26 ก.ย. 2019 เวลา 12:49
เทพปกรณัมกรีกกับตำนานกลุ่มดาวหมีค้างฟ้า
หมู่ดาวหมีทั้งสอง ไม่เคยลับไปจากท้องฟ้า เพราะอะไรเหรอ?
ช่วงก่อนมีเรื่องเกี่ยวกับอวกาศและดวงดาวผ่านหูผ่านตาเข้ามาหลายเรื่องด้วยกันทั้งการพยายามลงจอดฝั่งด้านมืดของดวงจันทร์ เรื่องดวงดาวที่เป็นความหวังในการเป็นโลกใบที่ 2 ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆ ดวงที่ให้ความหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า (แต่ระยะทางก็ดูห่างไกลเหลือเกิน และคงรออีกหลายสิบปีกว่าจะมีเทคโนโลยีที่จะพาเราไปถึงก่อนที่เราจะตายไประหว่างทางเสียก่อน อิอิ) เลยพลอยทำให้ผมคิดถึงตำนานเกี่ยวกับดวงดาวที่น่าสนใจอันหนึ่งขึ้นมาได้ครับตำนานที่ว่าเกี่ยวกับดาวหมีน้อยดาวหมีใหญ่
Ursa Major constellation from Uranographia by Johannes Hevelius
เรื่องราวมีอยู่ว่าครั้งหนึ่งขณะที่ขบวนคณะของเทพี Artemis เทพีแห่งการล่าสัตว์ได้เดินทางไปพร้อมเหล่าสาวก ซึ่งหนึ่งในสาวกที่เดินทางไปด้วยครั้งนั้นมีนางหนึ่งที่ชื่อ Callisto ลูกสาวของเจ้าเมืองเคเดีย โดยนางเป็นหญิงรูปงามซึ่งเป็นที่ต้องตาของเทพเจ้าจอมเจ้าชู้ Zeus ของเราอีกแล้วครับท่าน
Zeus เมื่อเห็นนางในขบวนของเทพี Artemis ก็อดชื่นชมความงามของนางไม่ได้ จึงลอบดอดไปมีสัมพันธ์กับนางจนได้ถือกำเนิดทารกชายที่ชื่อ Arcas
Zeus หรือ jupitor แอบพบนาง callisto Karel Philips Spierincks - Jupiter and Callisto
แต่ภายหลัง Artemis ได้รู้เรื่องการมีกิ๊กของบิดาตนเองก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเนื่องจากดันไปมีสัมพันธ์กับสาวกของตน นางมีโทสะอย่างรุนแรง จึงได้สาปให้ Callisto กลายร่างไปเป็นหมีในบัดดล
Artemis ลงโทษ Callisto
Callisto เมื่อกลายร่างไปเป็นหมีแล้วก็ต้องรอนแรมออกหากินเพียงลำพัง เร่ร่อนไปทั่ว ครั้นเมื่อ Arcas บุตรชายเติบใหญ่เป็นนายพรานออกล่าสัตว์บังเอิญไปพบนางหมี Callisto ซึ่งกำลังเดินอยู่ในป่า (ไม่แน่ว่าจะเกิดจากการดลใจจากเทพ Artemis ที่หวังในลูกดับชีวิตแม่ของตนเองกับมือด้วยหรือไม่)
ครั้น Callisto พบลูกชายตนเองก็จำได้ ดีอกดีใจจนลืมว่าตนเองเป็นหมี จึงเดินอ้าแขนหมายเข้าสวมกอดบุตรที่จากกันมานานหลายปี แต่ Arcas เข้าใจว่าหมีจะเข้ามาทำร้ายตนจึงง้างธนูคู่กายหมายจะยิงออกไปเพื่อป้องกันตัว
Arcas Preparing to Kill his Mother, Changed into a Bear
ด้วยความที่เรื่องเลวร้ายอย่างที่สุดกำลังจะเกิดขึ้นเทพเจ้า Zeus ผู้หยั่งรู้ได้จึงได้ยับยั้งเหตุดังกล่าวโดยการจับให้ Callisto ในร่างหมีกลายเป็นหมู่ดาวหมีใหญ่ปรากฏอยู่ในท้องฟ้ายามราตรี
เนื่องจาก Zeus ก็มิอาจลบล้างคำสาปที่Artemis ได้สาปไว้ในกาลก่อนได้จึงทำได้เพียงให้นางกลายเป็นกลุ่มดาวหมีใหญ่ ที่เรียกกันว่า Ursa Major และต่อมาภายหลัง Zeus จึงนำ Arcas ลูกชายนำไปไว้บนฟ้ากับแม่กลายเป็นกลุ่มดาวหมีน้อย หรือ Ursa Minor ที่จะโคจรตามดาวหมีใหญ่ไปด้วยกัน
Ursa major (ล่าง) Ursa minor (บน) ที่มา http://www.wvspacegrant.org/about/wvsgc/big-and-little-dippers-ursa-major-and-ursa-minor/
แต่ด้วยความที่ Artemis ยังไม่คลายโทสะที่มีต่อแม่ลูกคู่นี้เมื่อเห็นว่าทั้งสองแม่ลูกได้รับความเอ็นดู ถึงขนาดให้กลายเป็นดวงดาววิบวาวกลางนภา นางจึงไปร้องขอให้ Posaidon เทพเจ้าแห่งท้องทะเลช่วยผลักไม่ให้ดาวหมีทั้งสองได้ลงพักในท้องมหาสมุทรดั่งดาวดวงอื่นทำกันได้ ทำให้ดาวหมีทั้งสองเป็นเพียงกลุ่มดาวสองหมู่ที่ไม่ได้ลับไปจากท้องฟ้าเลยตลอดเวลาชั่วนาตาปี (จะรังควานกันถึงไหนเนี่ยเจ้าแม่)
เรื่องราวที่น่าเศร้าปนความริษยานี้ช่างฟังแล้วน่าสงสารยิ่งครับให้ดาวหมีลงมาพักบ้างเถอะ
แต่จะว่าไปอีกหน่อยแกนโลกกลับทิศ (มีบางคนกลัวว่าจะเป็นจริงจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปอย่างรุนแรงในระยะหลังๆ) อาจทำให้กลุ่มดาวหมีน้อย หมีใหญ่ของเราได้พักบ้างก็เป็นได้ครับ 5555
ความรู้แนบท้าย
ดวงจันทร์บริวารดวงหนึ่งของดาวพฤหัสบดี ก็ถูกตั้งชื่อเรียกตามตำนานนี้ด้วย นั่นคือดวงจันทร์ Callisto
one of Jupiter's four Galilean moons : Callisto

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา