24 ก.ย. 2019 เวลา 07:46 • ประวัติศาสตร์
Tankgewehr m1918 ไรเฟิลต่อสู้รถถังรุ่นแรกของโลก
1
การนำรถถังมาใช้ครั้งแรกในการรบที่ Somme ทำให้เยอรมันตกใจกับมันมาก รถถังพวกนั้นเหมือนปีศาจร้ายร่างสูงดำทะมึนค่อยๆคืบคลานผ่านสนามรบในวันที่หมอกหนา ไม่มีอาวุธใดทำอันตรายมันได้ ทั้งกระสุนไรเฟิลแบบเจาะเกราะ กระสุนปืนกลหรือแม้เเต่สะเก็ดระเบิดจากปืนใหญ่
ในเมื่อกระสุนที่ใช้อยู่มันใหญ่ไม่พอ เยอรมันจึงนำกระสุนเจาะเกราะแบบ K-bullet มาขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้น เพิ่มหน้าตัดกระสุนเพื่อเพิ่มเเรงปะทะและเพิ่มปริมาณดินขับทำให้ความเร็วกระสุนมากขึ้นเพียงพอที่จะเจาะเกราะรถถังอังกฤษเข้า
จึงกลายมาเป็นกระสุนขนาด 13.2x92มม. กระสุนขนาดใหญ่ที่เจาะเกราะรถถังอังกฤษเข้าที่ระยะไกลถึง 300เมตร เมื่อพัฒนากระสุนแล้วต่อไปก็สร้างปืนเพื่อใช้กระสุนนี้
เปรียบเทียบขนาดกระสุน .303british กับ 13.2x92มม.
แน่นอนว่าปืนต่อสู้รถถังต้องไม่ธรรมดา พวกเขาทำเป็นปืนกล!! MG 08 ปืนกลต่อสู้รถถังได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อสาดกระสุนขนาดยักษ์ใส่รถถังข้าศึก อัตราการยิงกว่าสามร้อยนัดต่อนาทีจะทำให้รถถังข้าศึกเต็มไปด้วยรูพรุนขนาดใหญ่ทั้งคัน
ปืนกล MG 08 ถูกสร้างให้ใช้กระสุนขนาดใหญ่ได้
แต่พลังทำลายมหาศาลของปืนกลก็ต้องแลกมาด้วยขนาดที่ใหญ่โตของปืน น้ำหนักที่มากถึง 133กิโลกรัมเมื่อรวมกับล้อลาก ความซับซ้อนในการผลิต และราคาแพง มันจึงถูกสร้างมาเพียง 50กระบอกและไม่เคยถูกนำมาใช้
เยอรมันจึงหันกลับมาพึ่งอะไรที่มันง่ายๆ สามารถผลิตได้เป็นจำนวนมากเเละทันต่อความต้องการของกองทัพในการรับมือรถถัง จึงเกิดเป็นไรเฟิลต่อสู้รถถังรุ่นแรกของโลก
1
Tankgewehr m1918 เป็นปืนไรเฟิลขนาดยักษ์ ทำงานด้วยระบบบริหารลูกเลื่อนด้วยมือ(bolt action) ใส่กระสุนโดยหยอดยิงทีละนัด ด้วยกลไกง่ายๆจึงทำให้มันมีราคาถูก ผลิตได้อย่างรวดเร็วและจำนวนมาก
ศูนย์ปืนด้านหลังเป็นรูปตัวV เช่นเดียวกับไรเฟิลทั่วไป สามารถปรับระยะได้ตั้งแต่ 100-500เมตร มีด้ามจับเพื่อให้ถนัดมือและขาตั้งสำหรับพาดหรือยิงในท่านอน
ปืนหนึ่งกระบอกใช้พลประจำปืนสองคนคือ พลยิงและผู้ช่วยพลยิงมีหน้าที่แบกกระสุนและชี้เป้า ทั้งสองคนถูกฝึกมาเหมือนกัน สามารถทำหน้าที่แทนกันได้
หลักสูตรการฝึกจะคล้ายๆกับพลซุ่มยิง พลยิงมีหน้าที่ยิงไป ส่วนผู้ช่วยพลยิงจะคอยชี้เป้า บอกจุดตกของกระสุนด้วยการใช้กล้องส่องทางไกล
ด้วยความง่าย(เกินไป)ในการออกแบบของมัน จึงไม่มีอุปกรณ์ช่วยลดแรงสะท้อนถอยหลังของปืน ไม่มีแม้แต่ยางรองพานท้าย!!! หากพลยิงประทับปืนไม่ถูกท่าก็อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บฟกช้ำหรือไหล่หลุดได้ และถึงแม้จะประทับปืนถูกท่าก็ยังเจ็บอยู่ดี เมื่อยิงไปได้สักพักก็ต้องเปลี่ยนพลยิง
2
ปืนไรเฟิลต่อสู้รถถังสามารถหยุดยั้งปีศาจร้ายแห่งสนามรบได้เป็นอย่างดี เมื่อยิงไปยังช่องคนขับก็ทำให้มันหยุดเคลื่อนที่ในทันที เมื่อยิงไปยังป้อมปืนก็ทำให้ปืนใหญ่ที่กำลังคำรามอย่างบ้าคลั่งหยุดนิ่งสนิทในทันใด กระสุนที่เจาะทะลุเข้าไปนั้นยังทำความเสียหายต่อชิ้นส่วนภายในอีกด้วย
น่าเสียดายที่มันออกมาในปีสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่1พอดี แต่ก็ถูกผลิตออกมาได้มากถึง 15,800กระบอก ซึ่งก็เพียงพอต่อความต้องการของกองทัพในเวลานั้น
หลังสงครามสิ้นสุดลง สนธิสัญญาแวร์ซายได้ห้ามเยอรมันผลิตปืนรุ่นนี้ แต่เชื่อได้ว่าเยอรมันยังคงแอบผลิตอยู่ไปอีกสักระยะโดยที่พวกสัมพันธมิตรไม่รู้
จากการที่ได้เห็นปืนไรเฟิลต่อสู้รถถังของเยอรมัน อังกฤษจึงนำแนวคิดนี้มาพัฒนาปืนไรเฟิลต่อสู้รถถังของตัวเองบ้าง เกิดเป็นไรเฟิลต่อสู้รถถัง Boys anti tank rifle
ไรเฟิลต่อสู้รถถังที่อังกฤษยึดได้
ปัจจุบันรถถังได้มีวิวัฒนาการไปมาก สามารถทนทานต่อกระสุนปืนไรเฟิลต่อสู้รถถังได้ทุกชนิด ปืนไรเฟิลต่อสู้รถถังจึงถูกนำไปใช้ในการยิงยานเกราะขนาดเล็กที่เกราะไม่หนามาก หรือใช้ยิงคนในระยะที่ไกลมากๆแทน
ปืนซุ่มยิงระยะไกล Barrett m82 มีวิวัฒนาการมาจากไรเฟิลซุ่มยิงรถถัง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา