17 ก.ย. 2019 เวลา 05:00
แอนนา ลีโอโนเวนส์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปยังการนำทางไปยังการค้นหา
แอนนา ลีโอโนเวนส์
Anna Leonowens
Leonowens Portrait.jpg
เกิด แอนนา แฮร์เรียต เอ็มมา เอ็ดเวิดส์
26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2374
อะห์มัดนาการ์, อินเดีย
เสียชีวิต 19 มกราคม พ.ศ. 2458 (83 ปี)
มอนทรีออล, รัฐควิเบก, แคนาดา
สัญชาติ สหราชอาณาจักร
มีชื่อเสียงจาก พระอาจารย์ฝรั่งในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
คู่สมรส โทมัส ลีออน โอเวนส์
บุตร เอวิส ฟิช
หลุยส์ ลีโอโนเวนส์
บิดามารดา โทมัส เอ็ดเวิดส์
แมรี แอนน์ กลาสคอตต์
แอนนา ลีโอโนเวนส์ (อังกฤษ: Anna Leonowens) หรือ แหม่มแอนนา มีชื่อจริงว่า แอนนา แฮร์เรียต เอ็มมา เอ็ดเวิดส์[1] (อังกฤษ: Anna Harriet Emma Edwards; 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2374 - 19 มกราคม พ.ศ. 2458)
แหม่มแอนนาเป็นที่รู้จักในฐานะเป็น "พระอาจารย์ฝรั่ง" ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แต่สำหรับชาวต่างชาติทั่วไปแหม่มแอนนาคือตัวละครเอกของนวนิยายและละครบรอดเวย์ชื่อดัง เรื่อง "เดอะคิงแอนด์ไอ" รวมทั้งภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่องล่าสุด "แอนนาแอนด์เดอะคิง" ซึ่งสวมบทบาทโดยนักแสดงชั้นนำ คือโจดี ฟอสเตอร์
เนื้อหา
1 ประวัติ
1.1 สู่ตะวันตก
1.2 เข้าเฝ้ารัชกาลที่ 5 อีกครั้ง
2 ผลงานการประพันธ์
3 แอนนา ในบทประพันธ์และภาพยนตร์
4 การถูกวิพากษ์วิจารณ์
4.1 บทบาทในราชสำนัก
4.2 เรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ
5 อ้างอิง
5.1 อ้างอิงทั่วไป
6 แหล่งข้อมูลอื่น
ประวัติ
แอนนาเป็นเด็กกำพร้าพ่อตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เป็นลูกครึ่งแองโกล-อินเดีย[2] เกิดในประเทศอินเดีย เป็นบุตรของโทมัส เอ็ดเวิดส์ กับแมรี แอนน์ กลาสคอตต์
ตาของเธอชื่อ วิลเลียม วอเดรย์ กลาสคอตต์ (อังกฤษ: William Vawdrey (Vaudrey) Glascott) เป็นทหารสัญญาบัตรชาวอังกฤษประจำกองพลทหารราบที่ 4 ในค่ายทหารเมืองบอมเบย์ เขาอพยพเข้ามาสู่อินเดียตั้งแต่ปี ค.ศ. 1810[3] และสมรสในปี ค.ศ. 1815 กับสตรีไม่ปรากฏนาม[4] หากอ้างอิงตามงานเขียนของซูเซิน มอร์แกน ก็เป็นคำอธิบายที่ขาดความสมบูรณ์ ภรรยาของกลาสคอตต์ ตามบันทึกของทางการอังกฤษระบุว่านาง "ไม่ใช่ชาวยุโรป"[5] และมอร์แกนแสดงความเห็นว่า "มีแนวโน้มเป็นอย่างมากที่จะเป็น...แองโกล-อินเดีย (ลูกผสมจากหลายเชื้อชาติ) ที่เกิดในอินเดีย"
(ในภายหลังได้ปกปิดตัวตนและเปลี่ยนนามสกุลเป็นโครวฟอร์ด (Crawford) และอ้างว่าตนเองมีเชื้อสายมาจากเวลส์ ในสหราชอาณาจักร และอ้างว่าบิดามียศเป็นร้อยเอก เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้แอนนาและลูก ๆ ของเธอได้รับการปฏิบัติอย่างชนผิวขาว)
พอมีอายุได้ 18 ปีแอนนาแต่งงานกับเจ้าหน้าที่เสมียนชาวอังกฤษ นามว่าโธมัส ลีออน โอเวนส์ (ภายหลังแอนนาได้รวบชื่อกลางและนามสกุลของสามีเข้าด้วยกัน กลายเป็น "ลีโอโนเวนส์") ทั้งคู่มีบุตรธิดารวม 4 คน สองคนแรกเสียชีวิตตั้งแต่เล็ก คนที่ 3 เป็นหญิงชื่อเอวิส และคนสุดท้องเป็นชายชื่อ หลุยส์ ที. ลีโอโนเวนส์ (ซึ่งต่อมาได้ตั้งบริษัท หลุยส์ ลีโอโนเวนส์ ในเมืองไทย)
แอนนาได้รับการศึกษาที่ประเทศอังกฤษ ต่อมาได้ย้ายตามสามีไปอยู่ที่เกาะปีนังในมาเลเซีย ซึ่งขณะนั้นเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษเช่นกัน
เมื่อสามีของนางเสียชีวิตแอนนาจึงเดินทางต่อไปที่สิงคโปร์ และได้มาเปิดโรงเรียนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่สิงคโปร์ ประกอบอาชีพเป็นครูสอนหนังสือ รับสอนพวกลูกหลานนายทหาร
รัชกาลที่ 4 กำลังทรงเสาะหาครูสอนภาษาอังกฤษแก่พระราชโอรส และ ธิดา มร.อดัมซัน ผู้จัดการบริษัทบอร์เนียวที่สิงคโปร์ ได้แจ้งให้ทรงทราบว่า มีแหม่มสอนภาษาอังกฤษที่มีความสามารถเหมาะสม จึงได้ทรงทาบทามให้เข้ามาสอน ตัวนางกับหลุยส์ ลูกชายวัย 7 ขวบ ตัดสินใจเดินทางมายังประเทศสยาม เพื่อถวายการสอนหนังสือแก่พระราชโอรสธิดาและเจ้าจอมหม่อม
ข้อตกลงในการว่าจ้าง มีดังนี้
แอนนา จะต้องสอนภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์เบื้องต้น วรรณคดีอังกฤษ ขนบธรรมเนียมอังกฤษ แต่ไม่ต้องสอนศาสนาคริสต์
พระราชทานบ้าน สร้างด้วยอิฐแบบฝรั่งให้แอนนาอยู่นอกพระบรมมหาราชวัง
พระราชทานเงินเดือนให้ เดือนละ 100 เหรียญสิงคโปร์
การสอน แบ่งเป็น 2 ผลัด ผลัดเช้า สอนพระราชโอรสและพระราชธิดา ผลัดบ่าย สอนเจ้าจอมมารดา และเจ้าจอมที่ยังสาว
แหม่มแอนนา รับราชการอยู่ 4 ปี 6 เดือน ก็กลับถวายบังคมลาออกจากหน้าที่เนื่องจากสุขภาพทรุดโทรม ได้เขียนหนังสือ 2 เล่ม คือ "The English Governess at the Siamese Court" และ "The Romance of the Harem" ซึ่งในเวลาต่อมากลายเป็นหนังสือขายดีและสร้างชื่อเสียงให้กับนางเป็นอย่างมาก จนเป็นที่มาของนวนิยายและละครเพลงชื่อดังในที่สุด
สู่ตะวันตก
ปี พ.ศ. 2410 แอนนาในวัย 36 ปีได้ออกเดินทางจากกรุงเทพมหานครไปสหรัฐอเมริกา โดยระหว่างทางแวะพักที่อังกฤษและไอร์แลนด์ แอนนาใช้ชีวิตอยู่ที่รัฐนิวยอร์กรวมเป็นเวลา 11 ปี ซึ่งที่นี่เองนางได้เริ่มต้นชีวิตของการเป็นนักเขียนด้วยการส่งต้นฉบับไปลงเป็นตอน ๆ ในนิตยสารชื่อ Atlantic Monthly จนผลสุดท้ายได้รับการตีพิมพ์ กลายเป็นหนังสือรวมเล่มเกี่ยวกับชีวิตแอนนาในพระราชสำนักสยาม
เมื่อมีอายุได้ 47 ปี แอนนาย้ายถิ่นฐานจากสหรัฐอเมริกา ตามลูกสาวคือเอวิสและลูกเขย โธมัส ฟิช ไปยังเมืองแฮลิแฟกซ์ ประเทศแคนาดา ซึ่งในเวลาต่อมานางมีส่วนสำคัญในการก่อตั้งสถาบันการศึกษา Victoria School of Art and Design (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น Nova Scotia College of Art and Design) เพื่อเฉลิมฉลองพระราชวโรกาสเถลิงถวัลย์ราชสมบัติครบ 50 ปีของสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรียแห่งอังกฤษ นอกจากนี้นางยังมีบทบาทด้านสตรีภายในท้องถิ่นเป็นอย่างมาก
ช่วงเวลานั้นเองแอนนามีโอกาสได้เดินทางไปยังประเทศรัสเซีย เพื่อบันทึกเหตุการณ์ความเปลี่ยนแปลงซึ่งกำลังก่อตัวขึ้นบนแผ่นดินของพระเจ้าซาร์ ในฐานะนักเขียนบทความสารคดีให้กับนิตยสาร Youth"s Companion หลังจากนั้นนางยังเดินทางต่อไปที่ยุโรปและพำนักอาศัยอยู่ประเทศเยอรมนีเป็นเวลาช่วงหนึ่งด้วย
ในวัย 53 ปี แอนนาเขียนหนังสือเล่มที่ 3 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับอัตชีวประวัติของตนเอง โดยเฉพาะชีวิตในวัยเด็ก ชื่อว่า "Life and Travel in India" ก่อนจะเขียนเล่มที่ 4 ซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายในอีก 5 ปีต่อมา เรื่อง "Our Asiatic Cousins" ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับชาวจีนที่อพยพไปอาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ อย่างไรก็ดี หนังสือ 2 เล่มสุดท้ายดังกล่าวนี้ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จมากนัก หากเทียบกับผลงานเกี่ยวกับราชอาณาจักรสยาม
เข้าเฝ้ารัชกาลที่ 5 อีกครั้ง
ในปี พ.ศ. 2427 แอนนามีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศร์วรฤทธิ์ ซึ่งขณะนั้นทรงดำรงตำแหน่งเป็นราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา กรมพระนเรศร์วรฤทธิ์หรือพระนามเดิมว่า "พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร" พระราชโอรสองค์ที่ 17 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) และทรงเคยเรียนหนังสือกับแอนนาตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์
แอนนามีความปลาบปลื้มใจที่ได้มีโอกาสพบกับกรมพระนเรศร์วรฤทธิ์อีกครั้ง ซึ่งนอกจากพระองค์จะเคยเป็นศิษย์แล้ว ดูเหมือนว่าแอนนาจะสนิทสนมกับเจ้าจอมมารดากลิ่น พระมารดาของกรมพระนเรศร์ฯ มากเป็นพิเศษอีกด้วย
ต่อมา พ.ศ. 2440 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เสด็จประพาสยุโรป แอนนาซึ่งขณะนั้นมีอายุได้ 66 ปี ได้รับพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินจากกรุงสยาม ณ นครลอนดอน ประเทศอังกฤษ นับเป็นระยะเวลา 30 ปีพอดี หลังจากที่นางได้เดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร
แอนนาเสียชีวิตที่เมืองมอนทรีออล ในรัฐควิเบก ประเทศแคนาดา เมื่อปี พ.ศ. 2458 รวมมีอายุ 84 ปี
ผลงานการประพันธ์
The English Governess at the Siamese Court
The Romance of the Harem (ฉบับแปลไทยว่า นิยายรักในราชสำนักฝ่ายใน)
Life and Travel in India
Our Asiatic Cousins
แอนนา ในบทประพันธ์และภาพยนตร์
จากภาพยนตร์เรื่อง เดอะคิงแอนด์ไอ ปี พ.ศ. 2499 ได้รับรางวัลออสการ์ 5 สาขา
ปี พ.ศ. 2487 มากาเร็ต แลนดอนได้ประพันธ์ บทประพันธ์เรื่อง "แอนนาและพระเจ้าแห่งกรุงสยาม" (Anna and the King of Siam) โดยได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือที่แอนนาแต่ง และได้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2489 กำกับโดย จอห์น ครอมเวลล์ นำแสดงโดย เร็กซ์ แฮร์ริสัน[6]
ต่อจากนั้นได้มีละครเพลง "เดอะคิง แอนด์ ไอ หรือ พระเจ้าแผ่นดินกับตัวฉัน "ที่สร้างโดย ริชาร์ด ร็อดเจอร์ และ ออสการ์ แฮมเมอร์สไตน์ที่ 2 เปิดแสดงเป็นครั้งแรกในโรงละครเซนท์ เจมส์ ในปี พ.ศ. 2494 ที่โดยมี ยูล เบรียนเนอร์ รับบทบาทเป็นพระบาทสมเด็จจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) และเกอทรูด ลอว์เรนซ์ แสดงเป็นแอนนา ต่อมาภาพยนตร์เรื่อง เดอะคิงแอนด์ไอ ออกฉายในปี พ.ศ. 2499 โดยยึดมาจากละครบรอดเวย์ของ ริชาร์ด ร็อดเจอร์ กำกับโดย วอลเตอร์ แลง ได้รับรางวัลออสการ์ 5 สาขา
ในปี พ.ศ. 2515 ได้ถูกสร้างเป็นละครชุดทางโทรทัศน์ โดยซามานธา เอ็ดการ์รับบทเป็นแอนนา จนกระทั่งปี พ.ศ. 2542 บริษัทฟอกซ์ คอร์ปอเรชันได้สร้างภาพยนตร์ขึ้นมาใช้ชื่อเรื่องว่า "แอนนาแอนด์เดอะคิง" แสดงนำโดย โจดี ฟอสเตอร์ และโจว เหวินฟะ แต่ก็ถูกห้ามฉายในประเทศไทยหลังเป็นข้อถกเถียงกันอย่างหนักกรณีเนื้อหาของเรื่องบิดเบือนประวัติศาสตร์
โฆษณา