เส้นทางการเรียนภาษาอังกฤษ (ของผมเอง)
ก่อนอื่นต้องบอกว่าอันนี้เป็นเรื่องของตัวผมเอง แต่ละคนอาจจะมีวิธีที่เรียนรู้แตกต่างกันไป เหมือนหนังสือสอนเรื่องเดียวกัน ถ้าเราจะซื้อก็เลือกเล่มที่เราอ่านแล้วเข้าใจ มากกว่าซื้อตามคนอื่นเป็นต้น
ตั้งแต่ตอนเด็ก ผมถูกแม่เข้มงวดเรื่องการเรียนมาก ให้เรียนพิเศษทุกวันทั้งตอนเย็น และเสาร์-อาทิตย์ ให้เล่นเกมและ ดูการ์ตูนได้เฉพาะเย็นวันศุกร์ ถึงบ่ายวันอาทิตย์
เรื่องนี้เลยทำให้ผมไม่ชอบการเรียนโดยเฉพาะ เลขและ ภาษาอังกฤษ ที่ทำยังไงก็ไม่เข้าใจ สอบได้ 3/30 (เพราะกามั่วมาก) ตกแล้วตกอีก... ข้อดีของผมคือ รู้ศัพท์เยอะ เพราะแม่บังคับให้ท่องในรถตอนไปโรงเรียน แต่ไม่รู้วิธีใช้...
จนมาช่วง ม.ปลาย แม่ส่งให้ไปเรียนที่โรงเรียนบ้านอาจารย์วันดี (ตอนนี้ก็ยังมีสอนอยู่นะ แถวเมืองทอง) พอมาเรียนก็ เริ่มจากการจำโครงสร้างประโยคจริงจัง + หน้าที่ของศัพท์แต่ละตัว (จริง ๆ ก็แบบที่ครูภาษาอังกฤษทั้วไปสอนในห้องเรียนนะ แต่ตอนเรียนในห้องอาจจะไม่มีสมาธิ และไม่ตั้งใจเรียนมากพอ)
12 Tenses
ทำให้รู้ว่าภาษาอังกฤษมีโครงสร้างตายตัว คือ 12Tenses นี้ถ้าเขียนออกมาให้อยู่ในรูปนี้ได้ ยังไงก็ไม่ผิด (อาจจะผิดแค่ช่วงเวลาในการใช้)
ส่วนศัพท์ที่ท่อง อีกอย่างที่ควรจะจำก็คือ คำนี้ทำหน้าที่อะไร เช่น N. V. adj. adv. มันมีประโยชน์ในการนำมาใช้ให้ถูกตำแหน่งมากขึ้นนะ
เกม Final Fantasy IX
พยายามหาความสนุก จากภาษาที่เรียน
พอขึ้น ม.5 แม่เข้มงวดกับการเรียนของผมน้อยลง (จริง ๆ มีเรื่องว่าแม่ส่งผมไปเรียนพิเศษวันเสาร์ แต่ผมไม่อยากเรียนแล้วเลยโดด แล้วแม่จับได้เลยได้คุยกันตรง ๆ ว่าไม่ชอบ) ผมมีโอกาสได้เล่นเกม Final Fantasy IX ซึ่งเป็นเกมภาษาอังกฤษ มีเนื้อเรื่องและภาพสวยมาก
ทำให้ตอนนั้นพยายามที่จะแปลประโยคและ อยากเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้น
อย่างไรก็ตามการเรียนภาษาอังกฤษ หรือทักษะใด ๆ ก็ตามเกิดจากการสะสม ค่อย ๆ จำหลักรูปประโยค สะสมศัพท์ และการใช้ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็จะดีขึ้นเอง
Grammar ในภาษาอังกฤษไม่สำคัญจริงหรือ?
คำนี้ผมได้ยินบ่อยมาก ทั้งเพื่อน และอาจารย์ฝรั่งที่สอนภาษาอังกฤษก็พูดบ่อย ๆ แต่ผมเข้าใจในมุมของ อาจารย์ฝรั่งนะ ว่าอย่างน้อยก็อย่าไปกังวลกับมันมาก ถ้าต้องแสดงความคิดเห็น หรือต้องคุย ก็พูดออกมาเถอะ
แต่จะมีคนที่ยึดติดไปเลยว่า ไม่เรียนแกรมม่าเลย....
ผมมองว่ามันก็สำคัญนะ ยิ่งถ้าในวัยทำงานแล้ว การเขียนอีเมลติดต่อกัน มันสร้างความเชื่อถือให้ทั้งต่อตัวคุณเอง และบริษัทได้เลย
แต่ถ้าใช้แค่การคุยเล่น หรือไปท่องเที่ยว ก็ไม่ต้องซีเรียสมาก
ในการเรียนถ้ารู้ว่าตรงไหนผิดก็ค่อย ๆ แก้แล้วจำ อาจจะใช้เวลาหน่อยแต่ภาษาอังกฤษจะดีขึ้นแน่นอนครับ
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
