28 ก.ย. 2019 เวลา 12:18 • ธุรกิจ
ประวัติ เบทาโกร ธุรกิจอันดับต้นๆของประเทศไทยในด้านอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร
คุณชัยวัฒน์ แต้ไพสิฐพงษ์ ต้องเจอปัญหามากมายกว่าเบทาโกรจะมีวันนี้
พ่อของคุณชัยวัฒน์ คือคุณกิมฮง แซ่แต้ เป็นชาวจีนที่อพยพมาไทยตั้งแต่ยังเด็ก โดยในตอนแรกก็อาศัยอยู่กรุงเทพ ต่อมาก็ได้ย้ายมาอยู่สระบุรี เพื่อทำงานเป็นลูกจ้างร้านขายของ
ด้วยความพยามของคุณกิมฮง ทำให้ได้ห้องแถวมาในราคาไม่แพงมากนักในการทำการค้า
ต่อมาคุณชัยวัฒน์ก็ได้เกิดขึ้นมา โดยเป็นลูกคนโตจากลูกทั้งหมด8คน โดยเขาเกิดในยุคที่พ่อของเขามีความเพียรสะสมทรัพย์สินมามากพอ ทำให้ไม่ลำบากอะไร
โดยตัวของคุณชัยวัฒน์ ได้เข้าเรียนเซนต์คาเบรียล แต่สุดท้ายก็ออกมาเพราะรู้ตัวว่าเป็นคนติดเพื่อน ชอบการเที่ยว ก็เลยไปลงเอยที่การไปต่างประเทศเพื่อเรียนต่อ
แต่สุดท้ายแล้วตัวเขาก็เรียนไม่จบ และกลับมาเมืองไทย ในขณะที่กลับมาพ่อของเขาก็กำลังทำธุรกิจโรงสีอยู่ เขาเลยต้องช่วยเหลืองานที่บ้าน
ตัวของเขาได้เริ่มต้นดูแลโรงสีในวัย20ปี
โดยหน้าที่ของเขาคือการดูแลเงินทอง และซื้อขายข้าวของต่างๆ แม้ตอนแรกอาจจะถูกดูหมิ่นจากพนักงานเพราะเป็นลูกเถ้าแก่
แต่สุดท้ายแล้วคุณชัยวัฒน์ก็พิสูจน์ให้ลูกน้องได้เห็น และยอมรับความสามารถของตนเอง
ในวันนึงเขาสังเกตเห็นว่าโรงสีของเขาในวันนึงสีข้าวได้40เกวียน โดยตัวเขาคิดว่าหากต้องการพัฒนาโรงสี ควรสีข้าวได้มากกว่านี้
1
เขาจึงสร้างโรงสีใหม่ห่างโรงสีเดิมซึ่งอยู่ติดแม่น้ำไปประมาณ2กิโล
แต่การเปิดโรงสีใหม่กลับมีผลร้ายเพราะติดปัญหาที่แม่น้ำ เพราะน้ำช่วยในการนึ่งข้าวหรือตากข้าวสำหรับส่งไปต่างประเทศ ตัวของคุณชัยวัฒน์จึงตั้งใจจะวางท่อจากโรงสีเก่ามาใหม่
แต่ชาวบ้านก็ไม่สนับสนุนการกระทำนี้ ทำให้เขาต้องติดต่อทางราชการเพื่อทำเรื่องขอวางท่อ จนในที่สุดทั้งสองโรงสีก็สามารถรับข้าวได้วันละมากกว่า 100 เกวียน
หลังจากโรงสีเริ่มรุ่งเรือง ตัวของเขาก็ได้นำเข้าปุ๋ยเคมีมา แต่มันก็ล้มไม่เป็นท่า เพราะสมัยนั้นปุ๋ยเคมีดูเป็นสิ่งแปลกปลอม
จากนั้นเขาก็ทำโรงสีเรื่อยมาจนวันนึงเขาได้มีโอกาสเข้าไปทำงานกับบริษัทเบทาโกรในปี2016 ซึ่งเบทาโกรพึ่งเปิดมาได้เพียง6ปีและทำธุรกิจเกี่ยวกับ จำหน่ายอาหารสัตว์
ต่อมาเบทาโกรก็ได้ทำฟาร์มไก่พ่อพันธุ์แม่พันธุ์
ผ่านไปประมาณ5ปี เบทาโกรไม่มีวี่แววเติบโตขึ้นเลย กิมฮงที่เป็นหุ้นส่วนอยู่จึงให้คุณชัยวัฒน์ มาช่วยแก้ไขปัญหา
เขาค่อยๆเปลี่ยนทีละอย่างจากรถขนลูกไก่ที่เป็นติดพัดลมก็เปลี่ยนมาติดแอร์ เพื่อให้มีผลกับลูกไก่น้อยสุด แต่มาก็มาติดปัญหาที่โรงเชือดไก่ ซึ่งโดยปกติหลังเชือดแล้วจะต้องแช่แข็งไว้ แต่ลูกค้าสมัยนั้นเคยชินกับการที่เชือดต่อหน้ามากกว่า
จนบริษัทขาดทุนจนถึงขั้นที่บริษัทที่ร่วมงานด้วยขอถอนตัวไปก่อน
แต่คุณชัยวัฒน์ก็ไม่ยอมแพ้ พยามแก้จุดอ่อนของตัวเองให้เป็นจุดแข็ง โดยค่อยๆแก้ไปจนรายได้จากการส่งออกไก่ไปต่างประเทศก็เพิ่มขึ้น รวมถึงในบ้านเราก็คุ้นชินกับไก่แช่แข็งมากขึ้น
ส่วนในฟาร์มหมู เขานำหมูเข้าจากลอนดอน
มาประเทศไทยของเรา ซึ่งเขาก็คิดไม่ผิดเพราะเพียงไม่นานธุรกิจหมูก็คืนทุนให้เขา
ขอบคุณที่มา thepeople,เบทาโกร,ชัยวัฒน์ แต้ไพสิฐพงษ์
โฆษณา