20 ก.ย. 2019 เวลา 12:23 • ความคิดเห็น
แชร์ความรู้  "Trade War to Tech War and Financial War" (ตอนที่ 1)
พอดีวันนี้มีโอกาสฟังบรรยาย เรื่อง สงครามการค้า จีน-สหรัฐฯ บรรยายโดย อาจารย์อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ ที่มาพร้อมกับ ทฤษฎี "หมูสามชั้น"
1
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรไปติดตามกันเลย...
1) แต่เดิม คนจีนมีคำเรียก "Chimerica" คือ เศรษฐกิจ จีนและสหรัฐฯ เชื่อมโยงกัน มาถึงวันนี้กำลังจะแตกกัน และอาจก้าวสู่ สงครามเย็น 2.0 แต่จะรุนแรงถึงขั้น เป็นการปะทะกันระหว่าง "อารยธรรม" หรือไม่ ต้องจับตาดู
หนังสือใหม่ของอาจารย์อาร์ม ต้องซื้อ!
2) Graham Allison ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสงคราม เขียนไว้ในหนังสือ Destined for War  ว่า ทุกครั้งที่มีมหาอำนาจใหม่ก้าวขึ้นมาท้าทายมหาอำนาจเดิม ส่วนใหญ่จะเกิดสงครามตามมา ยกเว้นก็ตอนที่ สหรัฐฯ ขึ้นมาเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลก แทนที่สหราชอาณาจักร (อังกฤษ) ตอนนั้นไม่ได้รบกัน แต่กับจีนรอบนี้ จะเป็นอย่างไรยังไม่แน่
3) Pillsbury เขียนในหนังสือ The-hundred Years Marathon ว่าจีนเป็นอับดับหนึ่งของโลกมา 4,000 ปี มาพลาดท่า เจอปัญหาช่วงสงครามฝิ่น มาถึงวันนี้จีนพยายามกลับมาเป็นที่ 1 หลังจากวิ่งพัฒนาประเทศมาต่อเนื่องถึง 100 ปี
4) มีหลายคนที่มองว่า จีน "ร้ายกว่า" สหภาพโซเวียต โดยเฉพาะกลุ่มที่ปรึกษาของทรัมป์ ที่ค่อนข้้างหัวรุนแรง เช่น คุณ Kiron Skinner อดีตที่ปรึกษา เคยพูดว่า การสู้กันระหว่างจีนและสหรัฐนั้นแตกต่างจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เนื่องจากจีนเป็นมหาอำนาจใหม่ชาติแรกที่ไม่ใช่ "คนผิวขาว" ที่ขึ้นมาท้าทายอำนาจ ถือเป็นเรื่องน่าตกใจมากๆ ที่เอาเรื่องเชื้อชาติมาเล่นเป็นประเด็น
นอกจากนี้ ยังมีคุณ Martin Jacques พูดคำหนึ่งในหนังสือ When China Rules the World ว่าจีน ไม่ใช่ Nation State หรือรัฐชาติ แต่เป็น Civilization State คือแหล่งรวมอารยธรรม โดยทางรัฐบาลจีนวางแผนที่จะขนตุ๊กตาทหารยุคจิ๋นซีฮ่องเต้ มาฉลองในงานวันชาติจีน วันที่ 1 ตุลาคม ที่จะถึงนี้
ไมค์ ปอมเปโอ (ซ้าย) และ จอร์จ โซรอส (ขวา)
5) อีกรายหนึ่ง คือ นาย ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า จีนร้ายกว่าโซเวียตเพราะระบบเศรษฐกิจเชื่อมโยงกับโลก เปรียบเทียบกับญี่ปุ่นที่รุ่งเรืองเร็วมากๆ แต่เศรษฐกิจญี่ปุ่นก็ไม่ได้เชื่อมโยงกับสหรัฐฯ ญี่ปุ่นเลยโดนสหรัฐฯ ทุบจนทำให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยตามมาจนเป็น ศตวรรษที่สูญหาย (The lost decade) โดยประเด็นหลักคือ สหรัฐฯ เสียอำนาจต่อรองกับจีน เพราะจะทุบจีน ตัวเองก็โดนไปด้วย สหรัฐฯ จึงต้องพยายามค่อยๆ แยกเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงออกจากกัน
6) จอร์จ โซรอส พ่อมดการเงิน ที่คนไทยเราคุ้นเคยกันดีจากวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่จริงๆ แล้ว เขาเป็นคนสนับสนุน NGO ที่ชื่อว่า Open Foundation ที่เน้นการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย และเขายังเป็นผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต รายใหญ่ ขั้วตรงข้ามกับทรัมป์ อย่างไรก็ตาม โซรอสกลับพูดในงาน World Economic Forum ที่ผ่านมา ว่า ศัตรูอันดับหนึ่งของทุนนิยมก็คือ "สีจิ้นผิง" เพราะว่าจีนเป็นรัฐบาลเผด็จการแบบ "ไฮเทค" มีเครื่องมือในการควบคุมสังคมโดยใช้เทคโนโลยี
1
โซรอส ลงบทความใน WSJ
และเมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่ผ่านมา โซรอสเขียนบทความลง Wall Street Journal กล่าวเห็นด้วยกับทรัมป์ เรื่องการลดอำนาจของจีน โดยเฉพาะการแบนหัวเว่ย แต่เค้าก็เห็นว่าทรัมป์ควรจะต้องทำให้ต่อเนื่องต่อ ห้ามเจรจาอ่อนข้อให้จีน ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นการขายชาติ!!
7) คงไม่มีใครอยากให้มีสงครามเย็นรอบสอง ไม่งั้นคงต้องกังวลว่าจรวดจะยิงมาสหรัฐฯ เมื่อไหร่ โดยในอดีตที่ผ่านมา สหรัฐฯ ใช้นโยบาย "โลกาภิวัตน์" (Globalization) เอาทุกคนเข้ามาอยู่ "แพลตฟอร์ม" ของสหรัฐฯ
อเมริกาและโลกาภิวัตน์
ช่วงที่สำคัญ คือ สมัย บิล คลินตัน ที่มีนโยบายเป็นมิตรร่วมมือกับจีน โดยคลินตันให้เหตุผลว่า หนึ่ง สหรัฐฯ ต้องช่วยเรื่องสิทธิมนุษยชน (ช่วยคนจนในจีน), สอง หลังจากคนจีนรวยขึ้น ตามหลักการก็จะเรียกร้องประชาธิปไตย และ สาม ถ้าจีนไม่เปลี่ยนเหมือนตะวันตก จีนจะพังไปเอง คบกับจีนแล้วยังไงก็ win-win
8) แต่เหตุการณ์จริงกลับไม่เป็นตามที่วางแผนไว้ ความเป็นจริงก็คือ จีน เศรษฐกิจยิ่งเติบโตเท่าไหร่ อำนาจนิยมของจีน ยิ่งเข้มแข็ง ไม่พังง่ายๆ
9) จริงๆ แล้วที่ผ่านมา สหรัฐฯ ทำผลงานได้อย่างยิ่งใหญ่ชนิดที่ไม่มีใครเคยทำได้ ยิ่งกว่าสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) เคล็ดลับของสหรัฐฯ ก็คือ "การส่งออกแพลตฟอร์ม" เหนือชั้นกว่าการส่งออก "สินค้า" และส่งออก "พ่อค้า" อย่างมาก
เคล็ดลับสำคัญคือ ส่งออกแฟลตฟอร์ม
10) ทีนี้แพลตฟอร์ม คืออะไรบ้าง
หนึ่ง ระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
สอง ดอลล่าร์สหรัฐฯ ในฐานะสกุลเงินหลักของโลก
สาม สัญญาน 4G
สี่ อินเตอร์เนต: Facebook, Amazon, Google
11) กลับมาที่ คลินตัน ที่นำพาสหรัฐฯ ไปคบกับจีน โดยคลินตันให้เหตุผลว่า "อินเตอร์เน็ต" จะบังคับให้จีนต้องเปิดเสรี ปัจจุบันผลตรงกันข้าม จีนควบคุมคนในประเทศได้ทั้งหมด จริงๆแล้วที่ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งคราวที่แล้วส่วนหนึ่งก็เกิดจากการควบคุมสื่อโซเชียล ใช้หลักการเดียวกัน
12) จีนและสหรัฐฯ มีการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ ก็จริง แต่ระบอบการปกครองต่างกันโดยสิ้นเชิง และหลังๆมานี้ ผู้นำจีนมั่นใจระบอบการปกครองมากๆ ด้วย เนื่องมาจากเทคโนโลยี โดยเฉพาะ 5G และคนสหรัฐฯ ก็มีเล่นมุกตลก ว่าอเมริกาเริ่มทำตัวเหมือนจีน ไปไล่แบนชาวบ้าน ควบคุมประเทศอื่นๆ
1
13) มีกราฟที่โด่งดังมาจากการโลกาภิวัตน์ ก็คือ กราฟช้าง ของ มิลาโนวิช โดยคนรวยสุดกับคนจนสุด มีการเพิ่มขึ้นของรายได้มหาศาล คนชั้นกลางในประเทศพัฒนาแล้วกลับไม่ได้ประโยชน์ ทำให้ประเทศพัฒนาแล้ว เช่น อังกฤษ หัวเสีย พยายามโวยวายอยู่เสมอๆ
1
กราฟช้าง
14) ปัจจุบันคนจีนไปทั่วโลก ตึกข้างบ้านทรัมป์ คนจีนไปซื้อเรียบร้อย จีนเข้ายึดอสังหาริมทรัพย์ ใน New York นอกจากนี้แพลตฟอร์มจีน ก็ ไปทั่วโลก ณ ในวันที่คลินตันพูดเรื่อง "อินเตอร์เนต" จีนก็จัดการ เริ่มงานวิจัย ตั้งกำแพง "Great Firewall" กันสหรัฐฯ ทันที
จีนเรียน (เลียน) ทุกกระบวนท่าจากสหรัฐฯ
15) โดยสรุป "ทฤษฎีหมูสามชั้น" คือศึกครั้งนี้ เป็นการแข่งขันกันถึง "สามชั้น"
ทฤษฎีหมูสามชั้น โดยอาจารย์อาร์ม
ชั้นแรก คือ การค้า
ชั้นที่สอง คือ เทคโนโลยี
และชั้นที่สามคือ ความมั่นคง
ที่น่าติดตามคือ ช่วงสงครามเย็นระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพโซเวียต เป็นการแข่งเทคโนโลยีทางการทหาร แต่ปัจจุบันการแข่งขัน นั้นใกล้ตัวเรามากๆ มาแข่งเทคโนโลยีที่ทุกๆคน เข้าถึงได้คือ "มือถือ"
16) คงใกล้ถึง จุดจบ ของสหรัฐฯ ในการ "นำเดี่ยว" แล้ว จีนพยายาม "เลียนแบบ" สหรัฐฯ ในทุกๆอย่าง จนปัจจุบันตีคู่ มาเป็นคู่แข่งที่ต้องจับตา...
ตอนที่ 2 เราจะไปดูว่า สงครามการค้าครั้งนี้ มีความคล้ายคลึงกับศึก "สามก๊ก" โจโฉ-เล่าปี่-ซุนกวน อย่างไร?? วันพรุ่งนี้เรามาติดตามกันครับ
💡ไม่อยากพลาดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ และกลยุทธ์ทางธุรกิจ
ติดตาม "นำเข้าส่งออก สุดขอบฟ้า" ได้หลายช่องทาง
✌️Blockdit (อ่านสนุกกว่า): https://www.blockdit.com/pages/5cf403f48a04c80fff7950bb
👌Line openchat (พูดคุยแลกเปลี่ยน ระหว่างผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก): https://line.me/ti/g2/hxcbVyO45-1yxNkh-vKf1g

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา