11 ก.ย. 2019 เวลา 04:59
ใคร ๆ มีความฝัน
ผมก็มีความฝัน พวกคุณทุกคนที่กำลังอ่านเรื่องนี้อยู่ก็คงมีความฝันเช่นกัน
แต่ทำไมบนโลกของเราถึงมีทั้งคนประสบความสำเร็จ และคนที่ทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักอย่าง ?
ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะมีคนล้มเลิกสิ่งที่ฝันเอาไว้ก่อนจะทำมันสำเร็จไงครับ เจออุปสรรคเข้าหน่อย ก็ท้อแท้ แถมท้อถอย ถอยแล้วถอยเลย ไม่ลุกขึ้นมาพยายามให้สุดความสามารถ สุดท้ายถึงล้มเหลวไม่เป็นท่า
ตอนนี้คุณกำลังจะล้มเลิกความฝันของตัวเองอยู่รึเปล่า ?
ถ้าใช่...คุณคงต้องอ่านเรื่องราวของชายคนนี้ ที่พ่ายแพ้มากกว่า 30 ครั้งในวันนั้น เพื่อที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในวันนี้
เขาคือตำนานความยิ่งใหญ่ของนักเขียนนิยายแนวสยองขวัญที่คนทั้งโลกต่างยอมรับว่าเขานี่แหละ คือ "อันดับ 1"
Stephen King เติบโตขึ้นมาในครอบครัวอันอบอุ่นที่อเมริกา ชีวิตของเขาดูจะธรรมดาเหมือนคนทั่วไป เกิดมาก็ได้รับความรักจากคนรอบข้าง แถมไม่เคยตกอับเรื่องเงินทอง มีพี่น้องก็รักกันดี
ชีวิตของคนเราจะสมบูรณ์แบบขนาดนั้นได้ไง ?
เหมือนว่าตอนเกิดเขาจะพกดวงเรื่องทั่ว ๆ ไปมาด้วย แต่ดันลืมพกดวงเรื่องสุขภาพมาซะงั้น
ใช่แล้วครับ หมอนี่เป็นพวกขี้โรค เดี๋ยวไม่สบาย เดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุ เดี๋ยวมีเรื่องให้เจ็บตัวอยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่าซวยซ้ำซวยซ้อนมาแต่ไหนแต่ไร
ถ้าคุณนึกภาพไม่ออกว่าคน ๆ นี้ซวยได้มากขนาดไหน ผมจะลองยกตัวอย่างสักสองสามเหตุการณ์ให้คุณฟัง
นอกจากอาการป่วยไข้ทั่ว ๆ ไปที่เขามักเป็นอยู่เสมอแล้ว ยังมีเหตุการณ์ที่สร้างความเจ็บปวดให้เขาอีกเยอะ อย่างการเป็นหนองภายในรูหู ถูกก้อนหินหล่นทับเท้าจนนิ้วแหลกละเอียด ถูกรถตู้พุ่งชนอย่างแรงแต่กลับรอดมาได้
และเหตุการณ์ที่สร้างความหวาดกลัวให้เขาสุด ๆ คงเป็นตอนถูกพี่เลี้ยงใจร้ายจับขังไว้ในตู้เสื้อผ้าที่ทั้งแคบทั้งมืดตอนอายุเพียง 4 ขวบเท่านั้น ด้วยความเป็นเด็กจึงไม่กล้าบอกพ่อแม่ เขาเลยโดนกระทำซ้ำ ๆ อยู่เรื่อยไป
สารพัดความซวยเหล่านี้ทำให้เขาใช้ชีวิตสนุก ๆ ได้ไม่เต็มทีเหมือนเด็กคนอื่น แถมต้องขาดเรียนเป็นประจำเพื่อพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นความใฝ่ฝันของเขา
เด็กร่างกายอ่อนแอที่ต้องนอนซมอยู่ในบ้านบ่อย ๆ อย่างเขา คงไม่มีเพื่อนเล่นที่ไหนดีไปกว่าหนังสืออีกแล้ว
เขาเอาหนังสือที่แม่เก็บสะสมไว้ในบ้านมาอ่าน และเขาก็พบว่าหนังสือนี่แหละคือเพื่อนรัก เมื่อใดที่หยิบหนังสือมาอ่าน ราวกับว่าเขาได้หลุดไปในโลกแห่งจินตนาการ และไม่เคยหยุดอ่านมันได้เลย
แม้เนื้อหามันจะสนุก แต่เขาก็พบว่าอ่านทีไรต้องมีสะดุดกับบทพูดบางประโยค เขาจึงพยายามเอาดินสอมาเขียนแก้ประโยคเหล่านั้นให้น่าอ่านมากขึ้นอยู่เสมอ
เขาเติบโตขึ้นมากับหนังสืออย่างใกล้ชิดจนเข้าใจแล้วว่าความฝันของเขาคือ การเป็นนักเขียน เขาจึงเริ่มเขียนต้นฉบับขายตั้งแต่ยังอยู่ชั้นประถม และพัฒนาฝีมือขึ้นมาเรื่อย ๆ ไม่เคยหยุด
เขาค่อย ๆ ค้นหาว่าอะไรคือจุดอ่อนของมนุษย์ และก็ได้ค้นพบมันจากตัวตนของเขาเอง เพราะตลอดระยะเวลาที่เขาต้องทนกับอาการเจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรือถูกพี่เลี้ยงรังแก มันทำให้เขาเกิดความกลัว
ใช่แล้วครับ จุดอ่อนที่เขาพยายามค้นหามาตั้งนาน แท้จริงแล้วมันคือ “ความกลัว”
นวนิยายของ Stephen จึงมุ่งไปในแนวสยองขวัญ ดึงความกลัวภายใจจิตใจของผู้อ่านออกมาให้ได้มากที่สุด ด้วยความที่เขาชื่นชอบการนั่งฟังเรื่องสยอง ๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อหันมาเขียนนวนิยายแนวนี้ เขาจึงสนุกกับการเขียนมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
Stephen เริ่มส่งต้นฉบับของตัวเองไปให้สำนักพิมพ์ต่าง ๆ พิจารณา แต่มันกลับไม่เป็นไปตามคาด จากที่เคยมั่นใจในฝีมือ เขาเริ่มหวั่นไหวกับผลลัพธ์ที่ตอบกลับมา
“ผลงานของคุณมันไม่น่าสนใจเอาซะเลย !”
ผลงานของเขาถูกปฏิเสธ แต่ไม่ยอมแพ้แค่นั้น เขาลองส่งต้นฉบับไปอีกเรื่อย ๆ หวังว่าจะมีสำนักพิมพ์สักแห่งติดต่อกลับมาแล้วบอกว่าผลงานของคุณผ่านการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว
แต่เขากลับต้องรอแล้วรออีก เพราะไม่มีสำนักพิมพ์ไหนสนใจผลงานของเขาเลย แถมยังโยนต้นฉบับที่เขาส่งไปทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ใยดีอีกด้วย
เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็พบว่าตัวเองส่งต้นฉบับไปให้สำนักพิมพ์พิจารณามากกว่า 30 ครั้งแล้ว !
เขาเสียใจอย่างมาก และทนไม่ไหวอีกต่อไป ตอนนี้เขามีครอบครัว มีภรรยา และมีภาระอีกมากมาย เขาอยากจะล้มเลิกทุกอย่างไปให้หมด
จนกระทั่งวันหนึ่งเขาตัดสินใจหยิบต้นฉบับที่ตัวเองรักมากโยนลงถังขยะ พร้อม ๆ กับโยนความฝันทั้งหมดลงไปด้วย
แต่ภรรยาของเขากลับหยิบมันขึ้นมาอีกครั้ง แล้วส่งให้ Stephen เพื่อบอกให้เขาเขียนมันต่อไป เหตุการณ์ในครั้งนั้นต้องขอบคุณภรรยาที่เตือนสติเขาเอาไว้ได้ จนเขาตัดสอนใจทำสิ่งที่รักมากต่อไป
แล้ววันที่เขารอคอยก็มาถึง มีสำนักพิมพ์เล็งเห็นในความสามารถของเขา และตัดสินใจรับต้นฉบับของเขาไปตีพิมพ์
พูดได้เลยว่าสำนักพิมพ์ก่อน ๆ ที่ปฏิเสธผลงานของเขาจะต้องเสียใจ เพราะเมื่อหนังสือได้ออกวางจำหน่ายมันขายดีอย่างถล่มทลาย สร้างรายได้มหาศาลในระยะเวลาอันรวดเร็ว
เขาเขียนหนังสือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนในปัจจุบันมีหนังสือระดับคุณภาพที่ตีพิมพ์โดยมีชื่อของเขา คำว่า "Stephen King" อยู่บนปก ออกวางจำหน่ายทั่วโลกมากกว่า 50 เรื่องแล้ว แถมยังเป็น Best Seller ยาวนานต่อเนื่องแทบทุกเล่ม
ที่เรารู้จักกันดีคงหนีไม่พ้นนิยายสยองขวัญเรื่อง IT ที่โด่งดังจนมีการนำบทนิยายมาสร้างเป็นภาพยนตร์ รวมถึง Under the dome, Carrie, Pet Sematary นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่ตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ยังขายดีไม่หยุด
หนังสือทุกเล่มของเขาสร้างรายได้มหาศาลเกินกว่าที่คิด จนในตอนนี้ Stephen กลายเป็นนักเขียนผู้มั่งคั่งเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกไปแล้ว เพราะปัจจุบันเขามีทรัพย์สินกว่า 17 ล้านดอลลาร์จากการสร้างงานเขียนทั้งหมด
ถ้าในตอนนั้น Stephen โยนต้นฉบับของเขาทิ้ง และล้มเลิกอาชีพนักเขียนไป เราคงไม่ได้เห็นเขาในนามของสุดยอดนักเขียนแนวสยองขวัญในวันนี้แน่นอน เพราะถ้าพูดถึงนวนิยายที่กระตุ้นต่อมความกลัวสุดสยอง เขาคืออันดับ 1 ของโลกที่ยังไม่มีใครโค่นล้มได้
ทุกความฝันมันมีอุปสรรคมาขัดขวางอยู่แล้วครับ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณแล้วว่าจะหาวิธีเอาชนะมันได้หรือไม่
ถ้าวันนี้ยังเอาชนะไม่ได้ ไม่เป็นไร ขอแค่สู้ต่อไปก็พอ
โฆษณา