"ต๊อด ชาตรี" หนุ่มนักเรียนช่างที่แม้ร่างกาย
จะมีเพียงครึ่งท่อน แต่ก็มีหัวใจที่ไม่ยอมแพ้
ดีแค่ไหนแล้วที่เราเกิดมาร่างกายสมบูรณ์ครบ 32
มีคนจำนวนไม่น้อยที่เกิดมาพร้อมกับร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ หนึ่งในนั้นคือ "ต๊อด"
การที่มีร่างกายไม่สมบูรณ์แบบนั้นอาจจะทำให้เรารู้สึกว่าแตกต่างจากคนอื่น แต่อย่างหนึ่งที่เรียกว่าคนที่แตกต่างจากคนอื่นจะมีมากกว่าคนทั่วไปนั่นก็คือ แรงใจ ความสามารถพิเศษ และความพยายามที่มาทดแทนในสิ่งที่หายไปนั่นเอง
หลายคนคงจะเคยเห็นโพสต์นี้ที่กลายเป็นกระแสแชร์กันอย่างแพร่หลาย
เมื่อวันที่23 ก.ย.62 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก
Chatree Konwatcharathada โพสต์ข้อความผ่านกลุ่ม หางานเชียงใหม่ โดยระบุข้อความว่า
"สวัสดีครับ ผมชื่อ ต๊อด ตอนนี้ผมเรียนช่างยนต์อยู่ครับ แล้วเดือนตุลาคมนี้ ผมต้องไปฝึกงานตามอู่หรือศูนย์บริการซ่อมละครับ แต่ผมอาจจะไม่เหมือนช่างทั่วๆ ไปตรงที่ว่าผมมีแค่ครึ่งท่อน ไม่ทราบว่าพอจะมีอู่หรือศูนย์บริการซ่อมที่ไหน รับผมฝึกงานบ้างครับ ขอเป็นอู่ซ่อมมอเตอร์ไซค์ครับ #ตามหาที่ฝึกงาน"
หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านโลกออนไลน์ ทำให้มีคนเข้ามาแสดงความเห็นพร้อมกับให้กำลังใจ ต๊อด เป็นจำนวนมาก และเชื่อว่าสังคมไทยพร้อมจะมีคนให้โอกาสเขา
นายชาตรี กรวัชรธาดา หรือ ต๊อด ปัจจุบันอายุ 22 ปี เคยเป็นอดีตหนึ่งในนักเต้นบีบอยวีลแชร์
ที่ชนะการประกวดรายการ Thailand's Got Talent
Season 4 ในปี 2014 มาแล้ว ถ้าใครเคยดูรายการนี้ก็คงจะพอคุ้นตาบ้าง ในตอนนั้นทั้งต๊อดและทีม
นักเต้นบีบอยวีลแชร์ก็ได้แสดงความสามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแม้ร่างกายจะไม่สมบูรณ์เหมือนคนปกติแต่ก็สามารถทำในสิ่งที่คนปกติทำได้ พวกเขาสามารถเอาชนะผู้เข้าแข่งขัน
ทีมอื่นๆล้วนแล้วแต่มีความสามารถทั้งนั้น
Mthai. com
Mthai.com
ซึ่งจากภาพของต๊อด จะเห็นได้ว่า แม้มีร่างกายไม่สมบูรณ์เช่นคนอื่น แต่เขาสามารถใช้ชีวิตได้เกือบเทียบเท่าคนปกติ สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้เองด้วยรถจักรยานยนต์ 3 ล้อแบบพิเศษ
เล่นกีต้าร์ ออกไปท่องเที่ยวกับเพื่อนๆ ได้เหมือนคนทั่วไป
โดยพื้นเพอยู่ที่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน ซึ่งต๊อดได้พิการตั้งแต่กำเนิดไม่มีขาทั้งสองข้างไม่มีจนถึงต้นขาเลย แขนข้างขวามีนิ้วไม่ครบ
มีเพียงแค่ 3 นิ้ว ส่วนข้างซ้ายปกติ
ภายหลังได้มีโอกาสย้ายมาอยู่ในเมืองเชียงใหม่
มาอยู่กับน้องๆอีก 2 คน และได้ศึกษาจนจบชั้นมัธยมปีที่ 3 โรงเรียนศรีสังวาลย์ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่
ซึ่งหลังจากเรียนจบมา เลือกเรียนสายอาชีวะเพราะอยากที่จะทำงานเพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว และได้ตัดสินใจลงทะเบียนเรียนในแผนกช่างยนต์ วิทยาลัยสารพัดช่าง เชียงใหม่
ที่เลือกเรียนช่างเพราะความชอบด้วยและ
อีกอย่างหนึ่งคือความท้าทาย คิดว่าที่จะทำได้ไหม เขาคิดว่าคือความชอบอย่างเดียวก็น่าจะผ่านไปได้ครึ่งนึงแล้ว ส่วนตัวเราจะทำได้ไหมอันนี้ต้องไปเรียนรู้ดู ลองทำดู พอเรียนไปแล้วก็ทำได้ประมาณนึงไม่ถึงขั้นว่าดีแต่ก็พอทำได้
ในช่วงเวลาที่ว่างก็จะไปช่วยแม่ขายของ
โดยหลังจากที่ได้เรียนจบหลักสูตรก็ได้โพสต์
เฟสบุ๊คของตัวเองไปในโลกโซเชียลเพื่อหาที่ฝึกงาน ซึ่งมีคนให้ความสนใจและให้กำลังใจกันเป็นจำนวนมาก และมีหลายที่ที่พร้อมจะให้ต๊อดได้เข้าไปฝึกงาน
เรื่องฝึกงานที่โพสต์ ไปจนกลายเป็นกระแสนั้น
ต๊อดบอกว่า ตอนแรกที่เป็นโพสต์ก็คือเผื่อจะมีพี่ๆเขาอยากจะให้โอกาสได้ฝึกงานด้วยได้ร่วมงานกัน แต่ที่จริงถ้าจะขอฝึกงานไปตามหน้าร้าน
ก็ไม่กล้าที่จะไปขอฝึกงาน ด้วยเกรงว่า เขาจะมองว่าเป็นคนพิการแล้วทำไม่ได้ เลยไม่กล้าที่จะไปขอฝึกงานตรงสถานที่จริงเลยโพสต์เข้าไปในกลุ่ม
เมื่อโพสต์ไปแล้วผลตอบรับ เป็นที่น่าตกใจมีทั้งคนที่มาให้กำลังใจ แล้วมีหลายที่ที่พร้อมจะให้โอกาสไปฝึกงานด้วย
ซึ่งต๊อดก็ได้ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจและ
ให้โอกาสในการฝึกงาน ตอนนี้ก็กำลังเลือกสถานที่ฝึกงาน ซึ่งสถานที่ฝึกงานที่อยากทำก็จะเป็นเกี่ยวกับซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ แต่สถานที่จะฝึกต้องเอื้ออำนวยด้วย เนื่องจากเขาต้องใช้รถเข็น อาจจะไม่ต้องเป็นสถานที่ประกอบการใหญ่โต อาจจะเป็นอู่เล็กๆ ที่เปิดโอกาสให้ได้เข้าไปฝึกงานทดลองฝีมือ และได้ทำในสิ่งที่อยากทำ
ซึ่งในส่วนของความพิการที่นั้นก็อาจจะเป็นอุปสรรคในการทำงานอยู่บ้าง เช่นในเรื่องของการยกของหรือวัตถุบางอย่างที่ไม่สามารถยกคนเดียวได้ รวมไปถึงเรื่องของการเดินทาง จึงอยากได้สถานที่ฝึกงานที่อาจจะอยู่รอบนอกตัวเมืองเชียงใหม่ หรือใกล้กับที่พัก เพื่อให้สะดวกต่อการเดินทาง
ส่วนความฝันของต๊อดนั้น
อยากที่จะมีธุรกิจส่วนตัว มีอู่ซ่อมรถเล็กๆ หรือ
ร้านซ่อมรถ โดยทุกวันนี้จะทำอะไรจะคิดถึงพ่อแม่ไว้ก่อนเสมอ ถ้ายังไม่สบายยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง พ่อกับแม่ก็ยังคงเป็นห่วง และก็จะไม่สบายใจที่เห็นว่าลูกคนนี้ยังไม่ได้ดี
ส่วนในเรื่องการใช้ชีวิต
อยากให้มองว่าการใช้ชีวิตก็เหมือนกับการที่ตัวเองได้ผจญภัยไปเรื่อยๆ และไม่รู้ว่าในวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นและหากคิดว่าในวันนี้ตัวเราเองทำไม่ได้พรุ่งนี้มันก็จะไม่เกิด
ดังนั้นเขามองว่าเมื่อได้เกิดมาเป็นคนทั้งที
ไม่ว่าจะพิการหรือเป็นปกติก็ควรจะสู้ไว้ก่อน
และมีกำลังใจที่ดีนึกคนที่อยู่ข้างหลังและคนที่คอยอยู่ข้างๆ เรา ไม่ใช่นึกถึงแต่ตัวเอง
"สำหรับผมการท้าทายตัวเอง การจะก้าวผ่านคำพูดของคนหลายๆคนที่อยากจะพูดดูถูกเหยียดหยาม หรือว่าพูดให้รู้สึกว่าทำไม่ได้ยิ่งคำพูดนี้ได้ฟังมากยิ่งทำให้อยากจะก้าวข้ามไปให้ได้
ได้ยินมาบ่อยๆก็ยิ่งจะกดดันตัวเองว่าจะต้องตั้งใจทำในสิ่งที่เรารัก ตั้งใจทำในสิ่งที่เราอยากจะทำให้มันเป็นจริง อันนี้คือจะเป็นแรงบันดาลใจให้กำลังใจสำคัญ
เรื่องกำลังใจเราต้องมองตัวเองแล้วก็คนรอบข้างด้วยแล้วก็มองตัวเองว่าเราพอทำได้ไหมคือ
บางอย่างเราอาจจะทำได้แต่เรามัวแต่ดูถูกตัวเองว่าเราทำไม่ได้ เหมือนกับว่าแค่ในใจเรายังก้าวข้ามไม่ได้ กับสิ่งที่จะทำให้เป็นจริงเราอาจจะทำไม่ได้เลย
ผมเชื่อว่าการได้ลองทำก่อนเป็นสิ่งที่ดี การได้ลองทำก่อนเป็นสิ่งที่ไม่ผิด หากได้ลองทำก่อน
ทำไม่สำเร็จผมก็เชื่อว่า เรายังพักแล้วเราก็ยังเริ่มต้นใหม่ได้
ไม่ว่าปัญหาหรืออะไรมันจะใหญ่ขนาดไหน
ผมว่าถ้ากำลังใจเราดี เราจะสามารถทำในสิ่งที่เราต้องการได้"
แม้จะไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์ แต่มีหัวใจเกินร้อย
เขารู้ว่าเขาขาดอะไรแต่เขาก็ไม่ได้หยุดความฝัน
หยุดพัฒนาศักยภาพของตัวเองเพียงเพราะว่าไม่ได้มีร่างกายเหมือนคนปกติ เขายอมรับและสู้ทำทุกอย่างที่เขาจะสามารถสู้ได้อย่างเต็มที่
แล้วเราล่ะ คนที่มีร่างกายปกติเกิดมาบริบูรณ์ครบ 32 เราโชคดีแค่ไหนแล้ว
🐇พร้อมไหมที่จะต่อสู้ ฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อไปให้ถึงฝั่งฝัน หรือจะให้มันเป็นเพียงแค่ความฝันแล้วหยุดอยู่เพียงเท่านี้🐢
🐦ถ้อยคำดูถูก ถ้อยคำสบประมาทที่ได้ยิน
เปลี่ยนมันให้เป็นแรงผลักดันไปสู่ความสำเร็จ ไม่ใช่ปล่อยให้มันเป็นแรงต้าน ฉุดรั้งเราเอาไว้
ให้ไปไม่ถึงไหนสักที🐦
🍀ถ้ามัวแต่คิดลบบั่นทอนกำลังใจตัวเอง ชีวิต
ก็คงจะไม่พบกับความสุขและความสำเร็จสักที🍀
แอดหวังว่าบทความนี้จะเป็นกำลังใจให้ใครหลายคนได้นะคะ😊
เรียบเรียง
~มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยาก~
ขอบคุณข้อมูล
ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊คของต๊อด
Chatree Konwatcharathada
หางานเชียงใหม่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา