22 ก.ย. 2019 เวลา 10:02 • ปรัชญา
ร้านล็อคหน้าในตลาดนัด
"มาจ้า มาช่วยกันซื้อหน่อยจ้า อร่อยๆทุกอย่างเลยจ้า"
"มาแล้วครับ ของใช้ในครัว ของใช้ในบ้าน ราคาถูก เป็นสินค้าจากโรงงาน นำมาขายให้พ่อแม่พี่น้อง เชิญเข้ามาเลือกซื้อ เลือกหา กันได้แล้วครับ"
"มาแล้วจ้า ปลาทูนึ่งใหม่ๆ ปลาทูจากแม่กอง ถ้าหน้าไม่งอ คอไม่หัก ไม่ต้องซื้อไปจ้า"
เสียงเหล่านี้คือเสียง ของเหล่าพ่อค้า แม่ค้าในตลาดนัด ที่กำลังร้องเรียกให้เหล่าลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นชาย หรือผู้หญิง ต้องหันกลับไปมองด้วยความสงสัย ว่าพวกพ่อค้า แม่ค้าพวกนี้เขาขายอะไรกัน
ส่วนตัวผมเองตอนช่วงเวลาเย็นๆ ก็แวะไปซื้อตับย่าง หมูย่าง ที่ตลาดนัดเป็นประจำ เพราะหมา เจ้ากรรมของผมที่ชื่อแม่มาลิ เธอต้องได้กินตับย่างคุกกับอาหารเม็ด
ไม่อย่างนั้น นางบอกเลย เซกู๊ดบายจ้า เจ้านาย ไปหามาให้ใหม่เลย ฮ่าฮ่าฮ่า เห็นแบบนี้แล้วน้ำตาจะไหล😭 ขอโทษนะครับคุณนายมาลิ ที่บ่าวจัดอาหารมาให้ไม่ถูกปากฮ่าฮ่าฮ่า
วกกลับมาในเรื่องตลาดนัดกันต่อ ด้วยที่ผมไปหาซื้อของกินในตลาดนัดบ่อยๆ ผมก็จะสังเกตเห็นว่าร้านที่อยู่ด้านในลึกๆ ส่วนมากจะขายไม่ค่อยได้
เพราะคนส่วนใหญ่ที่มาเดิน ก็แค่ต้องการมาซื้อของที่ต้องการ หลังจากได้ของที่ต้องการแล้ว ก็มักจะเดินกลับเลยทันที
โดยที่ไม่คิดว่าจะเข้าไปดูของข้างในตลาดนัดต่อ อีกทั้งช่วงเวลาที่เหล่าลูกค้ามาซื้อของกิน ของใช้ ก็มักจะเป็นช่วงเวลาหลังเลิกงาน ขับผ่านแล้วแวะซื้อเพื่อจะรีบกับบ้าน
ก็เลยทำให้ช่วงเวลานั้นรถติดมากๆ คนส่วนใหญ่เลยต้องรีบซื้อแล้วก็รีบกลับ เป็นเหตุให้ร้านค้าที่อยู่ด้านใน ขายสินค้าได้น้อย ทั้งๆที่สินค้าที่ขายก็ประเภทเดียวกัน ราคาเท่ากัน เผลอๆเป็นสินค้ายี่ห้อเดียวกันอีกต่างหาก
แล้วทำไมเขาถึง ไม่ไปขายที่ด้านหน้าตลาดนัดล่ะ คำถามน่าสนใจ สายข่าว(สายเผือก) อย่างใจดีต้องแอบไปสัมภาษณ์ เหล่าแม่ค้า พ่อค้าต่างๆเสียแล้ว อิอิ
ภาพนายกตู่ลงไปสอบถามความเป็นอยู่ของพ่อค้า ฮ่าฮ่า ภาพจากnews.tlcthai.com
หลังจากที่ได้สอบถามเหล่าพ่อค้า แม่ค้าทั้งหลายมาแล้ว พอจะสรุปง่ายๆได้ดังนี้
1 ตอนที่เริ่มเปิดตลาดนัดใหม่ๆ พวกพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้เป็นพวกแรกๆที่เข้ามาจองล็อค และทดลองขายเป็นกลุ่มแรกๆ เลยมีสิทธิ์ที่จะได้ล็อคขายของด้านหน้าไป
2 คนกลุ่มนี้เป็นเหล่า ลูกท่านหลานเธอของเจ้าของตลาดนัด เลยมีสิทธิ์ที่จะได้ล็อคหน้าๆ ในตลาดทั้งๆที่ ไม่ได้มาจองหรือลองมาขายเป็นพวกแรกๆของตลาดนัด
3 เงินจ้าเงิน เงินซื้อได้ทุกอย่างในโลกฮ่าฮ่าฮ่า คนกลุ่มนี้เสียเงินเพื่อที่จะได้ขายอยู่ในล็อคหน้าๆ ของตลาดนัด ทั้งที่จ่ายให้คนจัดตลาด และจ่ายให้เจ้าของล็อคด้านหน้าเดิม
ถามว่าคุ้มไหมสำหรับคนกลุ่มที่สาม ตอบเลยว่าคุ้ม แม้พวกเขาจะต้องจ่ายเงินเพื่อแลกกับ โอกาสในการขายของ แต่ยอดขายที่ได้รับกลับมาก็คุ้มค่าในระดับหนึ่ง
เพราะถ้าเรามองในแง่ของงานขาย ตอบเลยว่าคุ้มมาก เพราะการเพิ่มโอกาสในการขายไม่ว่าจะเป็น การโฆษณา หรือ การมีสินค้าให้ชิมฟรี หรือสินค้าทดลองใช้ต่างๆ ล้วนแต่เป็นการแนะนำเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงจุดที่สุด
ก็เหมือนกับเหล่าพ่อค้าแม่ค้า ที่อยู่ในล็อคแรกๆ ที่สามารถทำให้ลูกค้ามองเห็นร้านเราก่อน ทำให้เรามีโอกาสขายสินค้าได้เพิ่มมากขึ้น
ถ้าเป็นคุณ ขณะที่คุณจะต้องการซื้อของอะไรบางอย่าง แต่คุณต้องรีบ จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ คุณก็คงจะเลือกซื้อสินค้าที่อยู่ล็อคด้านหน้าก่อนเป็นแน่ คงไม่มีใครที่จะเดินเข้าไปซื้อสินค้าชนิดเดียวกันที่อยู่ด้านใน หรือ ต่อให้สินค้าที่คุณขายเป็นสินค้าที่ดีกว่าและราคาถูกกว่า ก็อาจจะขายไม่ได้ เพราะเหตุผลเดียว คือลูกค้าไม่มีโอกาสได้เห็นสินค้าของคุณเพื่อที่จะได้ทำการตัดสินใจนั้นเอง
ที่ผมเขียนบทความ ร้านล็อคหน้าในตลาดนัดขึ้นมานี้ ก็เพื่อจะสือว่า บางครั้งเหล่านักเขียนหน้าใหม่ๆ ในblockdit ชอบบ่นกันว่าเขียนบทความดีๆ แต่ไม่มีคนอ่าน ทำไมคนเห็นโพสต์เราน้อยจัง ไม่เห็นมีใครเข้ามาคอมเม้น หรือกดติดตามเราเลย
ก็ต้องตอบว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ตัวผมเองตอนเริ่มเขียนใหม่ๆก็เป็นแบบนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะเขียนดีอะไร แต่การเรียกคนอ่านให้มาอ่านก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเหมือนกัน
การที่นักเขียนหน้าใหม่ๆ เข้ามาทักทายเหล่าเพื่อนนักเขียนด้วยกัน เข้าไปคอมเม้น เข้าไปกดให้กำลังใจเพื่อนๆ หรือเขาเข้ามากดให้กำลังใจเรา เราก็ตามไปกดให้กำลังใจเขา
ก็เป็นกลยุทธ์ทางการตลาด อย่างหนึ่งเหมือนกัน มันทำให้เรามีตัวตนอยู่ในสังคมblockditนี้ ก็ไม่ต่างกับที่เหล่าพ่อค้า แม่ค้าทั้งหลายตะโกนทักทายและเรียกเหล่าลูกค้าให้หันมาสนใจ ในตัวสินค้าหรือตัวบทความของเรา
แล้วจะทำยังไงให้มีคนเห็นบทความเราเยอะๆ คำตอบคือ ในแอฟblockdit นี้มีการให้ทำการบูสต์โพตส์ หรือการที่เราสามารถทำให้มีคนเห็นบทความเราเพิ่มขึ้น(อันนี้ไม่อธิบายนะครับ ไปหาอ่านในเพจblockdit เอาครับ อธิบายไว้ดีมากๆ)
ภาพสถิติการบูสต์โพตส์ของใจดี
ใช่เลยครับเราต้องจ่ายเงินทุกครั้งที่เราบูสต์โพตส์ จะจ่ายมากหรือจ่ายน้อยขึ้นอยู่ที่เรา จะตัดสินใจเลยครับ การบูสต์โพตส์ ก็ไม่ต่างกับ การที่เราได้รับโอกาสในการขายสินค้าในล็อคด้านหน้าในตลาดนัดนั้นเอง เราไม่ทราบหรอกว่าเขาจะซื้อสินค้าของเราหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ โอกาสในการเข้าถึงลูกค้าของเราเพิ่มขึ้นแน่นอน
ก็เหมือนกับโอกาสที่เหล่านักอ่านจะได้เห็นโพตส์ของเรามากขึ้น แต่เขาจะกดติดตาม หรือเข้ามากดให้กำลังใจให้เราหรือเปล่า อันนั้นก็ต้องอยู่ที่บทความของเราดีและมีประโยชน์กับนักอ่านมากน้อยแค่ไหน
ผมเชื่อเสมอว่าการที่เราเป็นนักเขียนที่ดี ก็ควรที่จะมีงานขายที่ดีควบคู่กันไปด้วย
เพราะถึงบทความเราจะเขียนดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีใครเห็น มันก็ไม่ต่างกับสินค้าที่ดีๆ ที่ถูกวางขายไว้ที่ท้ายตลาด
##หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะครับ และต้องขอโทษด้วยถ้าบทความนี้ไม่ตรงกับความคิดเห็นของใคร เพราะบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น🙇‍♂️##
##ขอบคุณมากครับที่เข้ามาตามอ่านกันจนจบ ขอบคุณมากนะครับ🙇‍♂️#
รูปภาพแม่มาลิ หมาเจ้ากรรมที่บ้านใจดีครับ🥰
โฆษณา