15 ก.ย. 2019 เวลา 02:11
ในตอนที่แล้ว บุคคลปริศนาที่ผมได้เล่าไป ได้เกิดใหม่อีกครั้ง
เมื่อรู้ว่าตัวเอง เกิดมาเพื่ออะไรและต้องทำอะไร
ใครยังไม่อ่าน อ่านได้ที่นี่ครับ
หลังจากเขารู้แล้วว่าชีวิตเขาจะเดินต่อไปในทางไหน
แต่เขาก็ไม่ทิ้งการเรียน เภสัชกร ที่เรียนมา เกือบ 3 ปี
เขากัดฟันเรียนต่อจนจบ ด้วยเกรดเฉลี่ย 2.34
ต้องยอมรับว่าที่เรียนต่อจนจบ เพราะว่าทำตามที่พ่อแม่อยากให้ทำ
และเขาเรียนเพื่อให้จบ สามารถไปทำในสิ่งที่เขาชอบได้เร็วๆ
แต่....... ย่อมไม่มีคำว่าราบรื่นหรอกครับ
เมื่อพ่อ-แม่เขาไม่เห็นด้วย และบอกให้เขาทำงานด้านที่เขาเรียนมา
"บางทีชีวิต ก็ไม่ได้เลือกในสิ่งที่คิด"
เขาก้มหน้ายอมรับ ในสิ่งที่พ่อแม่ คิดว่าดี และทำตาม
เขาได้เงินเดือนมากถึง หลักแสน สำหรับงานที่ทำ
ทั้ง ๆ ที่ในใจร้องตะโกนว่า มันไม่ใช่ ตัวเขา
จนวันหนึ่ง เขามองตัวเองในกระจก และถามตัวเองว่า
"ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต​ ยังจะทำในสิ่งที่ทำอยู่รึเปล่า"
คำตอบวันนั้น คือ "ไม่ใช่"
เขาตัดสินใจลาออกจากงานที่ทำ เป็นเวลาเกือบ 2 ปี
ไปสมัครเป็นกองบรรณาธิการ เงินเดือน 15,000 ที่ a day
ไม่ต้องถามครับว่า พ่อแม่ จะด่ารึเปล่า
พ่อกับแม่ ไม่คุยกับเขาเป็นเวลาหลายต่อหลายวันจาการตัดสินใจนี้
เขาทิ้งเงินเดือนหลักแสนไปทำงานเงินเดือนหลักหมื่น เพียงเพราะว่า นั่นคือสิ่งที่เขารัก
เขารู้สึกดีกับสิ่งที่ทำ และการตัดสินใจของเขา
ถึงแม้มันจะไม่ใช่ก้าวที่ยิ่งใหญ่ แต่มันเป็น "จุดเปลี่ยน" ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของเขาเอง
ตอนที่ทำงานนี้ เขาแทบไม่มีความรู้สึกเลยว่า เขาต้องตื่นเช้าเพื่อไปทำงาน
แต่เขากลับรู้สึกว่า อยากที่จะทำ อยากสัมภาษณ์คน อยากเขียนคอลัมน์ อยากไปทำงาน
ไปไหนก็คิดแต่เรื่องงาน ไปไหนเจอใครก็อยากจะเล่าเรื่อง
"อิจฉามึงว่ะ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ" ประโยคหนึ่งที่เพื่อนเขาได้เข้ามาบอกตอนเจอกัน
เขาบอกตัวเองว่า ก่อนที่กูจะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ นี่กูทุกข์มากเลยนะ ต้องทำตามที่คนอื่นบอกให้เป็น มาตั้งนาน จนวันที่กูกล้าก้าวออกมา
คนจบเภสัชกร จะทำงานได้ดีในการเขียนจริงหรือ???
แน่นอนครับว่า การที่จบเภสัชฯ นั่นไม่ได้ช่วยให้เขาเขียนเก่งกว่าใคร ในที่ทำงาน ตรงกันข้าม เขายังขาดประสบการณ์ในการเขียนอีกมาก ถ้าเทียบเป็นแต้มต่อ เขาก็น้อยกว่าคนอื่นหลายเท่า
แต่สิ่งที่เขาใช้มาเพื่อเติมเต็มส่วนนี้ นั่นก็คือ "ความขยัน" ครับ
สมมุติว่า คนอื่นทำบทความต่อเดือน 5 ชิ้น สัมภาษณ์ 2 คน เขาจะยกมือขอเยอะกว่านั้น ขอทำ 8 ชิ้น สัมภาษณ์อีก 4 คน
เขาจะเป็นคนที่ยกมือตลอดเวลาที่ไม่มีใครเสนอตัวจะทำคอลัมน์
เพราะเขาคิดว่า "ยิ่งทำมาก ยิ่งได้มาก"
และรู้เพียงแค่ว่า เขาต้องเก่งให้เร็วกว่านี้
เขาตั้งเป้าว่าจะเป็นนักเขียนอันดับหนึ่งของประเทศให้ได้ ในรุ่นเดียวกัน
คิดว่าผลตอบแทนที่เขาได้รับจะเป็นยังไงครับ??
แน่นอนว่า คนที่ทำมากกว่าคนอื่น ย่อมได้สิ่งที่แตกต่างกัน
เขาได้รับโอกาส ต่างๆ มากมาย ทั้งจากคนที่เขาไปส้มภาษณ์ และทำงานร่วมกัน
ต่างแนะนำ ปากต่อปาก ว่า คนนี้เก่งนะ คนนี้ดี ขยัน
"มติชน สุดสัปดาห์" เป็นหนังสือ ที่เรียกว่าฮอตฮิตที่สุดในขณะนั้น นักเขียนชื่อดังต่างๆมากมาย ล้วนแล้วแต่มีคอลัมน์ ลงในหนังสือนี้
วันหนึ่งเขาได้รับโอกาส ที่จะได้ไปลงบทความใน มติชน สุดสัปดาห์ โดยใช้ชื่อของเขาเอง
เขารับโอกาสอย่างทันที โดยไม่คิดว่าจะทำไม่ได้ คิดแค่ว่า อย่างมากที่สุดก็โดนเลิกเขียน
และเขายังคงทำงานที่ a day ควบคู่กันไป
1
ในชี่วงแรก 6 เดือน เป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยมาก บทความที่เขียนต้องใช้เวลานาน และแก้แล้วแก้อีก
1
กว่าจะผ่าน กอง บก. ทำงานเรียกว่าแทบจะไม่มีวันหยุด
จนในที่สด เวลา 6 เดือนเขาก็สามารถปรับทุกอย่างให้ลงตัว
คอลัมน์ที่เขียน เขาใช้ชื่อว่า Pop Teen (วัฒนธรรมวัยรุ่น) ซึ่งก็กลายเป็นที่นิยมในระดับหนึ่ง
เขาเขียนคอลัมน์ นี้อยู่ถึง 3 ปี
หลังจากนั้นมี คนติดต่อมาจากสถานีโทรทัศน์ หนึ่ง ให้ไปทำ ช่วงหนึ่ง เวลาประมาณ 7 นาทีให้สาระกับผู้ดู
เนื่องจากเห็นผลงานในการเขียนคอลัมน์ของเขา
1
ต่อมาไม่นาน
เขาได้รับโทรศัพท์ จาก คุณ โหน่ง วงศ์ทนง บิ๊กบอสใหญ่แห่ง a day
ติดต่อให้เขาเข้ามาทำเป็น บก. สำนักพิมพ์ออนไลน์แห่งใหม่ ชื่อว่า The Momentum
ไม่ต้องถามนะครับ่ว่าเขาตกลงหรือไม่
"ถ้าเป้าหมายมีไว้พุ่งชน" และ "ความล้มเหลวก็เป็นแค่บทเรียน" แบบนี้ เขาก็กล้าที่จะคว้าทุกโอกาสที่เข้ามา
หลังจากที่เขามาทำ The Momentum ปรากฎว่า ดังเป็นพลุแตก เป็นสื่อที่ถูกพูดถึงอย่างเป็นวงกว้าง ด้วยคอนเทนต์ที่ดูใหม่ มาในรูปแบบ ออนไลน์ เข้าถึงคนยุคใหม่ได้ง่ายกว่า
เรียกได้ว่าเป็น สำนักข่าวออนไลน์ที่หลายๆ คนรู้จักและติดตามกัน
และเขาก็ออกมา เป็น บก. ของ สำนักข่าวที่มีชื่อว่า The Standard
ผมว่า มาถึงจุดนี้ หลายๆ คนคงจะรู้แล้วว่า เขาคนนี้เป็นใคร
เขาคนนี้ชื่อว่า เคน นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ อายุ 33 ปี
ผู้ซึ่งก้าวมาเป็น หนึ่งในบรรณาธิการ สำนักข่าว The Standard
ที่เรียกได้้ว่า อายุน้อยที่สุด ในบรรดา บก.ทุกคน
เจ้าของ PODCAST The secret sauce
ผมเองฟัง มาหลาย ๆ Ep. แต่ไม่เคยรู้เลยว่าคุณ เคนหน้าตาเป็นยังไง จนวันนึง นึกครึ้มอะไรขึ้นมาลองเปิดดูหน้า ต้องร้อง อื้อหือเลย ไม่ได้ดีแต่ความสามารถ ยังดียันหน้าตา 555
ยิ่งไปอ่านละดู คลิปที่คุณเคนพูด ยิ่งติดตามผลงานของชายคนนี้ อย่างไม่มีข้อสงสัยในฝีมือ
เสียใจด้วยกับคนที่คิดว่าเป็นแอดนะครับ
แอดยังไม่เก่งขนาดนั้น 555
คำคม จากคุณเคน
"นักเขียนที่ดี ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ถ้าคุณอ่านไม่มากพอ"
ในฐานะที่ หลายๆ คนก็เป็นนักเขียนใน BD ผมคิดว่าเรื่องราวของคุณเคน นั้นจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และกำลังใจดีๆ ให้กับคนเขียนหลายๆ คน ที่บางคนอาจจะเคยเรียนคนละสายมาไม่ต่างกับคุณเคนเอง
แต่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อค้นพบตัวเองเมื่อไหร่ ก็ไม่สายที่จะเริ่มเดิมก้าวใหม่ครับ
ขอขอบคุณที่มาของเรื่องราวนี้
Perspective ตอน คุณ เคน นครินทร์
หากอ่านบทความนี้แล้วชอบ กดไลก์ เป็นกำลังให้คนเขียน
ผมหวังว่าบทความนี้จะ ช่วย "ฉุด" ความคิดของคนที่ได้อ่าน บ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ
ถ้าอยากอ่านบทความดี ๆ อีก ที่มาช่วย "ฉุดคิด" ให้กับคุณ กดติดตามได้เลยครับ
ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ กดแชร์ได้เลย ไม่ต้องขออนุญาตกัน
1
เพราะเรื่องราวดี ๆ.........มีไว้ให้บอกต่อ ครับ
โฆษณา