มาตรฐานโรงแรม 1-5 ดาว อยากรู้ไหมว่าเค้าวัดกันที่ตรงไหน?
มาตรฐานโรงแรม เรียกว่า “มาตรฐานดาว”เป็นสัญลักษณ์แทนค่ามาตรฐานบริการระดับต่างๆสำหรับโรงแรม ใครเลือกจะพักโรงแรมระดับไหนเริ่มตั้งแต่ระดับธรรมดาไปจนถึงระดับหรูหราก็ใช้สัญลักษณ์ดาวเป็นตัวตัดสิน เพื่อแบ่งแยกระดับกันอย่างชัดเจน
บางโรงแรมก็โฆษณาบอกว่าโรงแรมของตัวเองเป็นระดับ 5 ดาว บางที่ก็บอก 3 ดาว แล้วมาตรฐานดาวอะไรนี่เค้าวัดกันยังไงอยากรู้กันไหมคะ ?
ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อช่วงหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อโลกสงบสุข มนุษย์เราก็ย่อมต้องการแสวงหาความสุขให้กับตัวเองเพิ่มมากขึ้น การท่องเที่ยวก็เป็นอีกวิธีในการหาความสุขให้กับตัวเองและเป็นการได้ใช้เวลาที่มีค่าร่วมกับคนสำคัญด้วยเช่นกัน การเข้าพักโรงแรมก็เป็นอีกประสบการณ์ที่น่าจดจำ ทำให้มีนักท่องเที่ยวนิยมเข้าพักในโรงแรมกันมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศแถบยุโรป จึงทำให้หน่วยงานภาครัฐบางประเทศไม่อาจอยู่เฉย ต้องรีบโกยเงินเข้าประเทศ เอ๊ย! ตัองรีบจัดระเบียบที่พักเพื่อแยกประเภทตามมาตรฐานของการบริการ ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสเป็นประเทศที่เริ่มใช้สัญลักษณ์รูปดาวเป็นครั้งแรก แต่ปัจจุบันนี้ มีหน่วยงานในต่างประเทศที่พัฒนาระบบขึ้นใช้เอง โดยยังคงใช้สัญลักษณ์รูปดาว 1-5 ดวง แทนค่าระดับมาตรฐานที่ต่างกันของโรงแรม
2
หน่วยงานเอกชนที่พัฒนาระบบตรวจสอบมาตรฐานจนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก ก็ได้แก่
1. บริษัทมิชลิน(Michelin) ขื่อของบริษัทนี้คงจะเป็นที่คุ้นเคยกับคนไทยเป็นอย่างดี เพราะเป็นบริษัทยางรถยนต์รายใหญ่ของประเทศฝรั่งเศส เพื่อส่งเสริมด้านการตลาดของบริษัท มิชลินจึงได้ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อเป็นคู่มือการเดินทางสู่ฝรั่งเศสครั้งแรกในราว พ.ศ. 2533 มีสัญลักษณ์ รูปอาคารคล้ายปราสาท ที่มียอดปราสาทต่างกัน 1-5 ยอด แทนระดับมาตรฐานบริการที่ต่างกัน ปัจจุบันได้ขยายบริการข้อมูลแนะนำกิจการโรงแรมอีกหลายประเทศที่สำคัญๆในยุโรปและสหรัฐอเมริกา และยังมีบริการข้อมูลร้านอาหารสุดแสนอร่อย ที่การันตีความอร่อยจากนักชิมลิ้นเทวดาที่ถูกเทรนด์ด้วยมาตรฐานเดียวกันจากทีมงานมิชลิน ประเทศในเอเชียที่มิชลินเข้ามาแล้ว คือ จีน, อินเดีย, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, เกาหลีใต้, ใต้หวัน, และไทย ประเทศในเอเชียที่มีการจัดทำไกด์บุ๊คและให้มิชลินสตาร์แล้ว คือ จีน, ญี่ปุ่น
2.สมาคมรถยนต์ (Automobile Association:AA) ของประเทศอังกฤษ ใช้สัญลักษณ์รูปดาว ให้บริการข้อมูลความแตกต่างด้านคุณภาพของที่พักและร้านอาหาร
3.สมาคมยานยนต์อเมริกัน (American Automobile Association: AAA) ของประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้สัญลักษณ์เป็นรูปเพชร 1-5 รูปในการจำแนกที่พัก
4.บริษัทโมบิล (Mobile) จัดทำโดยบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ให้ข้อมูลแนะนำการเดินทางในสหรัฐฯ แคนาดา และบางส่วนของเม็กซิโก ใชัสัญลักษณ์รูปดาว 1-5 รูป จำแนกที่พักและร้านอาหาร
การขยายตัวของเครือโรงแรมต่างประเทศได้เข้ามารุกตลาดในประเทศไทยของเราเป็นอย่างมาก โรงแรมเหล่านี้มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลกทำให้ลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่มักใช้บริการโรงแรมในเครือต่างประเทศ ทำให้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมกิจการของโรงแรมในประเทศเราไม่น้อย ในปี พ.ศ. 2549 ภาคเอกชนไทย คือ “สมาคมโรงแรมไทยและสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA)” ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดตั้ง “มูลนิธิพัฒนามาตรฐานและบุคลากรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว”จัดตั้งเป็นองค์กรกลาง และได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยทางมูลนิธิจะเข้าตรวจสอบการจัดระเบียบโรงแรมไทยให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อป้องกันการกล่าวอ้างของ มาตรฐาน”ดาว” ของโรงแรม
1
เมื่อก่อนที่ยังไม่มีมาตรฐาน “ดาว” โรงแรมไทยอยู่ในลักษณะต่างคนต่างทำ ไม่มีระบบระเบียบ ตั้งราคากันเองตามภาวะตลาดและมีการตัดราคากันเอง บางรายเป็นพ่อค้าหัวใส ถึงกับหาทางออกด้วยการนำบริการเสริมอื่นเพิ่มเข้ามาจากบริการห้องพัก จนเกิดปัญาหาทำให้ประเทศไทยเรามีแหล่งท่องเที่ยวราคาถูก เมื่อนำมาตรฐานดาวมาใช้จึงคาดว่าปัญหานี้จะทุเลาลงได้บ้าง
ปัจจัยที่นำมาใช้พิจารณาตัดสินมาตรฐานโรงแรม
1.สภาพทางกายภาพ เช่น ทำเลที่ตั้ง สภาพแวดล้อม เป็นต้น
2.การก่อสร้าง เช่น โครงสร้างกายภาพของโรงแรม ระบบในโรงแรม การเลือกใช้วัสดุและระบบความปลอดภัยของโรงแรม
3.สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้เข้าพัก เช่น ของใช้ต่างๆที่จัดให้ อุปกรณ์ตกแต่งห้องพัก
4.คุณภาพการบริการและการรักษาคุณภาพ เช่น บุคลิกภาพของพนักงาน การบริการ ความสะอาด สุขอนามัย ชื่อเสียงของโรงแรม
5.การบำรุงรักษาโรงแรม
*** โรงแรมที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน”ดาว” จะมีอายุ 3 ปี และโรงแรมสามารถต่ออายุมาตรฐานดาวได้โดยการเสียค่าธรรมเนียมรายปี
หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการตรวจพิจารณามาตรฐานดาวในระดับต่างๆ
⭐มาตรฐานโรงแรมระดับ 1 ดาว
นอกจากเรื่องความสะอาดและความปลอดภัยแล้ว โรงแรมจะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไปเช่น ห้องพักที่มีขนาดไม่เล็กกว่า 10 ตารางเมตร พร้อมเตียงขนาด 3 ฟุต กระจกแต่งหน้า ถังขยะ โต๊ะ เก้าอี้ ห้องน้ำต้องมีผ้าเช็ดตัวและกระดาษชำระไว้บริการ
⭐⭐มาตรฐานโรงแรมระดับ 2 ดาว
ภายในโรงแรมมีการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ ห้องพักต้องมีขนาดไม่เล็กกว่า 14 ตารางเมตร มีตาแมว โซ่คล้องประตู เตียงขนาด 3 ฟุต กระจกแต่งหน้า ถังขยะ โต๊ะ เก้าอี้ น้ำดื่ม โทรทัศน์ขนาด 14 นื้วขึ้นไป และโทรศัพท์ติดต่อภายใน ห้องน้ำเป็นแบบชักโครก มีผ้าเช็ดตัวและกระดาษชำระ เป็นต้น
⭐⭐4มาตรฐานโรงแรมระดับ 3 ดาว
ภายในโรงแรมควรประกอบด้วยรูมเซอร์วิส คอฟฟี่ช็อป ห้องประชุมจัดเลียงพร้อมอุปกรณ์ที่จำเป็น ศูนย์ธุรกิจ ห้องน้ำสาธารณะ ห้องน้ำคนพิการ ในส่วนห้องพักควรมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง ขนาดห้องพักไม่เล็กกว่า 18 ตารางเมตร โทรทัศน์ 14 นิ้วพร้อมรีโมทคอนโทรล ตู้เสื้อผ้า ไฟหัวเตียง เครื่องเขียน ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำ ระบบน้ำร้อน-เย็น สบู่ หมวกอาบน้ำ แก้ว ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดเท้า และถุงใส่ผ้าอนามัย เป็นต้น
⭐⭐⭐⭐มาตรฐานโรงแรมระดับ 4 ดาว
นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆแล้วสิ่งที่ต้องเพิ่มเข้ามาคือการตกแต่งสถานที่ให้สวยงาม ห้องพักมาตรฐานซึ่งกว้างกว่า 24 ตารางเมตร เตียงขนาดไม่น้อยกว่า 3.5 ฟุต โทรทัศน์ขนาด 20 นิ้วขึ้นไป ช่องรายการมากกว่า 8 ช่อง ตู้เย็น มินิบาร์ กระติกต้มน้ำร้อนไฟฟ้าพร้อมชา,กาแฟ ชุดขัดรองเท้า ถุงซักผ้า เสื้อคลุมอาบน้ำ รองเท้าแตะ โทรศัพท์ที่สามารถโทรใน/ต่างประเทศได้โดยตรง ภายในห้องน้ำมีอุปกรณ์เครื่องใช้ครบถ้วน ประกอบด้วย โฟมอาบน้ำ แชมพู ผ้าเช็ดมือ ชุดSewing kit(อุปกรณ์เย็บผ้าพกพา) ไดร์เป่าผม ปลั๊กไฟสำหรับโกนหนวด ห้องชุดมีบริการให้เลือก 2 แบบ ห้องStandard ห้องDelux นอกจากนี้ยังมีห้องอาหาร ห้องฟิตเนตมีเครื่องออกกำลังกายไม่ต่ำกว่า 5 ชนิด ห้องอบไอน้ำ ห้องนวด สระว่ายน้ำ ศูนย์ธุรกิจ ห้องประชุมใหญ่ และห้องประชุมย่อยอีกไม่น้อยกว่า 2 ห้อง มีระบบตรวจเช็คและอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยครบถ้วน
2
⭐⭐⭐⭐⭐มาตรฐานโรงแรมระดับ 5 ดาว
มีการตกแต่งที่สวยงามทั้งภายนอกภายใน เพรียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่ประทับใจ ห้องพักมาตรฐานกว้าง 30 ตารางเมตร เตียงขนาดไม่น้อยกว่า 4 ฟุต โทรทัศน์ 20 นิ้วขึ้นไป พร้อมรีโมทคอนโทรล รายการต้องมีมากกว่า 12 ช่อง ตู้เย็น มินิบาร์ และอุปกรณ์สื่อสาร โทรศัพท์ ห้องน้ำขนาดใหญ่ สุขภัณฑ์สะอาดสวยงาม พร้อมเครื่องชั่งน้ำหนัก อุปกรณ์ของใข้ในห้องน้ำครบถ้วน ห้องฟิตเนตมีอุปกรณ์ออกกำลังกายไม่น้อยกว่า 7 ชนิด ห้องอบไอน้ำ อ่างจากุชชี่ ห้องนวน สระว่ายน้ำ ห้องประชุมใหญ่ที่มีอุปกรณ์ครบถ้วน และห้องประชุมย่อยไม่ต่ำกว่า 4 ห้อง มีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย
🌟มาตรฐานโรงแรมที่สูงกว่า 5 ดาว
จุดสูงสุดของ มาตรฐานดาว อยู่ที่ระดับ 5 ดาว แต่เนื่องจากโรงแรมหลายแห่งต้องการสร้างความแตกต่างจึงประกาศว่าตนเป็นโรงแรมระดับ 6 ดาวหรือ 7 ดาว แต่ยังไม่มีมาตรฐานโรงแรมรับรองระดับ 6 ดาว เพียงประกาศกันเอง ราคาจะสูงกว่าโรงแรม 5 ดาว 20-30% สิ่งที่แตกต่างจากโรงแรมระดับ 5 ดาวคือ มีห้องพักขนาดใหญ่กว่า อุปกรณ์ของใช้ในห้องพักที่ดีกว่า และยังมีต้นห้องส่วนตัวหรือเรียกว่า บัตเลอร์ (Butler)ที่จะเข้าไปดูแลความต้องการของลูกค้า และช่วยทำอาหารให้ สร้างความเป็นส่วนตัวกับลูกค้าเป็นอย่างมาก ประเทศฝรั่งเศสขึ้นชื่อเรื่องเมืองน่าเที่ยวอันดับต้นๆของโลก และให้ความสำคัญกับรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก ได้ประกาศมาตรฐานความหรูหราของโรงแรมมากกว่ามาตรฐานดาวที่ใช้กันอยู่ โดยใช้ชื่อว่า “มาตรฐานระดับพระราชวังหรือ พาเลซ” เกณฑ์การตัดสินไม่ได้วัดเฉพาะด้านความหรูหราเท่านั้น แต่ยังให้คะแนนกับความสำคัญด้านประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเป็นประเด็นหลักด้วย ปัจจุบันมีโรงแรมเพียง 8 แห่งเท่านั้นในฝรั่งเศสที่ได้รับเครื่องหมายมาตรฐานระดับพระราชวัง และโรงแรมจะถูกตรวจสอบจากคณะกรรมการทุกๆ 5 ปี หากพบว่ามาตรฐานบกพร่องหรือตกต่ำลง หน่วยงานผู้ออกมาตรฐานสามารถยึดเครื่องหมายสำคัญนี้คืนได้
2
การยกระดับมาตรฐานโรงแรมให้ดีขึ้น ทำให้ลูกค้าและนักท่องเที่ยวรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้นในเรื่องการดูแลมาตฐานความปลอดภัย สุขอนามัย อีกทั้งยังสามารถใช้ มาตรฐานดาว ยกระดับโรงแรมเพื่ออ้างอิงในด้านการตลาดกับลูกค้าและคู่ค้าได้ ช่วยลดปัญหาเรื่องการตัดราคากันเอง
เมื่อโรงแรมได้รับมาตรฐานดาวแล้วก็ต้องรักษามาตรฐานให้สม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสุ่มตรวจโดยไม่แจ้งล่วงหน้าจากเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง หากตรวจพบว่ามาตรฐานโรงแรมลดต่ำลงก็มีสิทธิโดนยึดดาวไปได้ง่ายๆ ค่ะ
บทความนี้หวังว่าจะช่วยให้ ท่านผู้อ่านที่มีความฝันอยากเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมทั้งหลายมองภาพการทำธุรกิจโรงแรมได้กว้างขึ้นนะคะ ใครอยากเป็นเจ้าของดาวกี่ดวงก็เลือกกันได้ตามแต่ใจปรารถนาเลยค่ะ
“เราเชื่อว่าการแบ่งปันความรู้ คือพลังที่ยิ่งใหญ่”
อ่านบทความของเราทั้งหมดได้ที่
โฆษณา