20 ก.ย. 2019 เวลา 12:00 • ท่องเที่ยว
ขุนเขาแห่งศรัทธา : มุลาอิ
อย่างที่บอกไปครับเพราะมีวันหยุดทริปนี้จึงเกิดขึ้น ด้วยความที่เบื่อฝุ่นเมืองไทยบวกกับอากาศร้อนในบ้านเราทำให้ผมมุ่งหน้าหาธรรมชาติและที่แรกที่นึกออก คือ “มุลาอิ” ทำไมถึงเป็นที่นี่ ง่ายๆครับเพราะชื่อแปลกดีฟังเหมือนอยู่ญี่ปุ่น555 แต่ผิดถนัดมุลาอิอยู่ไม่ไกลจากไทยเลย แค่ข้ามฝั่งจากจังหวัดตากไปที่รัฐกะเหรี่ยงประเทศพม่า แค่รู้ว่าต้องข้ามฝั่งก็สนุกแล้ว แต่ด้วยเวลากระชั้นชิดทำให้ผมวางแผนเดินทางด้วยตัวคนเดียวสไตล์backpacไม่ได้ จึงเหลือทางเลือกสุดท้ายคือการซื้อทริป คิดได้ดังนั้นเลยจัดการจองทริปมุลาอิภายในเช้าวันนั้นทันที และในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง วันเดินทางเราขึ้นรถตู้จากกทม-ตากแล้วมาข้ามฝั่งที่ บ้านมอเกอไทย ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ไม่ต้องใช้พาสปอร์ต เพราะรัฐกะเหรี่ยงอนุโลมให้ผู้มาแสวงบุญสามารถเดินทางขึ้นสักการะพระธาตุเจดีย์บนยอดเขามุลาอิได้เลย
แต่ก่อนข้ามฝั่งเราต้องเปลี่ยนรถจากรถตู้ไปนั้ง4*4กันซะก่อนด้วยความที่อยากสนุกเหมือนตอนเด็กๆเลยขอนั้งหลังแต่หารู้ไม่ว่า นรกกำลังรอเอ็งอยู่มนุษย์เงินเดือนผู้โง่เขลา หลังจากย้ายสัมภาระมาขึ้น4*4เป็นที่เรียบร้อยเราก็เริ่มข้ามฝั่งกันด้วยการขับรถข้ามแม่น้ำกันก่อนเลย ระยะทางจากนี้ไปอีก40กิโลทางจะดีในช่วงไม่กี่กิโลเมตรแรกหลังจากนั้นเป็นทางขึ้นเขาที่มีแต่หินทางคดเคี้ยวไปมาโค้งหักศอกแบบ3ท่อน55+ ฝุ่นเยอะมากกกกกกกกเพราะเป็นถนนดิน(ใครที่จะมาควรเตรียมผ้าปิดจมูกมาด้วย)นั้งรถเหมือนนั้งบนหลังกบเด้งซ้ายทีขวาสองทีไตสลับกับปอดแดดร้อนมาก ภูมิประเทศบนนั้นเป็นเขาโล้นๆที่ถูกไฟเผาเหลือไว้แต่เขม่าสีดำแถบจะไม่มีสีเขียวของต้นไม้ให้ได้เห็นเลย ฝุ่นที่ไทยว่าเยอะแล้วที่นี่กลับเยอะกว่าทุกอย่างตรงกันข้ามกับที่คิดไว้ในตอนแรก แต่พอเริ่มเข้าใกล้พระธาตุมุลาอิมากขึ้นเริ่มมีต้นไม้สีเขียวที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าเยอะขึ้น หลังจากนั้งอยู่บนหลังกบประมาน2-3ชั่วโมงก็มาถึงซะที แต่พักได้ไม่นานก็ต้องจัดข้าวของเตรียมตัวเดินไปจุดกางเต๊นท์ที่พักแรมของเราคืนนี้ระยะทางจากที่จอดรถไปจุดกางเต๊นท์ประมาณ1.5km ใช้เวลาเดินประมาน20นาที หลังจากกางเต๊นท์เสร็จเรียบร้อยก็รอให้อากาศเย็นขึ้นสักหน่อยจึงเดินขึ้นพระธาตุ ทางเดินขึ้นพระธาตุไม่ไกลมาก หลังจากเดินผ่านซุ้มประตูทางขึ้นพระธาตุมาได้ซักพักสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือขุนเขาที่ถูกแบ่งครึ่งด้วยไฟ สันเขามุลาอิถูกเผาไปครึ่งหนึ่งเหลือไว้แค่ขี้เถ้าสีดำเป็นภาพที่ทำให้ได้รู้ถึงความอันตรายของไฟป่า พระธาตุบนยอดเขาจะมี2จุด จุดแรกเป็นพระธาตุของผู้หญิงส่วนจุดที่สองอยู่ห่างกันไม่ไกลมากแต่ผู้หญิงห้ามขึ้น(ผู้หญิงต้องนุ่งผ้าปิดให้มิดชิดไม่ใส่ขาสั้นและคนที่มีประจำเดือนห้ามขึ้นเด็ดขาด) ลืมบอกไปว่าสำหรับนักแสวงบุญเค้าจะมีที่ให้นอนฟรีเป็นอาคาร2ชั้นผู้ชายนอนชั้นบนผู้หญิงนอนชั้นล่าง ชายหญิงห้ามนอนด้วยกันและอีกอย่างคือที่นี่กินเจ100%ผู้คนชาวกะเหรี่ยงและพม่าส่วนใหญ่เดินทางมาที่นี่ด้วยการเดินเท้าใช้ระยะเวลาถึง2วันเต็มๆในการขึ้นมาสักการะพระธาตุ อากาศในเดือนเมษาร้อนมากในตอนกลางวันแต่กลางคืนกลับหนาวมากกกจนนอนไม่ได้ต้องลุกออกมาใส่เสื้อใส่กางเกงหลายๆชั้น เช้ามามีทะเลหมอกด้วยยิ่งทำให้งงเข้าไปใหญ่ สภาพอากาศที่สุดจัดทั้งสองขั้วและความน่ารักความมีน้ำใจของคนที่นี่ทำให้ที่นี่มีสเน่ห์เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว งานไหว้พระธาตุจะจัดขึ้นในเดือนเมษาประมาณวันที่21ของทุกปีไปจนสิ้นเดือน
ปล. “ถึงมนุษย์เงินเดือนทุกคนที่อ่านบทความนี้ผมขอให้คุณหาเวลาให้ตัวเองบ้างอย่าหักโหมกับงานจนเกินไปที่ๆเราอยู่เป็นแค่จุดเล็กๆบนโลกใบนี้เก็บกระเป๋าแล้วลองออกไปหาคำตอบชีวิตดู”(อย่าลืมคำนวณวันลากันด้วยล่ะ🤣🤣🤣)
ปล2. พิมพ์ผิดพิมพ์ตกพูดไม่ละเอียดต้องขอโทษด้วย😓😓😓
งบ2900/คน(ซื้อทริป)
*ไม่แนะนำถ้าจะไปคนเดียวเพราะราคาเหมารถไป-กลับพระธาตุ-บ้านมอเกอไทยสูงมากตกคันละ5000+แต่ถ้าหลายคนก็โอเค
เป็นทริปเมื่อตอนต้นปี62
โฆษณา