10 ก.ย. 2019 เวลา 12:25 • ธุรกิจ
จัดพอร์ตลงทุนกับ “5 ประเภทหุ้น” ลุยทุกสภาวะตลาด !!! / โดย คลินิกการลงทุน
ช่วงนี้ตลาดหุ้นหลายๆแห่งเริ่มทรงตัวและปรับตัวขึ้น หลังปัจจัยลบต่างๆเริ่มส่งสัญญาณในทิศทางที่คลี่คลายลง ขณะที่ตลาดหุ้นไทยบ้านเรา ราคาหุ้นหลายๆตัวที่ปรับตัวลงไปในช่วงก่อนหน้านี้ จนหลายๆตัวมีราคาของถูกลงมากทำให้เหล่ากองทุนเริ่มสนใจและเข้าซื้อลงทุน
https://www.evolveaa.com.au/end-of-financial-year-tax-tips/
ความสำเร็จในการลงทุนในหุ้นนั้น นักลงทุนต้องมีการวางแผนอย่างละเอียด ครอบคลุมทุกสถานการณ์ ในการค้นหาคัดเลือกหุ้นเพื่อการลงทุนนั้น ก็ต้องเหมาะสมกับสภาวะตลาดในช่วงเวลานั้นๆ และสอดคล้องกับแผนการของเราด้วย
https://www.igrad.com/start/start-here-investing
สิ่งสำคัญคือ นักลงทุนจำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับหุ้นตัวที่เราเลือกและคัดกรองมาลงทุน รู้จักข้อดีข้อเสีย และมีความเข้าใจหุ้นตัวนั้น ทั้งอดีต ปัจจุบัน และในอนาคต เพื่อให้สามารถวางแผนการลงทุนได้เหมาะสม โดยในการคัดเลือกหุ้นนั้น จำเป็นต้องแยกกลุ่มหุ้นที่เราสนใจออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ ได้แก่ ...
1) หุ้นปลอดภัย (Defensive Stock)
https://www.etftrends.com/alternatives-channel/defensive-stock-etf-for-investors-who-want-to-stay-in-stocks/
มักเป็นหุ้นขนาดใหญ่ พื้นฐานแข็งแกร่ง มีความเสี่ยงไม่สูงมากนัก เป็นที่รู้จักและยอมรับในสายตาของคนทั่วไป มีกำไรเติบโตสม่ำเสมอแต่ไม่หวือหวา มีอัตราผลตอบแทนสม่ำเสมอ ไม่ค่อยแปรผันไปตามสภาวะตลาด ทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ได้เป็นอย่างดี และมักจะมีผลงานที่ดีกว่าตลาดในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจซบเซา
ทั้งนี้ ในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัว หุ้นประเภทนี้ก็มักให้ผลตอบแทนได้ไม่ดีเท่าตลาดเช่นกัน หุ้นในกลุ่มนี้ เช่น หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค หรือโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น
1
2) หุ้นปันผลสูง (High Dividend Stock)
https://www.fool.com/investing/2019/09/07/3-top-stocks-with-high-dividend-yields.aspx
หุ้นกลุ่มนี้มักเป็นหุ้นขนาดใหญ่ เติบโตค่อนข้างช้า เป็นหุ้นที่มีผลการดำเนินงานดี แต่รายได้มักคงที่ หรือเพิ่มขึ้นต่ำกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม มีความสามารถจ่ายปันผลตอบแทนอยู่ที่ระดับน่าพอใจ บางครั้งสูงถึง 7-10%
เหมาะกับตลาดที่มีความผันผวน เพราะราคาหุ้น หรือ capital gain ไม่ได้มีการเปลี่ยนเเปลงสูง เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่สูงมากและไม่ได้หวังผลกำไรจากส่วนต่างราคา แต่ตอบแทนที่ได้จากเงินปันผลก็ดีกว่านำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆที่ให้ผลตอบแทนต่ำกว่า
3) หุ้นเติบโตดี (Growth Stock)
https://investorplace.com/2018/11/3-growth-stocks-to-consider-on-the-dip/
หุ้นกลุ่มนี้อาจจะไม่ใช่หุ้นขนาดใหญ่ ส่วนมากจะเป็นหุ้นขนาดกลางและเล็กแต่พื้นฐานดี เป็นหุ้นที่เจริญเติบโตเร็วถึงปีละ 15-20% เป็นอย่างต่ำมีความสามารถในการทำกำไรที่สูง และหากในอนาคตสามารถหากำไรได้สูงอย่างต่อเนื่อง อาจให้ผลตอบแทนสูงถึง 100-200% ในเวลาเพียงไม่กี่ปี ซึ่งจะทำให้มูลค่าหุ้นในตลาดเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
หุ้นประเภทนี้นั้นเหมาะกับการลงทุนในทุกสภาวะตลาด เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีทิศทางแนวโน้มเติบโตได้ดีในอนาคต แต่การเติบโตนี้ต้องมาจากยอดขายและกำไรเป็นหลัก จากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของ Market Share หรือ ส่วนแบ่งการตลาด ไม่ใช่มาจากการซื้อขายทรัพย์สินของบริษัท หรือเกิดจาก กำไรพิเศษ โดยหุ้นประเภทนี้สามารถถือไปได้เรื่อยๆ ตราบเท่าที่บริษัทยังมีศักยภาพในการทำกำไรในระดับสูงและยังเติบโตอยู่
4) หุ้นวัฏจักร (Cyclical Stock)
1
https://valuestockguide.com/valueinvesting/cyclical-stocks/
หุ้นวัฏจักร มักเป็นหุ้นกลุ่มที่มีการเติบโตขึ้นลงตามปัจจัยที่มีผลต่อกิจการ มีผลประกอบการ และราคาหุ้น แปรผันตามสภาวะเศรษฐกิจ โดยผลการดำเนินงานและราคาหุ้นจะขึ้นลงเป็นรอบๆ ของการทำธุรกิจ หากสามารถลงทุนได้ถูกจังหวะ ก็จะสามารถทำกำไรจากหุ้นประเภทนี้ได้สูงมากเช่นกัน โดยประเด็นสำคัญในการลงทุนในหุ้นวัฏจักรคือการจับจังหวะลงทุน
โดยส่วนใหญ่มักเป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ราคาน้ำมัน ปิโตรเคมี ถ่านหิน สินค้าเกษตร รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นไทย
2
5) หุ้นฟื้นตัว (Turnarounds)
https://www.kiplinger.com/slideshow/investing/T052-S003-battered-blue-chip-stocks-due-for-a-turnaround/index.html
หุ้นในประเภทนี้มักเป็นธุรกิจที่เคยประสบปัญหาขาดสภาพคล่องหรือขาดทุนอย่างหนัก บางบริษัทถึงขั้นเกือบล้มละลาย แต่ถ้าหากบริษัทเหล่านี้สามารถปรับโครงสร้างใหม่ได้ เช่น สามารถชำระหนี้ได้จนเกือบหมด หรือปรับเปลี่ยนนโยบายต่างๆ จนกลับมาสร้างกำไรได้ หากเราสามารถลงทุนได้ถูกตัวและถูกเวลา หุ้นประเภทนี้ก็จะสร้างผลตอบแทนได้อย่างมหาศาล
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า การแยกกลุ่มหุ้นเป็นประเภทหมวดหมู่ต่างๆ นั้นจะช่วยให้เรา เลือกหุ้นและวางแผนการลงทุนได้อย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจในขณะนั้น เพื่อให้การลงทุนของเราเกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุด
Cr.economictimes
ในตลาดหุ้นนั้นมีการเคลื่อนไหวของราคาขึ้นลงทุกวัน ตามปัจจัยต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกและเชิงบวกและลบ แต่หากเรามีมุมมองต่อหุ้นที่ถูกต้อง มีการวางแผน และแนวทางการลงทุนที่ดี ก็จะทำให้เราไม่หวั่นไหวไปกับปัจจัยเหล่านั้น สามารถวิเคราะห์และคัดเลือกหุ้นลงทุนได้อย่างถูกต้อง และสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างแน่นอน
— บทความโดย คลินิกการลงทุน
อ่าน "คลินิกการลงทุน" สนุกขึ้นในแอปฯ "Blockdit"
ดาวน์โหลดได้ที่: http://www.blockdit.com/app
ช่องทางติดตาม "คลินิกการลงทุน"
#คลินิกการลงทุน
โฆษณา