"น้องยาม" หนุ่มน้อยนักปั้นยอดกตัญญู
ความตั้งใจและกตัญญู ส่งผลดีต่อเราเสมอ น้องยาม หนุ่มน้อยนักปั้นดินยอดกตัญญูคนนี้ เรียกว่าได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ใจดี ต่ออนาคตให้น้องสามารถทำในสิ่งที่รักต่อไป
เรื่องราวของน้องน่าสนใจอย่างไรทำไมแอดถึงอยากนำมาแชร์ให้ได้อ่านกัน ไปรู้จักกับน้องกันเลยค่ะ ถ้ารู้จักแล้วจะดีต่อใจแน่นอนค่ะ😊
น้องยาม เด็กชาย ธีรศักดิ์ ฉิมเชิด อายุ 14 ปี จากอ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ อาศัยอยู่กับ
พ่อแม่และน้องชาย พ่อและแม่มีอาชีพรับจ้างปั้นกระถาง รายได้ 2 คนรวมกันประมาณ 20,000บาทต่อเดือน.
ทางบ้านไฟฟ้าเข้าไม่ถึงต้องใช้ไฟจากแบตเตอรี่รถยนต์ต่อไปที่อุปกรณ์อีกที ถึงแม้น้องจะคิดว่าชีวิตของตัวเองลำบาก แต่น้องก็สู้ชีวิตและแบ่งเบาภาระของที่บ้าน ด้วยการช่วยพ่อแม่ปั้นกระถาง และปั้นหุ่นเป็นผลงานของตัวเอง
บ้านของน้องอยู่ห่างไกลจากชุมชนทำให้ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง
ถึงแม้ว่าน้องจะมีอุปสรรคทางด้านการใช้ชีวิตที่จำกัด อย่างไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่น้องก็ช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะแบ่งเบาภาระของครอบครัว และยังฝึกความสามารถของตัวเองให้สามารถไปพัฒนาช่วยเหลือครอบครัวได้ในอนาคต ในช่วงเวลาว่าง พักกลางวัน หลังเลิกเรียน หรือวันหยุดน้องใช้มันไปกับงานปั้น ไม่ได้ออกไปเล่นกับเพื่อนๆเหมือนเด็กคนอื่นๆ
ครูคนแรกที่สอนงานปั้นก็คือแม่
ส่วนงานปั้นหุ่นได้ร่ำเรียนมาจากคุณครูที่โรงเรียน
บ้านแก่งชัชวลิตวิทยา ทางโรงเรียนได้มีการเปิดสอนหลักสูตรเพิ่มเติมคือวิชาเครื่องปั้น
คุณครูที่สอนคือคุณครูน้ำ ซึ่งเป็นคุณครูอัตราจ้างเป็นผู้สอนงานปั้นแบบลอยตัวให้กับน้องยาม
ถึงแม้ว่าน้องจะฝึกการปั้นได้เพียงแค่ปีเดียว
แต่ผลงานนั้นเรียกได้ว่าสวยงามระดับมืออาชีพเลยจริงๆ และผลการเรียนของน้องก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีด้วย อยู่ในระดับเกรด 3 เลยทีเดียว
งานปั้นของน้องก่อนที่จะมาออกรายการ supper 10
น้องมีความฝันอยากเป็นอาจารย์สอนเครื่องปั้น เพราะตอนนี้อาจารย์ด้านนี้มีน้อยมากๆ และเมื่อเขาได้ปั้นแล้วจะรู้สึกใจเย็นและมีความสุข และอยากเป็นศิลปินด้วย
น้องยามได้มาออกรายการ SUPER 10 2 ครั้ง
ในครั้งแรกที่มาน้องมาขอความฝันเป็นเครื่องปั่นไฟ เพื่อไว้ปั่นไฟใช้ที่บ้าน
แรกๆ รายการก็ให้น้องปั้นแจกัน
แต่ครั้งนั้นผลงานชิ้นใหญ่ที่ทางรายการให้โจทย์และเวลาที่มีอย่างจำกัดคือ 6 ชม.ให้เขาไป ผลงานที่เขาปั้นก็คือ พระพิฆเนศ แม้จะมีเวลาไม่มากนักทำให้ยังเก็บรายละเอียดไม่เรียบร้อยเท่าไหร่แต่ก็ถือว่าเป็นงานปั้นที่วิจิตรมากเลยทีเดียว
น้องบอกว่าถ้าขายงานปั้นชิ้นนี้ก็ราคา. อยู่ที่5,000-6,000บาท
และความฝันที่เขาได้กลับไปคือ เครื่องปั่นไฟที่ขอ และยังมีแป้นปั้นที่พ่อสั่งไว้แต่ไม่มีเงินไปจ่าย ราคาประมาณ 8,000บาท ทุนการศึกษา 10,000บาท รวมความฝันที่ทาง King Power มอบให้ 36,000บาท. และยังมีของแถมจากรองเท้าผ้าใบ breaker ที่มอบให้ทุกปีจนเรียนจบ ม. 6
3เดือนผ่านไปเขาได้กลับมาในรายการอีกเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ออกรายการไปก็มีคนรู้จักมากขึ้นมีคนมาสั่งงานรวมแล้ว 20 คิวซึ่งเขาเองก็ทำไม่ทัน แม้จะมีเพื่อนมาช่วย 2 คน แต่เพราะยังต้องเรียนด้วยเลยทำสามารถทำงานได้แค่เสาร์-อาทิตย์ ส่วนราคาของงานปั้นที่ขายไปนั้น เขาบอกว่าเขาไม่ได้กำหนดแล้วแต่ว่า คนที่ซื้อไปจะให้เท่าไหร่ ตามกำลังศรัทธา
และความฝันที่เขามาขอในครั้งนี้ คือ แป้นปั้นให้กับโรงเรียนเพราะของที่โรงเรียนมันเก่าและใช้งานได้ไม่ดีนัก โจทย์ที่ทางรายการท้าในรอบนี้คือให้ปั้นเจดีย์
และงานปั้นชิ้นใหญ่ที่ปั้นในรายการครั้งนี้คือ พระพุทธรูปปางลีลา ด้วยเวลา 10 ชั่วโมง แม้จะมีเวลามากกว่าครั้งที่แล้วแต่น้องไม่เคยปั้นพระพุทธรูป ปางที่มีอริยาบทยืนมาก่อน. ทำให้ยังเก็บรายละเอียดไม่เรียบร้อยเท่าไหร่แต่ก็ถือว่าเป็นงานปั้นที่วิจิตรมากเลยทีเดียว
และความฝันที่เขาได้กลับไปคือ แป้นปั้น ที่ทางรายการติดต่อไปยังบริษัท พอทเทอรี เคลย์ จำกัด(เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ดินสำเร็จรูปสำหรับงานเซรามิค สีสเตน สีใต้เคลือบ สีบนเคลือบ อุปกรณ์ตกแต่ง พู่กันชนิดต่างๆ และเครื่องจักรขนาดเล็ก เหมาะสำหรับสตูดิโอเซรามิคหรือโรงงานขนาดเล็ก เช่น แป้นหมุนไฟฟ้า เครื่งอบดเคลือบ เครื่องรีดดิน ฯลฯ )
ทางบริษัทรู้จักเขา ซึ่งราคาของแป้นปั้นนี้หลายหมื่นบาท แต่บริษัทก็มอบให้พร้อมกับดินอีก
250 กก. และเป็นดินที่ใช้ในรายการ
แป้นปั้นใหม่ที่ไว้ให้นักเรียนทุกคนใช้
นอกจากนี้ทางรายการได้ติดต่อไปยัง อาจารย์เฉลิมชัย ว่ามีเด็กสนใจอยากเรียนรู้วิชาจากอาจารย์ เมื่ออาจารย์ทราบถึงความสามารถของน้อง ศิลปินแห่งชาติ อ.เฉลิมชัย รับน้องเป็นศิษย์ และให้น้องไปเรียนถึงเชียงราย
และในการเดินทางไปเรียนได้รับการสนับสนุนตั๋วเครื่องบินฟรีจากสายการบินนกแอร์ตลอดการเดินทางไปเรียนที่วัดร่องขุ่น และทาง King Power ก็ได้มอบทุนค่าที่พัก ค่าอาหารให้ 25,000 บาท
น้องจะไปศึกษา เรียนรู้วิชาจากอาจารย์เฉลิมชัยในช่วงของการปิดภาคเรียนเพื่อไม่ให้กระทบกับการเรียนปกติ
ด้วยความสามารถและความฝันของน้องยามนั้น อาจารย์ประสิทธ์ เอมทิม หัวหน้าสาขาประติมากรรมไทย ภาควิชาศิลปะประจำชาติ วิทยาลัยเพาะช่าง ยังบอกกับน้องยามว่า ถ้าหากว่าน้องมีความสนใจที่จะเรียนต่อสาขาประติมากรรมไทย ภาควิชาศิลปะประจำชาติ วิทยาลัยเพาะช่างก็ยินดีต้อนรับ และสนับสนุนน้องในเรื่องของทุนการศึกษา และถ้าเกิดน้องสนใจน้องสามารถเข้าไปศึกษาเรียนรู้ก่อนที่จะเข้าไปเรียนจริงๆได้
นอกจากนั้นทาง มูลนิธิวิชัย ศรีวัฒนประภา จาก King Power ที่ช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงช่วยเหลือเด็กๆ ที่รักดี กตัญญู มีความสามารถ แต่ขาดแคลนคุณทรัพย์ให้มีโอกาสทางศึกษาเห็นถึงความสามารถและความกตัญญูของน้องยาม ได้มอบทุนการศึกษาให้กับน้องยาม จนเรียนจบ ปริญญาตรีอีกด้วย
นี่แหละค่ะเด็กกตัญญูสู้ชีวิต ผู้ที่มีทั้งพรสวรรค์และพรแสวงที่จะไม่หยุดพัฒนาตนเอง
ในรายการพี่หอยถามน้องว่า
"พอใจในฝีมือตัวเองไหม"
น้องตอบว่า
"พอใจครับ แต่มันยังไม่สุดมันยังพัฒนาได้อีก"
นี่คือตัวอย่างของคนที่ไม่หยุดที่จะเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ตอนนี้น้องอายุแค่14 ปี แต่ความคิดของน้องนั้นโตเกินกว่าอายุไปมาก
แม้แต่ราคาขายงานของน้องเองน้องยังไม่ตั้งราคาแล้วแต่เขาจะมีจิตศรัทธาให้
อยากเป็นอาจารย์สอนงานปั้นเพราะอาจารย์หรือผู้มีฝีมือผู้ที่สนใจด้านนี้มีน้อย อยากสืบสานงานปั้นให้ยังคงอยู่
แม้ที่บ้านจะไม่มีไฟฟ้าใช้ มีรายได้ไม่มาก บางครั้งก็ไม่พอใช้ แต่น้องก็ยังมุมานะฝึกฝนและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ และผลของการทำเช่นนั้นทำให้น้องได้รับโอกาสที่จะต่อยอดการเรียนรู้ของตัวเองโดยที่ไม่ได้พึ่งเงินทองจากครอบครัว
💭ต้นทุนชีวิตของคนเรามีอยู่ไม่เท่ากันก็จริง
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าต้นทุนนั้นจะไม่สามารถต่อยอดไปจนกลายเป็นกำไรให้ชีวิต
ไม่ได้ 💭
💰เมื่อมีความฝัน มีจุดหมายที่ชัดเจน
และมีการลงมือทำ ความสำเร็จในความฝันนั้น
ก็จะกลายเป็นความจริงได้ไม่ยาก💸💸💸
🎇ถ้ามีความฝันแล้วไม่ลงมือทำ
ความฝันก็จะยังเป็นเพียงความฝัน
ไม่มีวันที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความจริงได้🎆
~มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยาก~

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา