1 ต.ค. 2019 เวลา 02:30
ทฤษฎี"ดึงเข้ามาเป็นพวก"....เขาทำอย่างไร?
จากเด็กเช็ดตู้กลายเป็นเซียนพระพันล้านบาท!!!เราลองมาแกะรอยเค้าดูกันครับ
กับ "บอย ท่าพระจันทร์"
ชั่วโมงนี้ ในวงการพระ คงไม่มีใครไม่รู้จัก บอยท่าพระจันทร์
จากเด็กเฝ้าตู้พระในสนามพระท่าพระจันทร์ ที่มีเงินเพียงหลักร้อย สู่เซียนพระระดับพันล้านบาท
เขามีหลักการทำงานอย่างไร วันนี้ผมลองสรุปสั้นๆมาให้ฟังกันนะครับ....
อนุวัฒน์(ชื่อเก่า) หรืออรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย หรือบอยท่าพระจันทร์ เซียนพระเหรียญ ตำนานของเขาเริ่มมาจากเด็กวัย13ปี ครอบครัวแตกแยกเพราะพ่อแม่แยกทางกัน กลายเป็นเด็กเกเรไม่เอาถ่านในสายตาญาติพี่น้อง
เนื่องจากแม่ต้องทำงานจึงต้องฝากน้องชายแม่เลี้ยง และด้วยความเป็นเด็กมีปัญหา บอยจึงมีทางออกไม่มากนัก
ติดเกมส์ ติดเพื่อน ติดแข่งรถของเล่น จนเกือบติดยาเพราะตามเพื่อน
📌Round...1
2
✅แต่จุดเปลี่ยนครั้งที่1ในชีวิต ที่เริ่มทำให้มีความสนใจในพระเครื่องตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กนักเรียนวัยเพียง13ปีเท่านั้น
เหตุเพราะทางโรงเรียนจัดบวชเรียนภาคฤดูร้อน เพื่อนที่บวชด้วยกัน ชื่นชอบสะสมพระเครื่อง และด้วยความเป็นเด็กอยากสะสมบ้าง เลยกลับมาขออากงที่บ้าน
1
อากงก็ใจดี ยกพระให้หมดเลย จุดนี้เองเป็นจุดที่ทำให้บอยได้รู้จักพระเครื่องและศึกษาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
✅จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้บอยย่างเข้าสู่วงการพระอย่างจริงจัง คือมีพระอยู่องค์หนึ่งที่บอยได้พระมรดกจากอากง(สมเด็จบางขุนพรหม) ซึ่งเขามั่นใจว่าเป็น"พระแท้" จากการศึกษาด้วยตัวเอง
1
บอยเลยเอาไปลองขายให้เซียนพระที่ท่าพระจันทร์ แต่ถูกเซียนพระแกล้งแบบเจ็บแสบ โดยให้ราคาที่สูงลิบลิ่วจนทำให้บอยดีใจสุดขีด เพราะคิดว่าจะรวยแล้ว แต่สุดท้ายก็มาเฉลยว่าเป็น"พระปลอม" ไม่มีราคา ผิดพิมพ์
1
บอยเสียใจและอายมาก...
📍นั่นคือจุดที่ทำให้บอย ค้นพบความบ้าในตัวเองอย่างหนึ่งคือ "ความไม่ยอมแพ้" อยากเอาชนะ ยิ่งแพ้ต้องยิ่งสู้เพื่อเอาชนะให้ได้ จะได้ไม่ต้องตกเป็นไก่รองบ่อนให้ใครแกล้งอีก
1
บอยซื้อหนังสือพระมาอ่านอย่างจริงจังมาก โดยละทิ้งของเล่นทุกอย่างที่เคยติด
เพื่อนๆต่างขำ และด่าหาว่า "บ้า" วันๆเอาแต่ดูหนังสือพระ บอยเที่ยวไปถามคนนั้นทีคนนี้ทีว่า ที่บ้านมีพระไหม เอามาแลกกับรถแข่งที่เขาสะสมได้เลย
ในขณะที่เพื่อนๆรุ่นเดียวกันบ้างก็เล่นเกมส์ เล่นรถแข่ง เล่นกีฬา เล่นดนตรี เที่ยวเตร่ แต่บอยดูแต่พระเท่านั้น!!!
✅ด้วยความที่บอยพลาดท่าถูกหลอกในครั้งนั้นนั่นเอง ทำให้บอยจับหลักได้อย่างหนึ่งว่า...
"พระแท้" ต้องดูจากองค์จริงเท่านั้น ถึงจะเข้าใจและรู้ถึงลักษณะที่ถูกต้อง
📌Round...2
1
วิธีที่จะได้ดูพระจริง ทำยังไง...ก็ต้องไปที่แหล่งซิ
1
บอยไปสมัครเป็นเด็กเช็ดตู้พระให้ร้านพระที่ท่าพระจันทร์ โดยไม่เอาค่าจ้าง แต่ขอแลกเป็นขอดูพระองค์จริงๆในตู้ทุกวัน ซึ่งทางร้านก็ตกลง
ทุกวันหลังเลิกเรียนก็จะไปที่ท่าพระจันทร์ทุกวันโดยไม่สนใจสิ่งอื่นๆ
📌"จุดเด่น" อย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกได้คือ บอยเป็นนักหาจุดอ่อน หรือช่องว่างทางการตลาดครับ
จากการที่เป็นเด็กเฝ้าตู้ เจ้าของอนุญาตให้ดูและศึกษาพระได้ จึงเป็นโอกาสหาความรู้จากพระแท้ในร้าน เพราะลำพังเป็นเด็กวัย 13ปีที่ไม่มีรายได้แม้แต่ 200บาทยังหายาก นับประสาอะไรจะเอาเงินมาเช่าพระแท้หลักพันหลักหมื่นเพื่อมาศึกษา
แต่ช่องว่างที่บอยเจอคือ ในสมัยนั้นหรือแม้แต่สมัยนี้ก็ตาม "เซียนพระ" กับ "เซียนพระ" ต่างก็มีฟอร์มระหว่างกัน โดยจะไม่ค่อยถามซื้อพระกันเองเพราะรักษาหน้าไปขอใครแบ่งไม่ได้ มันเสียเชิง
จึงเป็นช่องว่างที่ทำให้บอย ไปเช่าพระที่ศึกษาจากร้านนู้น มาปล่อยร้านนี้ จากร้านนี้ไปปล่อยร้านนั้นภายในตลาดท่าพระจันทร์นั้นแหละ จนมีรายได้เลี้ยงดูตัวเองจนจบปวชปี3 เลยทีเดียว
1
📌Round....3
ด้วยในวัยเพียง17ปีบอยก็มีร้านพระเป็นของตัวเองแล้วก็ซึ่งสร้างรายได้ให้กับเขาไม่น้อยเลยทีเดียว 4-5หมื่นบาทต่อเดือน
✅สื่งที่ทำให้บอยก้าวขึ้นเข้าใกล้คำที่เรียกว่าประสบความสำเร็จมากที่สุดคือ ความละเอียด แม่นยำ และความแตกต่างทางการตลาด
ในสมัยนั้น พระเหรียญ เป็นพระที่เล่นยากที่สุด สาเหตุเพราะปลอมง่ายมาก ถ้าไม่มีความรู้ล่ะก็มีหวังโดนปลอม
เซียนพระจึงกลัวพระเหรียญกันมาก แต่บอยไม่เคยกลัว เพราะศึกษามาอย่างดีจนเข้าขั้นเชี่ยวชาญ ถ้าคนอื่นยิ่งกลัวแต่เราดูเป็น รู้ลึกและเรารู้จริง ทุกคนจะวิ่งเข้ามาหาเราเอง
พระแท้ พระปลอมแยกยากมาก ถ้าไม่มีความรู้
ดังนั้นเขาจึงมุ่งเน้นไปในสายพระเหรียญเพียงอย่างเดียวให้เชี่ยวชาญ และตั้งปณิธานว่า ในสายพระเหรียญ ถ้าใครไม่รู้เรื่องว่าแท้ไหมต้องมาหาบอย
นั่นคือจุดสร้างความแตกต่างจากเซียนพระในตลาด
1
📌"ถ้าเราดูพระแบบคนอื่นๆดู เราก็เก่งได้เต็มที่คือเท่าคนอื่น แต่ถ้าเราดูพระให้แตกต่างและเหนือกว่า ละเอียดกว่าคนอื่นเราก็จะเก่งกว่าคนอื่นๆแน่นอน " นั่นคือคำพูดของบอยที่สอนลูกน้องเสมอ....📌
"บอย ท่าพระจันทร์" กลายเป็นต้นตำรับการดูขอบข้างของพระเหรียญ ซึ่งในสมัยนั้นเซียนพระไม่ดูกัน ดูแต่ด้านหน้าและด้านหลังเท่านั้น
ซึ่งปัจจุบันขอบข้างเหรียญ กลายเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายของพระเหรียญ ที่ยอมรับและใช้เป็นบรรทัดฐานในปัจจุบัน
ขณะนั้น บอยเริ่มมีชื่อเสียงในวงการมากพอสมควร ใครที่ไม่แน่ใจเรื่องพระเหรียญ ก็จะเริ่มเอามาให้ดูกัน บอยก็จะระบุได้ทันทีว่าอันนี้แท้ อันนี้ปลอมแต่ต้องเป็นที่ตัวเองมีความรู้เท่านั้น ไม่รู้ก็ขอเวลาศึกษาหน่อยเท่านั้น ก็จะบอกได้
🚷แต่อุปสรรคที่เกิดขึ้นอย่างหนักหน่วงคือ.....
ความเป็นเด็ก อายุน้อย...ที่มาเร็วและแรงในวงการจึงเหมือนเป็นที่ขุ่นเคืองสำหรับเซียนพระรุ่นเก่า
1
บอยเล่าว่า...ถูกเซียนใหญ่ท่านหนึ่ง ดิสเครดิตว่าพระที่บอยซื้อเป็นพระปลอม อย่าไปซื้อ แล้วอะไรจะเกิดขึ้นล่ะ เมื่อเซียนใหญ่รุ่นเก่ามีคนนับหน้าถือตาอย่างมากมายในวงการพูดแบบนั้น....
1
อะไรจะเกิดขึ้น....???
แน่นอน บอยขายพระไม่ได้เลย แม้พระจะแท้ก็ตาม
✅นั่นจึงเป็นที่มาของ... "ทฤษฎีการดึงเข้ามาเป็นพวก" ที่ผมว่าไว้ในตอนต้น ว่าช่วยแก้เกมส์ให้บอยได้ยังไง?
📌Round 4......
ก้าวที่กล้า....🏃
"ทฤษฎีการดึงเข้ามาเป็นพวก"
มันคือคีย์พอยด์ที่ผมว่าทำให้บอยขึ้นถึงจุดสูงสุดของอาชีพเซียนพระเลยก็ว่าได้ครับ
นั่นคือ การที่บอยกล้าทำในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าในสมัยนั้น เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าใครคือ"เซียนตัวจริง"
อย่างที่บอกไว้คือ สมัยนั้นพระเหรียญปลอมกันเยอะมาก แม้แต่เซียนก็โดนกันเยอะจนกลัวไปหมด ไม่กล้ารับเช่าถ้าไม่ชัดเจน ถึงแม้ชัดเจนถ้าพระแพงเกินไปก็ไม่เสี่ยงเพราะกลัวปล่อยไปออก
1
แม้แต่เซียนใหญ่ก็ตาม.....
บอยเคยบอกไว้ว่า "แม้ว่า....ถ้ามีเซียนคนไหนบอกว่าเขามั่นใจว่าพระนั้นแท้ แต่เขาไม่ได้เช่าจริงจากคุณ...ก็ไม่อาจจะบอกได้จริงๆว่าพระนั้นคือ พระแท้ "
และ บ่อยครั้งที่จะได้ยินจากปากเค้าว่า ถ้าพระแท้ ต้องกล้าเช่าจริง ถ้าไม่กล้าเช่าอย่าเรียกตัวเองว่า"เซียนพระ"
✅บอยเช่าเหรียญหลวงพ่อกลั่นวัดพระญาติ...ในเหตุการณ์หนึ่ง ที่ไม่มีใครกล้าเช่า...เพราะราคาเหรียญนั้นสูงลิบลิ่ว
ตอนนั้นบอยมีเงินเก็บอยู่ ทั้งหมด1.3ล้านบาท แต่ เขากล้าเช่าพระเหรียญหลวงพ่อกลั่นวัดพระญาติไปที่ราคา 1.1ล้านบาท เพราะเค้าดูว่าเป็นพระแท้100% "ถ้าพระแท้ต้องกล้าเช่า"....
กระแสเริ่มเปลี่ยนทิศทางอย่างชัดเจน ณ.ขณะนั้น
ภายหลังจากที่บอยจ่ายเงินไปเท่านั้น ผลปรากฎว่า...
หนังสือพิมพ์ในสมัยนั้นลงข่าวกันใหญ่โต ว่าบอยท่าพระจันทร์เช่าเหรียญราคาเป็นล้านบาท ซึ่งถ้าไม่แน่จริงไม่มีใครกล้า
และนั่น....จึงเป็นการแจ้งเกิด พร้อมกับตอกย้ำความเป็นบอยท่าพระจันทร์ และยกให้เป็นเซียน"พระเหรียญ" โดยแท้จริง...🏆🏆🏆
"คนอื่นดูเก๊ ผมไม่สน ถ้าผมดูแท้ พี่ได้เงินจากผมแน่ๆ เป็นล้านผมก็จ่าย ขอให้ผมดูแท้เท่านั้น" นี่คือคำพูดที่บอยพูดทุกครั้งเหมือนเป็นสโลแกนของเค้าเลย และบอยก็ทำเช่นนั้นจริงๆ พระองค์ละเป็น 10ล้านก็เช่ามาแล้ว เค้ากล้าจ่ายตามที่พูดเสมอ...
คนเริ่มเชื่อตามเค้าทันทีว่า ...ถ้าเป็นพระแท้ก็ต้องกล้าจ่ายเงินเช่า แม้ใครจะบอกเก๊ แต่ถ้าบอยดูแท้แล้วจ่ายตังค์ โดยไม่ต้องพูดอะไร พระก็กลายเป็นพระแท้ทันที...
เนี่ยแหละครับ "ทฤษฎีการดึงเข้าเป็นพวก"
ใช้ความมั่นใจของตัวเอง เรียกความมั่นใจจากผู้อื่น และใช้ความได้เปรียบในเชิงภาพลักษณ์มาเป็นตัวสร้างแบรนด์ให้ติดตลาด
📌Final Round.....
หลังจากนั้นมา แม้ขณะนั้นอายุบอยเพียง 29ปี ก็ไม่เคยมีใครปฏิเสธคำตัดสินในเรื่องพระเหรียญของเขาอีกเลย แม้คนอื่นดูว่าเก๊ แต่ถ้าบอยยังไม่ได้บอกว่าเก๊ ก็อาจจะแท้ได้ เป็นไปได้ถึงขนาดนั้นเลยทีเดียว
เขาเหมือนมีกองหนุนคือคนที่ไว้วางใจในตัวเขาและเชื่อใจในคำพูดของเขานั่นเอง เพราะบอยสร้างมาตราฐานใหม่ๆเอาไว้ให้กับวงการพระเหรียญ เบียดขึ้นมายืนเบอร์1ของวงการพระเหรียญจนสำเร็จ
ตัวบอยเองก็ยังยอมรับว่า ทุกวันนี้ก็ยังมีพลาดโดนปลอม แต่ที่เค้าต่างจากเซียนพระคนอื่นๆ คือ โดนปลอมแล้วไม่มีเอาไปขายต่อให้คนอื่นแน่นอน เขาถือว่าเป็นองค์ครู เก็บเอาไว้ศึกษา
องค์ปลอมเคยโดนไปองค์ละเกือบล้านก็มี ยอมกลืนเลือด ถือเป็นบทเรียนราคาแพง แต่ไม่ยอมผิดกฎประจำใจ
เรื่องคุณธรรมนั่นแหละที่ทำให้บอยเจริญรุ่งเรืองมาถึงทุกวันนี้
📌บทสรุป.....
จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ อายุ 39ปี บอยมีพระในครอบครองรวมๆแล้ว ผมว่าไม่ต่ำกว่า 1000ล้านบาทครับ อย่าหาว่าโม้เลยครับ จริงๆผมว่าน่าจะมากกว่านั้นเยอะด้วยซ้ำ...
บอย ท่าพระจันทร์
ทำใจเป็นกลางอย่าอคติคิดว่าเป็นเรื่องพุทธพาณิชย์ หรือว่าหากินกับพระนะครับ เอาแค่วิธีการ แล้วเราจะได้คุณค่าบางอย่างกลับไป
การที่พ่อแม่แยกทางกันแต่เล็ก การที่ไม่มีพ่อเลี้ยงดู การที่ไม่มีเงิน การที่เรียนหนังสือไม่เก่ง หรือแม้กระทั่งใครๆดูถูกหาว่า "บ้า" มันไม่ใช่ข้ออ้างที่จะทำให้คุณล้มเหลวหรือเลิกพยายาม
หากจงเปลี่ยนมันเป็นแรงผลักดันให้กับตัวคุณเองให้หันมาพยายามและทำในสิ่งที่คุณรักมันจริงๆ แม้สิ่งนั้นกับคนอื่น หรือแม้แต่ตัวคุณเองคิดว่ามันไร้สาระ
บางทีมันอาจทำให้คุณประสบความสำเร็จ อย่าง
"บอยท่าพระจันทร์" ........ก็ได้ใครจะรู้
ยาวมาก สำหรับบทความนี้ ถ้าใครอ่านมาถึงบรรทัดนี้ ติดต่อขอรับรางวัลได้เลย 55555😂😂😂😂😂
I am cappuccino
โฆษณา