจัยศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อทะเลตามพื้นที่ต่างๆทั่วโลก พบว่ามนุษย์ทำร้ายทะเลด้วยสาเหตุหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาโลกร้อน การประมงเกินขนาด มลภาวะจากขยะ การปล่อยน้ำเสีย การพังทลายของชายฝั่ง การนำสัตว์ต่างถิ่นมาปล่อย และการพัฒนาพื้นที่ ดังนั้นถ้าเราต้องการแก้ปัญหาด้านทะเลอย่างจริงจัง ไม่ควรทำทีละเรื่องหรือรณรงค์แค่ปัญหาใดปัญหาหนึ่ง แต่ต้องค่อยๆจัดการกับทุกปัญหาไปพร้อมกัน
“คิดว่าเต่าจะสนใจคุณเหรอ ถ้าคุณใช้หลอดพลาสติก?”
Hub San Francisco
มนุษย์แสวงหาผลประโยชน์จากทะเลฝ่ายเดียวมานาน ทั้งที่มันควรจะเป็นความสัมพันธ์แบบ ‘ให้และรับ’ (Give and Take) ถ้าเราเอาแต่ได้ฝ่ายเดียวอย่างการทำประมงเกินขนาด ผลสุดท้ายทะเลจะเสียสมดุลและเราจะไม่เหลืออะไรให้ตักตวงอีกต่อไป
หลายๆคนรักทะเลมาก ไปเล่นน้ำบ่อยแต่ก็ทำร้ายทะเลโดยไม่รู้ตัว เช่น ใช้ครีมกันแดดที่มีสารเคมีที่ทำให้ปะการังเสื่อมโทรมเพราะฆ่าตัวอ่อนปะการัง ขัดขวางระบบสืบพันธุ์ และทำให้เกิดปะการังฟอกขาว ได้แก่
- Oxybenzone (Benzophenone-3, BP-3)
- Octinoxate (Ethylhexyl methoxycinnamate)
- 4-Methylbenzylid Camphor (4MBC)
- Butylparaben
ตัวสุดท้ายเป็นวัตถุกันเสียที่ทำให้เกิดปะการังฟอกขาว นอกจากนี้ยังรวมถึงสารเคมีอื่นๆ ดังต่อไปนี้ด้วย เช่น Octocrylene, Butyl Paraben, Methyl Paraben, Ethyl Paraben, Propyl Paraben, Butyl Paraben, Benzyl Paraben และ Triclosan
ตัวที่ร้ายที่สุดคงจะเป็น Oxybenzone หรือ BP3 และ Octinoxate เพราะรบกวนระบบสืบพันธุ์ ทำให้ตัวอ่อนปะการังโตแบบผิดรูป หรือไม่ก็พิการและตาย Oxybenzone เป็นส่วนผสมที่ใช้อย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดกว่า 3500 ยี่ห้อทั่วโลก
“ในเมื่อนากทะเลยังใช้หินแกะเปลือกหอยได้ เราก็ควรงดใช้ส้อมพลาสติกนะ”
Hub San Francisco
DJ O’Neil เจ้าของบริษัทโฆษณา Hub ยังบอกเพิ่มเติมว่าทางบริษัทได้นำรถอาหารมาตั้งด้านนอกพิพิธภัณฑ์เพื่อขายอาหารทะเล โดยนำสัตว์ทะเลจากฟาร์มเพาะเลี้ยงมาประกอบอาหารเพื่อสนับสนุนเกษตรกรและการอนุรักษ์ยั่งยืน
”ผมต้องการให้แผ่นป้ายเหล่านี้ทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้หยุดมอง ได้แง่คิด ได้เห็นรูปสวยๆของสัตว์ทะเล แล้วทำให้พวกเขาฉุกคิดจนอยากเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอย่าง” DJ O’Neil กล่าวปิดท้าย
ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อลูกหลานของเราทุกคน
References/อ้างอิง >>
Original post/ลิงค์ต้นฉบับ >>
โฆษณา