26 ก.ย. 2019 เวลา 09:21 • ประวัติศาสตร์
กำเนิดมัมมี่อียิปต์
• จากการขุดพบซากศพที่เก็บรักษาไว้ในสภาพของมัมมี่ ตั้งแต่สามพันปีก่อนคริสตกาลเป็นต้นมานั้น เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อของชาวอียิปต์ที่ว่า แม้คนเราจะตายไปแล้วแต่ก็ยังมีสภาวะความต่อเนื่องในชีวิตตลอดไปจนถึงภพหน้า ซึ่งอิทธิพลความเชื่อถือดังกล่าวนี้เอง ได้พัฒนาไปสู่ความเจริญแห่งอารยธรรมอียิปต์ ที่ไม่แต่เป็นเพียงความคิดของชนเผ่าหนึ่งเท่านั้น หากยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาทางด้านศิปกรรม สถาปัตยกรรม เทคโนโลยีโบราณ แม้กระทั่งกฎหมายของสังคมไปด้วยในเวลาเดียวกัน
• การฝังศพสู่พื้นดินในระยะเริ่มแรกของวัฒนธรรมอียิปต์จะทำโดยปล่อยให้เม็ดทรายที่แห้งและร้อนระอุ ไหลเข้าไปในหลุม โดยไม่มีการสร้างเครื่องกีดขวาง จุดประสงค์อันนี้ก็คงต้องการเพื่อให้เม็ดทรายที่แห้งเกรียม ปราศจากความชื้น ช่วยรักษาศพไว้ให้อยู่ในสภาพแห้งกรังเป็นเวลานานนับศตวรรษ หรือพันๆ ปี ศพที่ถูกเก็บรักษาไว้ด้วยความแห้งแล้งของเม็ดทรายในลักษณะนี้ มีการขุดพบหลายแห่งด้วยกัน โดยสภาพศพจะมีผิวหนัง และเส้นผมแห้งกรังติดอยู่กับโครงกระดูก
• มัมมี่ (Mummy) เชื่อกันว่ามาจากคำว่า มัมมียะ (Mummiya) คำในภาษาเปอร์เชียซึ่งหมายถึงร่างของศพที่ถูกทำให้มีสีดำ คือศพที่ดองหรือแช่ในน้ำยาพิเศษในประเทศอียิปต์ พันทั่วทั้งร่างกายด้วยผ้าลินินสีขาว เพื่อเป็นการรักษาสภาพของศพเพื่อรอการกลับคืนร่างของวิญญาณผู้ตาย ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ คำว่า "มัมมี่" มาจากคำว่า "มัมมียะ" (Mummiya) ซึ่งเป็นคำในภาษาเปอร์เซียร์ มีความหมายถึงร่างของซากศพที่ถูกดองจนกลายเป็นสีดำ โดยชาวอียิปต์โบราณจะทำมัมมี่ของฟาโรห์และเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ และนำไปฝังในลักษณะแนวนอนภายใต้พื้นแผ่นทรายของอียิปต์ อาศัยแรงลมที่พัดผ่านในแถบทะเลทรายอาระเบียและทะเลทรายในพื้นที่รอบบริเวณของอียิปต์ เพื่อป้องกันการเน่าเปื่อยของซากศพที่อาบด้วยน้ำยา
โฆษณา