26 ก.ย. 2019 เวลา 12:27 • ธุรกิจ
ธุรกิจที่ตอบโจทย์ผู้หญิงว่า"ความสวยรอไม่ได้" - น.พ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา (ผู้ก่อตั้ง ร.พ.ยันฮี)
กว่าจะมาเป็นแบรนด์เรื่องสุขภาพและความสวยความงามระดับประเทศ กับสโลแกน"สวยด้วยมือแพทย์"
น.พ.สุพจน์ทำอย่างไรให้ ร.พ.ชื่อแปลกๆแบบนี้ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ไปติดตามกันได้เลยครับ😁
เราคงรู้จักชื่อยันฮีกันดีอยู่แล้ว ไม่ต้องบอกถึงคุณศัพท์และความสำเร็จมากนัก งั้นมาเข้าเรื่องว่าคุณหมอเริ่มอย่างไรกันเลยดีกว่าครับ
⭐ Background
คุณหมอสุพจน์เป็นแพทย์จบใหม่ได้ไม่นานก็มาตั้งคลีนิกขนาด 2 คูหาแถวนนทบุรีเป็นของตัวเองโดยเน้นที่การลดความอ้วนและรักษาโรคผิวหนัง
ทำไปได้ 3 ปีที่ถูกเวนคืน คุณหมอจึงนำเงินไปซื้อที่ย่านจรัญเพื่อสร้างเป็นโรงพยาบาลยันฮี และเรื่องราวของยันฮีก็เริ่มต้นขึ้น❗
น.พ.สุพจน์ ผู้ก่อตั้ง ร.พ.ยันฮี
⭐ ที่มาของชื่อยันฮี ?
ถึงจะมีฐานลูกค้าเก่าจากคลีนิคเล็กๆมาบ้าง
อย่างไรก็ตามช่วงนั้นคนไข้ยังไม่ขยายตัวตามในขณะที่ค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 4-5 เท่าตัว
คุณหมอบอกว่าปัญหาไม่ได้เกิดเพราะโตเร็วเกินไป แต่มาจาก "ชื่อ" ของโรงพยาบาลต่างหากที่ฟังอย่างไรก็ไม่เหมือนโรงพยาบาล
ชื่อเป็นอุปสรรคมากเลย ถามรักษาที่ไหน บอกยันฮี คนเขาไม่ถามต่อ
พอเราไปเซอร์เวย์ คนถามยันฮีรักษาคนนอกด้วยหรือ เลยจับจุดได้ว่าคนยังไม่รู้ ชื่อของเราเป็นอุปสรรค"
จะใช้ชื่อตัวเองอย่าง สุพจน์คลินิกก็ยังไม่มีชื่อเสียงมากพอ คนไข้คงส่ายหน้าแน่ๆ
อีกตัวเลือกนึงคือใช้สถานที่ใกล้เคียง หรืออำเภอในการตั้ง ซึ่งแถวนั้นใกล้การไฟฟ้ายันฮี
(ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตพระนครเหนือ)
✅✅และนี่คือที่มาของชื่อโรงพยาบาลยันฮี✅✅
⭐ ถึงคุณหมอจะรักษาดีแต่ถ้าคนไม่รู้จัก หรือไม่กล้าเข้าก็คงขายไม่ได้ มีวิธีโปรโมทอย่างไรครับ?
คุณหมอได้สร้างความรับรู้ถึงโรงพยาบาลเปิดใหม่โดยเริ่มจากคนในละแวกใกล้เคียงก่อน ด้วยการใช้บิลบอร์ดขนาดใหญ่มีข้อความว่า โรงพยาบาลยันฮี ตรวจรับรักษาคนไข้ทั่วไป เปิด 24 ชั่วโมง"
พอมีบิลบอร์ด 2-3 แห่ง คนก็เริ่มรับรู้ และโชคดีที่ตำแหน่งตรงนี้ไม่มีโรงพยาบาลคู่แข่ง คนไข้จึงเริ่มมีเข้ามา
หลังจากนั้นก็เริ่มประชาสัมพันธ์บริการ ที่มีทั้งรักษาโรคความดัน หัวใจ กระดูก คลอดลูก หู คอ จมูก ตา ลดความอ้วน รวมถึงศัลยกรรมตกแต่ง เป็นโรงพยาบาลที่มีบริการทางการแพทย์ทั่วไป ทุกสาขา โดยเน้นเรื่องความสวยความงาม
⭐ อุปสรรคใหญ่ระหว่างทำธุรกิจ?
อย่างไรก็ตามโรงพยาบาลยันฮีต้องต่อสู้ กับกระแสต่อต้านธุรกิจความงาม กับวิทยาศาสตร์การแพทย์อย่างมาก
สมัยนั้นในเมืองไทยแพทย์น้อย วงการแพทย์ก็พยายามผลักดัน ให้หมอมาช่วยกันรักษาโรค
เพราะถือว่าความสวยความงาม ไม่ใช่สิ่งจำเป็น คุณไม่ได้ไปเสริมจมูกก็ไม่ตาย ไม่ไปทำตา 2 ชั้นก็ยังมองเห็น
ในทางกลับกัน หมอสุพจน์มองว่านี่คือโรค แต่เป็น
"โรคทางจิตใจ" การโดนล้อ การขาดความมั่นใจ
แต่การที่คนไข้ทำแล้วสวยขึ้น ดูดีขึ้นมันเปลี่ยนชีวิตเขาได้เลยนะครับ
⭐ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส
จากกระแสดราม่ารุนแรงเรื่องศัลยกรรม ยันฮีพลิกกระแสครั้งนี้ให้กลับมาเป็นบวก
โดยกิจกรรมแรกคือรักษาเด็กโรคปากแหว่งเพดานโหว่ฟรีทุกปี ปีละ 100 คน
ช่วงปลายปีก็มีการจัดประกวดมิสยันฮีพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งนอกจากจะทำให้พนักงานได้ร่วมกิจกรรมแล้ว
ผลพลอยได้ก็คือสาวๆ ที่มาประกวด หากต้องการประกวดในเวทีอื่นๆ ต่อ ทาง รพ.ก็พร้อมจะเป็นสปอนเซอร์
เป็นการพลิกภาพลักษณ์โรงพยาบาลให้ดูดีขึ้นมามาก
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับดาราบ่อยๆ เนื่องจากมีความสัมพันธ์อันดีกับบริษัทกันตนา มีการแลกเปลี่ยนดาราในสังกัดมาเป็นพรีเซ็นเตอร์👩‍🎤
รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ผ่านแท็กซี่ที่เข้ามาจอดรับผู้โดยสารที่โรงพยาบาล ให้ติดสติกเกอร์แลกกับการได้เข้ามารับผู้โดยสาร วิน-วินทั้งคู่😮
จากความสำเร็จของโรงพยาบาลยันฮี ทำให้หลายโรงพยาบาลเริ่มชูคอนเซ็ปท์ ความสวยความงามขึ้นเป็นจุดเด่นเหมือนกัน
แต่คุณหมอไม่ได้มองว่าเป็นการแข่งขัน หากทำให้คนไข้มีทางเลือกมากขึ้น
ทั้งไม่เคยมองตัวเองว่าเป็นผู้จุดกระแส "สวยด้วยแพทย์" แต่เป็นผู้เผยแพร่ความรู้สู่ประชาชนเท่านั้น
ยันฮีจึงเลือกนโยบายเปิดเผยและให้ข้อมูลเพื่อให้คนไข้นำไปประกอบการตัดสินใจ
และสร้างแบรนด์ได้แข็งแกร่งออกผลิตภัณฑ์ความงามมาหลายชนิดและมีคนซื้อนั่นเอง😮
บางครั้งโอกาสก็มาในรูปแบบปัญหา เพียงเราจับจุดปัญหานั้นๆและพลิกกลับมาเป็นโอกาสได้แบบคุณหมอ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสินค้าและบริการก็ต้องอยู่บนพื้นฐานความต้องการและปัญหาของลูกค้า รวมทั้งการตลาดที่ดีก็จะส่งเสริมให้แบรนด์แข็งแกร่งได้นั่นเองครับ😁
หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับทุกคนนะครับ
ถ้าต้องการให้ผมไปเซอร์เวย์ใคร ธุรกิจไหน สามารถคอมเมนต์ไว้ได้เลยนะครับ
ขอให้เป็นวันดีๆของทุกคนครับ - เชอแตม😆

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา