ประวัติ Jan Koum ผู้ก่อตั้ง WhatsApp ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าละคร
Jan Koum เด็กน้อยชาวยิว เกิดในปี 1976 ที่เมือง Kiev เหมืองหลวงของประเทศ ยูเครน โดยแม่ของเขานั้น รับทำงานเป็นแม่บ้าน ส่วนพ่อของเขาเป็นผู้จัดการใน Site งานก่อสร้าง ต้องบอกว่าเป็นชีวิตที่ลำบากตั้งแต่วัยเยาว์ สำหรับ Jan Koum เนื่องจากประเทศยูเครนในขณะนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต
ประวัติ Jan Koum ผู้ก่อตั้ง WhatsApp ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าละคร
หลังจากได้งานที่ Yahoo! เพียง 2 อาทิตย์ มี Server ตัวหนึ่งของเว๊บไซต์ Yahoo เสีย David Filo หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Yahoo! ได้โทรตามตัว Koum ให้มาช่วยดู Server ตัวนั้น ซึ่งเขาตอบกลับไปว่ากำลังเรียนอยู่
Koum และ Acton ที่ก่อนจะกลายมาเป็นคู่หูสร้าง WhatsApp
แต่ Filo ซึ่งเป็นเจ้านายไม่สนใจ บังคับให้เขารีบมาที่ออฟฟิศโดยด่วน ซึ่งเหตุการณ์นี้นี่เองที่ทำให้ Koum ได้ตัดสินใจออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน เพื่อทำงานที่ Yahoo! แบบเต็มเวลา ซึ่งเขาก็ทำงานที่นี่ได้ 9 ปี จนเขาตัดสินใจลาออกในปี 2007
ในปี 2009 นั้นเอง Brian Acton และ Jan Koum ได้ซื้อ iPhone มาใช้ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้พวกเค้าเกิดไอเดียขึ้นมาทันทีว่า iPhone ที่มีระบบ App Store นี่แหละที่จะเป็นตัวเปลี่ยนอุตสาหกรรมซอฟแวร์ และ iPhone นี่แหละที่น่าจะต้องการใช้ระบบอะไรสักอย่างที่จะสามารถทำให้พวกเค้าติดต่อกับผู้ที่ใช้ BlackBerry ได้ พวกเค้าใช้เวลาคิดอยู่ไม่นานและชื่อ WhatsApp ก็เกิดขึ้นโดน Jan Koum นี่แหละที่เป็นผู้เลือกชื่อ เพราะมันฟังดูเหมือน What’s Up ดี
ต้นปี 2011 WhatsApp ติดอันดับ Top 20 ใน App Store ของอเมริกา และสองหนุ่มเริ่มมองหาเงินทุนสำหรับการเติบโต มีนักลงทุนหลายรายให้ความสนใจ โดยเหล่านักลงทุนก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้ WhatsApp ใช้โฆษณาเป็น Business Model ซึ่งสองผู้ก่อตั้งปฏิเสธ เพราะเกลียดโฆษณา ดังนั้นที่โต๊ะทำงานของ Koum จึงมีกระดาษแผ่นหนึ่งแปะไว้ว่า No Ads! No Games! No Gimmicks! นั่นเอง
No Ads , No Games , No Gimmicks concept หลักของ Whatsapp
และในเดือน ธันวาคม ปีเดียวกันนั้นเองที่ WhatsApp เติบโตจนมีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 450 ล้านคนต่อเดือน ซึ่งเร็วกว่าบริการ Social Network ทุกตัวในตอนนั้น ซึ่งจำนวนผู้ใช้ที่มหาศาลก็ไปเข้าตา Mark Zuckerberg CEO ของ Facebook จนขอเข้าซื้อกิจการในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2014 ด้วยเงินจำนวน 1.6 หมื่นล้านเหรียญ พร้อมหุ้นประเภทจำกัดสิทธิ์อีก 3 พันล้านเหรียญ ทำให้ Koum และ Acton กลายเป็นมหาเศรษฐีหน้าใหม่ทันทีจากการถือหุ้น 45% และ 20% นั่นเอง
1
ซึ่งเมื่อเรามามองถึงอัตราการเติบโตของ users ของ WhatsApp ก็ค่อนข้างน่าตกใจว่า 4 ปีแรกนั้น whatsapp นั้นสร้างฐานการเติบโตของ User ได้ดีกว่าเจ้าของใหม่อย่าง (facebook) เสียอีกซึ่งถือว่าดีสุดในบรรดา social network ต่าง ๆ ที่มีมาในประวัติศาสตร์วงการเทคโนโลยีเลยก็ว่าได้
1
ซึ่งตัวเลขพวกนี้คงเป็นตัวเลขที่สำคัญที่ทำให้ facebook นั้นได้ทุ่มทุนขนาดนี้แล้วค่อยมาหารูปแบบ business model ในภายหลังซึ่งก็เหมือนกับที่ google ทุ่มทุนซื้อ youtube ในอดีตตอนนั้นกว่า 1.6 พันล้านเหรียญ ซึ่งถือว่ามากในขณะนั้น
1
แต่ตอนนี้คนก็คงไม่ต้องสงสัยกันแล้ว google มองเกมส์ขาดมากในตอนนั้นที่รีบซื้อ youtube เข้ามา ซึ่งถ้าตีมูลค่าตอนนี้ youtube นี่คงทะลุ 2 หมื่นล้านเหรียญเข้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งหากวิเคราะห์จริง ๆ เราก็พอมองเห็นในอนาคตว่า บริษัทด้านซอฟแวร์ ที่เน้นไปที่การเก็บข้อมูล User Data จะมีมูลค้าที่สูงกว่า hardware ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะเป็นผู้ takeover กิจการของบริษัท hardware ทั้งหลายแทน โดยเฉพาะเหล่าบริษัทที่มี data ข้อมูลผู้ใช้งานซึ่งตีมูลค่าได้มหาศาลนั่นเองครับ