26 ก.ย. 2019 เวลา 07:57 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ความรู้เกี่ยวกับดาวอังคาร☄️
ระวังสับสนกับ พระอังคาร
ดาวอังคาร (อังกฤษ: Mars) เป็นดาวเคราะห์ลำดับที่สี่จากดวงอาทิตย์ เป็นดาวเคราะห์เล็กที่สุดอันดับที่สองในระบบสุริยะรองจากดาวพุธ ในภาษาอังกฤษได้ชื่อตามเทพเจ้าแห่งสงครามของโรมัน มักได้รับขนานนาม "ดาวแดง" เพราะมีออกไซด์ของเหล็กดาษดื่นบนพื้นผิวทำให้มีสีออกแดงเรื่อ[15] ดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์หินที่มีบรรยากาศเบาบาง มีลักษณะพื้นผิวคล้ายคลึงกับทั้งหลุมอุกกาบาตบนดวงจันทร์ และภูเขาไฟ หุบเขา ทะเลทราย ตลอดจนพิดน้ำแข็งขั้วดาวที่ปรากฏบนโลก คาบการหมุนรอบตัวเองและวัฏจักรฤดูกาลของดาวอังคารก็มีความคล้ายคลึงกับโลกซึ่งความเอียงก่อให้เกิดฤดูกาลต่าง ๆ ดาวอังคารเป็นที่ตั้งของโอลิมปัสมอนส์ ภูเขาไฟใหญ่ที่สุดบนดาวอังคารและสูงสุดอันดับสองในระบบสุริยะเท่าที่มีการค้นพบ และเป็นที่ตั้งของเวลส์มาริเนริส แคนยอนขนาดใหญ่อันดับต้น ๆ ในระบบสุริยะ แอ่งบอเรียลิสที่ราบเรียบในซีกเหนือของดาวปกคลุมกว่าร้อยละ 40 ของพื้นที่ทั้งหมดและอาจเป็นลักษณะการถูกอุกกาบาตชนครั้งใหญ่[16][17] ดาวอังคารมีดาวบริวารสองดวง คือ โฟบอสและดีมอสซึ่งต่างก็มีขนาดเล็กและมีรูปร่างบิดเบี้ยว ทั้งคู่อาจเป็นดาวเคราะห์น้อยที่ถูกจับไว้[18][19] คล้ายกับทรอยของดาวอังคาร เช่น 5261 ยูเรกา
ดาวอังคาร
 
สัญลักษณ์ทางดาราศาสตร์ของดาวอังคาร
ดาวอังคาร
ภาพดาวอังคารโดย 
กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล ในปี 2003
ลักษณะของวงโคจร [1]
จุดเริ่มยุค J2000
ระยะจุดไกล
ดวงอาทิตย์ที่สุด:
249.23 ล้านกิโลเมตร
(1.6660 หน่วยดาราศาสตร์)
ระยะจุดใกล้
ดวงอาทิตย์ที่สุด:
206.62 ล้านกิโลเมตร
(1.3814 หน่วยดาราศาสตร์)
กึ่งแกนเอก:
227,939,100 กิโลเมตร
(1.523679 หน่วยดาราศาสตร์)
เส้นรอบวง
ของวงโคจร:
1.429 เทระเมตร
(9.553 หน่วยดาราศาสตร์)
ความเยื้องศูนย์กลาง:
0.0935±0.0001
คาบดาราคติ:
686.971 วัน 
668.5991 วันสุริยะ 
(1.8808 ปีจูเลียน)
คาบซินอดิก:
779.94 วัน 
(2.135 ปีจูเลียน)
อัตราเร็วเฉลี่ย
ในวงโคจร:
24.077 กิโลเมตร/วินาที
อัตราเร็วสูงสุด
ในวงโคจร:
26.499 กิโลเมตร/วินาที
อัตราเร็วต่ำสุด
ในวงโคจร:
21.972 กิโลเมตร/วินาที
อนอมัลลีเฉลี่ย:
19.3564 องศา (°)
ความเอียง:
1.850° กับ สุริยวิถี 
5.65° กับ ศูนย์สูตรดวงอาทิตย์ 
1.67° กับ ระนาบคงที่[2]
ลองจิจูด
ของจุดโหนดขึ้น:
49.562°
ระยะมุมจุด
ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด:
286.537°
ดาวบริวารของ:
ดวงอาทิตย์
จำนวนดาวบริวาร:
2
ลักษณะทางกายภาพ
รัศมีเฉลี่ย:
3,389.5±0.2 กิโลเมตร[a] [3]
รัศมีตามแนวศูนย์สูตร:
3,396.2±0.1 กิโลเมตร[a] [3] 
(0.533 เท่าของโลก)
รัศมีตามแนวขั้ว:
3,376.2±0.1 กิโลเมตร[a] [3]
(0.531 เท่าของโลก)
ความแป้น:
0.00589±0.00015
พื้นที่ผิว:
144,798,500 ตารางกิโลเมตร
(0.284 เท่าของโลก)
ปริมาตร:
1.6318×1011 กม.³[4]
(0.151 เท่าของโลก)
มวล:
6.4185×1023 กิโลกรัม[4]
(0.107 เท่าของโลก)
ความหนาแน่นเฉลี่ย:
3.9335±0.0004 กรัม/ซม.³[4]
ความโน้มถ่วง
ที่ศูนย์สูตร:
3.711 เมตร/วินาที²[4]
0.376 จี
อัตราส่วนโมเมนต์ความเฉื่อย:
0.3662±0.0017[5]
ความเร็วหลุดพ้น:
5.027 กม./วินาที
คาบการหมุน
รอบตัวเอง:
1.025957 วัน
(24ชั่วโมง 37นาที 22วินาที)[4]
ความเร็วการหมุน
รอบตัวเอง:
868.22 กิโลเมตร/ชั่วโมง
241.17 เมตร/วินาที (ที่ศูนย์สูตร)
ความเอียงของแกน:
25.19° กับระนาบการโคจร[6]
ไรต์แอสเซนชัน
ของขั้วเหนือ:
317.68143°
(21ชั่วโมง 10นาที 44วินาที)
เดคลิเนชัน
ของขั้วเหนือ:
52.88650°
อัตราส่วนสะท้อน:
0.170 เรขาคณิต[7]
0.25 บอนด์[6]
อุณหภูมิพื้นผิว:
เคลวิน
เซลเซียส
ต่ำสุด เฉลี่ย สูงสุด
130 K 210 K[6] 308 K
−143 °C[8] -63 °C 35 °C[9]
โชติมาตรปรากฏ:
+1.6[10] ถึง −2.91[6]
ขนาดเชิงมุม:
3.5 – 25.1″[6]
ลักษณะของบรรยากาศ
ความดันบรรยากาศ
ที่พื้นผิว:
0.636 กิโลปาสกาล
(ผันแปรจาก 0.4 ถึง 0.87)[6][11]
องค์ประกอบ:
95.97 % คาร์บอนไดออกไซด์
1.93 % อาร์กอน
1.89 % ไนโตรเจน
0.146 % ออกซิเจน
0.0557 % คาร์บอนมอนอกไซด์
0.0210 % ไอน้ำ
0.0100 % ไนตริกออกไซด์
0.0015 % ไฮโดรเจนโมเลกุล[12]
0.00025 % นีออน
0.0000850 % HDO
0.0000300 % คริปทอน
0.0000130 % ฟอร์มาลดีไฮด์
0.0000080 % ซีนอน
0.0000030 % โอโซน
0.0000018 % H2O2[13]
0.0000010 % มีเทน[14]
AD-thai.svg
บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
ก่อนหน้าการบินผ่านดาวอังคารที่สำเร็จครั้งแรกของ มาริเนอร์ 4 เมื่อปี 1965 หลายคนคาดว่ามีน้ำในรูปของเหลวบนพื้นผิวดาวอังคาร แนวคิดนี้อาศัยผลต่างเป็นคาบที่สังเกตได้ของรอยมืดและรอยสว่าง โดยเฉพาะในละติจูดขั้วดาวซึ่งดูเป็นทะเลและทวีป บางคนแปลความรอยมืดริ้วลายขนานเป็นร่องทดน้ำสำหรับน้ำในรูปของเหลว ภายหลัง มีการอธิบายว่าภูมิประเทศเส้นตรงเหล่านั้นเป็นภาพลวงตา แม้ว่าหลักฐานทางธรณีวิทยาที่ภารกิจไร้คนบังคับรวบรวมชี้ว่า ครั้งหนึ่งดาวอังคารเคยมีน้ำปริมาณมากปกคลุมบนพื้นผิว ณ ช่วงใดช่วงหนึ่งในระยะต้น ๆ ของอายุ[20] ในปี 2005 เรดาร์เผยว่ามีน้ำแข็งน้ำ (water ice) ปริมาณมากขั้วทั้งสองของดาว[21] และที่ละติจูดกลาง[22][23] ยานสำรวจภาคพื้นดาวอังคารสปิริต พบตัวอย่างสารประกอบเคมีที่มีโมเลกุลน้ำเมื่อเดือนมีนาคม 2007 ส่วนลงจอดฟีนิกซ์ พบตัวอย่างน้ำแข็งน้ำโดยตรงในดินส่วนตื้นของดาวอังคารเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2008[24]
มียานอวกาศที่กำลังปฏิบัติงานอยู่เจ็ดลำ ห้าลำอยู่ในวงโคจร ได้แก่ 2001 มาร์สโอดิสซี มาร์สเอ็กซ์เพรส มาร์สรีคอนเนสเซนซ์ออร์บิเตอร์ เมเว็น และมาร์สออร์บิเตอร์มิชชัน และสองลำบนพื้นผิว ได้แก่ ยานสำรวจภาคพื้นดาวอังคารออปพอร์ทูนิตี และยานมาร์สไซแอนซ์แลบอราทอรีคิวริออซิตี การสังเกตโดย มาร์สรีคอนเนสเซนซ์ออร์บิเตอร์ เปิดเผยว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีน้ำไหลในช่วงเดือนที่ร้อนที่สุดบนดาวอังคาร[25] ในปี 2013 ยานคิวริออซิตี ของนาซาค้นพบว่าดินของดาวอังคารมีน้ำเป็นองค์ประกอบระหว่างร้อยละ 1.5 ถึง 3 โดยมวล แม้ว่าน้ำนั้นจะติดอยู่กับสารประกอบอื่น ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้โดยอิสระ[26]
กำลังมีการสืบค้นเพื่อประเมินศักยภาพความสามารถอยู่อาศัยได้ในอดีตของดาวอังคาร ตลอดจนความเป็นไปได้ที่จะมีสิ่งมีชีวิตหลงเหลืออยู่ มีการสืบค้นบริเวณนั้นโดยส่วนลงจอด ไวกิง โรเวอร์ สปิริต และออปพอร์ทูนิตี ส่วนลงจอดฟีนิกซ์ และโรเวอร์ คิวริออซิตี[27][28] มีการวางแผนภารกิจทางชีวดาราศาสตร์ไว้แล้ว ซึ่งรวม มาร์ส 2020 และเอ็กโซมาร์สโรเวอร์ [29][30]
ดาวอังคารสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากโลกโดยง่ายซึ่งจะปรากฏให้เห็นเป็นสีออกแดง มีความส่องสว่างปรากฏได้ถึง −2.91[6] ซึ่งเป็นรองเพียงดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์ ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ กล้องโทรทรรศน์ภาคพื้นดินโดยทั่วไปมีขีดจำกัดการมองเห็นรายละเอียดของภูมิประเทศขนาดประมาณ 300 กิโลเมตรเมื่อโลกและดาวอังคารเข้าใกล้กันมากที่สุดอันเป็นผลจากบรรยากาศของโลก[31]
โฆษณา