29 ก.ย. 2019 เวลา 10:55 • ไลฟ์สไตล์
ทดลองขับ MG ZS EV
สวัสดีครับพบกันอีกเช่นเคย วันนี้ก็เป็นอีกวันที่มีโอกาศที่ดีที่ได้ไปลองรับรถไฟฟ้าครั้งแรกในชีวิต กับเจ้าMG ZS EV
หลายๆคนอาจจะเห็นเจ้าMG ZSมาแล้วบนท้องถนน แต่นั่นเป็นรุ่น1.5เบนซินที่ใครๆเขาก็บอกว่าอืดแสนอืดและซดน้ำมันเหมือนรถ2500 สงสัยmgจะได้ยินเสียงบ่น ประกอบกับในประเทศจีนได้เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ในbodyของmg zs ผนวกกับภาษีสินค้าไทย-จีนในเรทพิเศษ
mg thailandจึงไม่รอช้าสั่งmg zs evนำเข้าทั้งคันจากเมืองจีนในราคาเพียง1.19ล้านบาท นับเป็นรถevที่ราคาถูกที่สุดในประเทศไทย (ไม่นับรวมพวกรถกอล์ฟ หรือพวกสกู้ตเตอร์นะครับ ฮาาา)
ดีไซน์ภายนอก
สำหรับงานดีไซน์ภายนอกดูเผินๆจะไม่ต่างจากzsปกติเลย มีเพียงล้อลายใบพัดและสีฟ้าsignatureของevเท่านั้นที่ทำให้เรารู้ว่าคันนี้คือevนะ หรือถ้าใครตาดีก็จะเห็นสัญลักษณ์ท้ายรถว่า zs ev
ไฟหน้าเป็นไฟหน้าแบบLED.มีไฟDRLแต่ไม่มีไฟตัดหมอก
ตรงกระจังหน้าคือที่สำหรับชาร์จไฟ มีสองtypeด้วยกันคือชาร์จธรรมดา และแบบquick charge
ที่หลังคามีpanoramic sunroofเท่มากๆ สามารถสั่งการด้วยเสียงเปิดปิดได้
ด้ายท้ายไม่ต่างจากรุ่นปกติ ยกเส้นสัญลักษณ์ev
ดีไซน์ภายใน
มือเปิดประตูเป็นแบบsmart entryเมื่อมีกุญแจอยู่กับตัวสามารถเข้าไปเปิดรถได้เลย
พอเข้ามานั่งสัมผัสแรกก็รู้สึกดีไซน์เรียบๆโปร่งสบายตา
คอนโซลกลางจนถึงที่พักแขนดีไซน์ต่างจากตัวเบนซิน แป้นเกียร์แบบหมุน
มาตรวัดแบบวงกลมสองวง ตรงกลางมีจอMIDแสดงค่าต่างๆของตัวรถ ฝั่งซ้ายคือมาตรวัดความเร็ว ฝั่งขวาเมื่อไม่มีวัดรอบ มันจึงเป็นแถบแสดงการใช้พลังงาน หรือเรียกเข้าใจง่ายๆว่าeco indicator คือเราเหยียบเบาๆมันก็จะอยู่ในโซนเขียวคือใช้พลังงานน้อย แต่ถ้าเราเหยียบลึกๆ เรียกอัตราเร่งเข็มก็จะกวาดขึ้นไปในแถบส้มคือใช้พลังงานมาก
โหมดการขับขี่สามารถปรับได้3รูปแบบด้วยกัน คือ eco normal sportโดยจะต่างกันตามความไวของคันเร่ง
Eco ก็ต้องกดคันเร่งลึกหน่อย
Normal ก็ธรรมดา
Sport กดคันเร่งนิดเดียวรถก็พุ่งแล้ว
เกียร์
รถคันนี้ใช้motorขับเคลื่อนจึงไม่มีเกียร์แบบรถเครื่องยนต์ แต่มีปุ่มควบคุมเกียร์ไฟฟ้าแบบหมุนให้ มีเกียร์P N D
การขับเคลื่อนมีปุ่มปรับการregenertorหรือการชาร์จไฟกลับเมื่อปล่อยคันเร่ง เรียกว่าKERS โดยปรับความหน่วงของรถได้3ระดับด้วยกัน
3 เมื่อปล่อยเท้าออกจากคันเร่งรถจะหน่วงที่สุดจนเหมือนเราเหยียบเบรค
2 ปล่อยคันเร่งแล้วรถยังไหลต่อได้บ้าง แต่ก็หน่วงอยู่
1 ปล่อยคันเร่งรถไหลสุดแต่ก็มีแรงหน่วงไว้นิดนึง ไม่ถึงกลับไหลแบบเกียร์n
ระบบความปลอดภัย
มีมาให้ครบครัน หลักๆมีดังนี้ครับ
1 lane keep assist ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน
2 auto high beam เปิดไฟสูงอัตโนมัติ
3 blind spot monitering เตือนมุมอับข้างรถ
4 ระบบเตือนการชนพร้อมเบรคให้อัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน
5 ถุงลมนิรภัย.6.ใบ
6 ระบบตรวจสอบลมยางTPMS
ระบบอำนวยความสะดวก
-ไฟหน้าเปิดปิดอัตโนมัติ
-ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
-adaptive cruise control with low speed ระบบควบคุมความเร็วพร้อมชะลอตามความเร็วรถคันหน้า
-push start, smart entry ประตูคู่หน้า
-กล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะหมุนตามพวงมาลัย
-กระจกมองหลังแบบแสดงผลจากกล้องมองหลัง
-เบาะคนขับปรับไฟฟ้า6ทิศทาง
มาถึงช่วงหัวใจสำคัญ
การขับขี่
อัตราเร่ง ใครที่เคยดูถูกzsไว้ว่าอืด มาลองตัวนี้ดูครับ motorไฟฟ้า150แรงม้า แรงบิด350Nm ที่ตั้งแต่รอบ0
ออกตัวพุ่งทะยานดีมาก ดึงหลังติดเบาะ เหยียบตอนใหนพุ่งตอนนั้นไม่มีคำว่ารอรอบ เร็วแรงสะใจมาก ทดลองออกตัวเหยียบจมคันเร่ง ผลคือล้อฟรีดังเอี้ยดดดด ระบบtraction controlเข้ามาช่วย ตัวรถพุ่งออกไปยังกะรถสปอต มันออกตัวเร็วและแรงมากครับ แปปเดียวความเร็วก็100แล้ว (ที่ว่าแรงจากความรู้สึกนะครับไม่ได้จับเวลา)
การเร่งแซงไม่ต้องพูดถึง ถึงใหนถึงกันมาก แล้วแต่เท้าเลย แรงบิดติดเท้ามาก ไม่รอรอบ เหยียบปุ้บพุ่งปั้บ คันเร่งเนียนกดเท่าไหนไปเท่านั้น ส่วนเรื่องเบรค คือปรับkersระดับ3แทบไม่ได้เหยียบแป้นเบรคเลย ขอติดตรงนี้ไว้ละกันครับว่าถ้าเหยียบเบรคจะสมูทเท่ารถยนต์สันดาปไหม
ช่วงล่างและพวงมาลัย
ช่วงล่างนุ่มเลยหละ พวงมาลัยเบาเมื่อความเร็วต่ำและหนืดขึ้นเมื่อความเร็วสูง พวงมาลัยไวระยะฟรีน้อย การขับขี่ทางตรงถือว่าสอบผ่าน เจอหลุมก็นุ่มอยู่ แต่ช่วงล่างเวลาเลี้ยวกระทันหันหรือเวลาเข้าโค้งนั้นมีความยวบสูงมาก ยวบจนรู้สึกไม่มั่นใจ ยวบเกินไป ยวบจนน่ากลัว ช่วงล่างกับกำลังเครื่องยนต์ไม่ได้ไปด้วยกันเลย
ระบบความปลอดภัย
ระบบlane keep assist จะรักษารถเราให้อยู่ในเลนหากรถเราออกนอกเลน รถจะหมุนพวงมาลัยกลับเข้าเลนอัตโนมัติ ทั้งยังสามารถเลี้ยวตามโค้งให้ด้วย แต่ระบบนี้ก็มีข้อจำกัดคือถ้าใช้ความเร็วระดับนึงมันจะไม่สามารถฝืนพวงมาลัยให้กลับเข้าเลนได้ (ทั้งๆที่เส้นก็ชัด)และไม่เลี้ยวตามโค้งให้เอง ก็คิดซะว่าระบบนี้คือเป็นแค่ตัวช่วยนะครับ มันไม่ใช่รถขับขี่อัตโนมัติ ผู้ขับขี่พีงมีสติตลอดเวลา แต่ผมว่าchrทำได้ดีกว่าMGคือมันดึงรถกลับเข้าเลนได้เนียนและทำได้แม้ความเร็วสูง
Adaptive cruise controlเป็นก้านสวิชคล้ายๆก้านไฟเลี้ยวอยู่ทางซ้ายมือ ต่ำกว่าก้านไฟเลี้ยว เวลาใช้งานถ้าไม่คุ้นชินใช้งานยากครับ เวลาขับพวงมาลัยจะบังก้านนี้มิดเลย ทำให้ไม่รู้จะปรับมันยังไง แต่ถ้าชินแล้วมันก็คงไม่ยากครับ ล้อคความเร็วคือกดที่ปุ่มปลายก้าน ยกเลิกคือผลักก้านไปข้างหน้า รีเซทดึงก้านเข้าหาตัว สามารถปรับระยะไกล้ไกลที่ปลายก้าน โดยรวมทำงานได้ดีครับ แม่นยำ แต่ก็ไม่ได้ทดลองเอาไปขับในเมืองเวลาความเร็วต่ำไม่รู้ว่าจะเบรคให้จนหยุดสนิทเลยไหม
การโดยสารและการเก็บเสียง
เบาะนั่งนุ่มสบาย รองรับสรีระดีครับ เสียงเครื่องยนต์เงียบสนิท เพราะมันไม่มีเครื่อง ฮาา แต่จะมีเสียงมอเตอร์วี้..จะได้ยินก็จะมีแต่เสียงเสียงแอร์ และเสียงถนนเท่านั้น การเก็บเสียงผมว่าทำได้ดีนะครับ เสียงยางเสียงลมเข้ามาน้อย
เบาะหลังมีเนื้อที่กว้างกว่าที่คิดมาก Leg roomมากกว่าmazda3 2019ละกัน พนักพิงเอนกำลังดีนั่งสบาย แบตเตอร์รี่อยู่ใต้เบาะหลัง ไม่กินพื้นที่เก็บของสัมภาระหลัง
เครื่องเสียงเป็นจอขนาด8นิ้ว 6ลำโพง มีระบบismartคือเป็นระบบที่ต่อinternetไว้ตลอดเวลาผ่านsimที่ฝังอยู่ในตัวรถใครที่เคยได้ยินเรื่องแม่ให้ลูกอยู่ในรถแล้วเด็กไปกดล้อกรถแล้วเปิดไม่ได้ เป็นข่าวดังอยู่พักนึก แม่เด็กขอให้การสั่งการทางไกลให้ปลดล้อกประตูให้ ทั้งคนและรถปลอดภัย ทั้งยังสามารถฟังเพลงออนไลน์ผ่านtrue musicฟรี หรือสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยให้เปิดปิดซันรูป ปรับอุณหภูมแอร์ต่างๆผมลองเล่นแล้วมันแม่นยำเลยหละ เรียกhello mgติดทุกครั้งสั่งการได้ทุกครั้ง ฟังไทยออก ทำให้มีสมาธิขับรถได้มากขึ้นไม่ต้องคลำหาปุ่ม ส่วนเสียงจากเครื่องเสียงนั้นผมให้ระดับกลางๆ ลองปรับโทนหลายๆแบบแล้วเสียงไม่ได้ดีเด่นอะไร เสียงค่อนข้างไปทางแบนไม่ค่อยมีมิติ
เครื่องปรับอากาศเป็นแบบธรรมดา ไม่ใช่แอร์auto เย็นสบายหายห่วง
กระจกมองหลัง
เป็นแบบใช้กล้องมองหลังแสดงผลบนกระจกเต็มแผ่นโดยตรง
ตอนแรกก็โห..เค้าใช้เทคโนโลยีขนาดนี้เลยเหรอ ใช้กล้องฉายแทนกระจกไปเลย เท่จัง
พอมาขับจริงช่วงกลางวันตาลายมาก กระจกเองมันก็สะท้อนภาพข้างหลังแถมมีภาพจากกล้องมองหลังซ้อนทับเข้าไปอีก ลายไปหมดมองไม่ถูกเลย ไม่รู้มันมีวิธีปิดมั้ยนะครับแต่สำหรับผมไม่เวิร์คอย่างแรง!!
สำหรับท่านที่สงสัยว่ามันจะวิ่งไกลแค่ใหน ในข้อมูลที่เค้าให้มาบอกว่าชาร์จเต็มจะวิ่งได้ที่.337.km ซึ่งผมคิดว่าพอใช้ในชีวิตจริงอาจจะไม่ถึง เวลาไปตจว.ต้องใช้แท่นชาร์จสาธารณะสำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ไม่ควรเอาปลั้กไปเสียบกับบ้านคนอื่นที่ระบบไฟไม่รองรับ อันนี้seriusครับ ใครจะซื้อไว้ขับทางไกลหรือค้างคืนควรพิจารณาจุดนี้ดีๆว่าสะดวกชาร์จไหม ชาร์จซี้ซั้วกลัวจะไฟไหม้เอานะครับ
ปล.อนาคต7/11จะมีที่ชาร์จไฟสำหรับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ (CPเป็นเจ้าของmg thailandนะเออ)
สำหรับการลุยน้ำขังเวลาฝนตก รถคันนี้ลุยน้ำได้เหมือนรถยนต์ปกตินะครับ โดยสามารถลุยน้ำถ้าจำไม่ผิด40-45cm. (หากผิดขออภัย)
สรุป
MG ZS EV รถไฟฟ้าคันแรกของmg thailandและเป็นรถไฟฟ้าที่ราคาค่าตัวเพียง1.19ล้านบาท
จุดเด่นของคันนี้คือ
-อัตราเร่งที่กดเป็นมา
-ไม่มีไอเสีย หรือเสียงรบกวน เพราะไม่มีเครื่องยนต์
-พื้นที่ห้องโดยสารที่ใหญ่กว่าที่คิด
-optionความปลอดภัยจัดเต็ม
-ค่าใช้จ่ายในการเดินทางถูกกว่าน้ำมัน
-เชคระยะไม่จุกจิก
จุดที่ควรพัฒนา
-อยากให้วิ่งได้ไกลกว่านี้
-ช่วงล่างมันยวบมากเวลาเข้าโค้ง หรือเปลี่ยนเลนกระทะันหัน
-ราคามันแทบไปชนกับhonda Civic 1.5RS ซึ่งเจ้านั่นได้เปรียบกว่าทุกอย่าง ยกเว้นเครื่องเครื่องยนต์turbo vs motorไฟฟ้า motorออกตัวดีดกว่าชัดเจน แต่พอความเร็วสูงcivicน่าจะแซงไปไม่ยาก
ทั้งหมดนี้ก็เป็นการทดลองขับสั้นๆกับรถยนต์MG ZS EV รถยนต์ที่ไม่มีเครื่องยนต์ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าคันแรกที่ผมเคยสัมผัสมา เปิดโลกใบใหม่แห่งวงการยานยนต์ของผม ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เหมาะกับกลุ่มคนบางพวกมากกว่าชนกลุ่มใหญ่ ข้อจำกัดเรื่องระยะทางเรื่องการชาร์จยังเป็นปัจจัยสำคัญที่รถคันนี้ยังไม่เหมาะเป็นรถหลักคันเดียวของบ้าน แต่ถ้าใครมีรถหลายคันอยากจะลองฟีลว่ารถยนต์ไฟฟ้ามันเป็นยังไง คันนี้ก็ไม่น่าจะทำให้ผิดหวังครับ
#ยืมเขามาขับ #ev #mg #zsev
แถมคลิป0-100 mg zs ev
โฆษณา