14 ก.ย. 2019 เวลา 15:50 • บันเทิง
Review
Farewell Song : เพลงรักเราสามคน
Farewell Song เล่าเรื่องของวงดนตรี “ฮารุเลโอ” ซึ่งมีสมาชิกวงด้วยกัน 3 คนคือ “ฮารุ” “เลโอ” และ “ชิมะ” ซึ่งเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวของวง เปิดเรื่องมานั้นหนังแสดงให้เห็นถึงความแตกแยกของวง ความไม่ลงรอยกันระหว่างฮารุและเลโอ และมีชิมะเป็นเสมือนกาวที่คอยยึดแก้วที่มันแตกไว้เข้าด้วยกันและคอยประคองวงให้มันสามารถอยู่ไปได้ ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่วงก็ยังมีงานที่รับไว้ด้วยกันทั้งหมด 7 งาน ซึ่งทำให้ทั้ง 3 คนยังต้องตระเวนเล่นคอนเสิร์ตให้ครบ และตกลงกันไว้ว่าหลังจบทัวร์ก็จะแยกทางกัน
ในส่วนของข้อดีข้อแรกนั้น อย่างแรกที่คนดูอย่างเราสัมผัสกันได้ชัดเจนที่สุดก็คงจะเป็น “เพลง” ของหนัง ซึ่งเป็นเพลงที่วงต้องร้องระหว่างทัวร์คอนเสิร์ต ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 เพลง ซึ่งต้องบอกว่าทุกเพลงเพราะมากจริงๆ และผมอยากให้ทุกคนโฟกัสเนื้อเพลงของหนังเรื่องนี้ไว้ให้ดี อย่าละเลยไม่อ่านซับที่แปล เพราะเพลงในหนังเรื่องนี้จะเป็นเหมือนกระบอกเสียงของตัวละคร ที่แทนความรู้สึกของตัวละครในเรื่องต่างๆไว้
ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะในหนังแทบจะไม่มี Dialogue อะไรเลย มันจึงทำให้เราไม่สามารถที่จะเข้าใจความรู้สึก ความคิดของตัวละครได้เท่าไหร่ ต้องใช้การอ่านเนื้อเพลง การสังเกตอารมณ์ สีหน้า การกระทำของตัวละครเอาเอง ซึ่งตรงนี้จะถือว่าเป็นข้อเสียก็ย่อมได้ แต่จะมองเป็นสไตล์ของตัวผู้กำกับที่ต้องการจะสื่อแบบปลายเปิดให้เรากลับไปขบคิดกันเองก็ไม่ผิด
หนังมีสไตล์ความเป็นญี่ปุ่นอยู่มาก ด้วยการดำเนินเรื่องที่ช้า เนือย การค้างภาพบางซีนไว้นานๆ ซึ่งก็ต้องบอกว่าตรงนี้อาจจะทำให้เกิดอาการง่วงหงาวหาวนอนได้เหมือนกัน สำหรับคนไหนที่ไม่ชอบหนังแบบแนวๆนี้ ก็ขอแนะนำให้ผ่านไปก่อน เพราะท่านอาจจะผลอยหลับไปได้ง่ายๆ
อีกส่วนของหนังที่ยาก คือจะมีการ Switch ฉากในช่วงเวลาต่างๆ ค่อนข้างมั่วซั่วตั้วเหลงมาก เดี๋ยวอดีต เดี๋ยวปัจจุบัน เดี๋ยวไปฉากที่ตัวละครพึ่งเล่าไป มันจะงงงวยและงวยงงมาก ซึ่งท่านต้องตามให้ทัน จดจ่อกับตัวละครไว้ให้แน่น อย่าเผลอหลุดเชียว เพราะถ้าหลุดคือหลุดยาว และอาจตกหล่นบางสิ่งบางอย่างไป แต่ในส่วนของตรงนี้ก็ต้องบอกว่ามันเป็นเหมือนการค่อยๆเฉลยสิ่งต่างๆ ความรู้สึก ความคิด การกระทำของตัวละครแต่ละตัวในปัจจุบันไปทีละขั้น ทีละขั้น ว่าทำไมมันถึงกลายมาเป็นแบบนี้ได้ เหมือนเป็นการค่อยๆเรียนรู้ตัวละครไปในตัว ซึ่งมันจะช่วยให้เราเข้าใจถึงสิ่งที่ตัวละครแต่ละตัวเป็นได้ อดีตคือพื้นฐานของปัจจุบันและอนาคตนั้นแหละ
ซึ่งความชิบหายของตัววงนั้นก็เห็นจะเป็นเกี่ยวกับเรื่องราวของความรักที่เกิดขึ้น ความรักที่วนเป็นลูป จนมันเกิดอารมณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เกิดความอึดอัด อึมครึมไม่รู้จะไปยังไงต่อ ซึ่งตรงนี้อยากให้ลองนั่งวิเคราะห์กันครับ จะได้เข้าใจว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น อย่างนี้
มาถึงช่วงนี้มีสปอยล์อยู่นิดหน่อยนะครับ แนะนำให้ไปดูมาก่อน แล้วค่อยมาอ่านถ้าอยากอินมากขึ้น
ตัวละครฮารุนั้น ก็คงจะเป็นเหมือนตัวละครที่ Expectation ความรักกับคนคนหนึ่งไว้ ซึ่งเป็นเพื่อนเขา แต่สุดท้ายคนที่เขารักมันไม่ได้เป็นเหมือนเขา มันจึงทำให้ตัวฮารุเกิดอาการที่ปิดกั้นกับความรัก ทั้งความรักจากตัวชิมะและเลโอ ที่ถ้าสังเกตดีๆจะเข้าใจว่า เขาพอแล้วกับความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกที่ Relationship แบบเพื่อนพัฒนาไปเป็นแฟน มันเลยทำให้เขาเบือนหน้าหนีกับความรักของชิมะนั้นเองครับ
ส่วนตัวเลโอนั้น ก็คงจะเป็นตัวแทนของเด็กที่ขาดความเข้าอกเข้าใจ ขาดความรัก ขาดการดูแล มันเลยทำให้เขามักจะพบกับความรักที่ฉาบฉวย การมองความรักเป็นแค่เรื่อง “นอนๆไปเดี๋ยวก็รักกันเองแหละ” ความรักที่เขาคิดไปเองว่าเขาพบคนที่เข้าใจเขา มองทุกอย่างที่เข้ามาว่าดีไปหมด ซึ่งเขาก็พลั้งพลาดมันมาเรื่อยๆ หรืออย่างในซีนที่ฮารุทำกับข้าวให้ตัวเลโอกิน เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย ก็เพราะว่าเขาไม่เคยได้รับการ Treat แบบนั้น มันเลยทำให้หลังจากที่เขาตักข้าวกินไปไม่กี่คำ สุดท้ายเขาก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะเขาไม่เคยได้รู้จักกับความรู้สึกแบบนี้มาก่อน จนตอนนอนเขาก็ยังถามฮารุว่าทำไมถึงเลือกคุยกับเขา หรือจะเป็นซีนในป่าที่เขาคุยกับชิมะ ถึงเรื่องของฮารุ ในตอนที่ชิมะเล่าว่าเขาอาสาพาฮารุไปงานไว้อาลัยคุณพ่อฮารุ คำถามแรกที่เลโอถามออกมาโดยแทบไม่ต้องผ่านสมองเหมือนออกจากไขสันหลังแล้วพูดออกมาแบบ Automatic เลยคือคำถามที่ถามว่า “แล้วครอบครัวเธอดีไหม เป็นครอบครัวที่น่ารักไหม” นั้นเองครับ
ในหนังจะมีฉากจูบหลายรอบเหมือนกัน ซึ่งแน่นอนเขาต้องการจะให้มัน Connect กับเพลง “ลาก่อนริมฝีปากนี้” เห็นไหมครับว่ามันสัมพันธ์กับเพลงจริงๆ ซึ่งเนื้อความก็น่าจะเข้าใจกันดีอยู่แล้วเนอะ
ก็ถือว่าเป็นที่ดีอีกเรื่องหนึ่ง แต่ยังไม่ใช่ที่สุดขนาดนั้น ยังมีบางจุดที่บกพร่องอยู่ ผมให้ 7.5/10 ครับ
โฆษณา