2 ต.ค. 2019 เวลา 10:00 • ความคิดเห็น
"จากปลาใหญ่สู่ปลาที่รวดเร็วที่สุด"
โลกปัจจุบันเป็นโลกของ "ปลาเร็วกินปลาช้า" ซึ่งปรับเปลี่ยนมาจากยุค "ปลาใหญ่กินปลาเล็ก"
แต่ปลาในที่นี้ก็ยังคงเป็นปลาในเชิงเศรษฐกิจทุนนิยมที่มองถึงศักยภาพของ "ปลา" ที่สามารถเอาเปรียบหรือช่วงชิงเงินทุนจากผู้ไร้ประสิทธิภาพหรือผู้ที่ด้อยกว่าอยู่ดี
โดยนัยนี้ยุคสมัยของทุนนิยมจึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงในเชิงการแข่งขันเลย แต่แย่กว่าตรงที่มนุษย์ถูกบีบบังคับให้แข่งขันมากขึ้นและเปราะบางมากขึ้น
Photo by David Clode on Unsplash
จริงอยู่ว่าผู้สนับสนุนยุคแห่งดิจิตัลจะรู้สึกว่ายุคนี้เป็นยุคแห่งโอกาส ผู้คนสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ได้มากขึ้น และมีช่องทางทำมาหากินมากขึ้น
แต่เรายังไม่ได้พิจารณาถึงความจริงที่ว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างจากระบบอัตโนมัติที่สามารถทำงานได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง มนุษย์ต้องการการพักผ่อน มีภาระอื่นนอกเหนือจากชีวิตการทำงาน
การกิน การนอน การอยู่กับครอบครัว และเรื่องจิปาถะทำให้มนุษย์มีชีวิตที่ซับซ้อน ไม่นับรวมเรื่องสุขภาพทั้งทางกายและจิตใจซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมากในการรักษา
ความรู้และโอกาสมากมายที่กระจัดกระจายในโลกดิจิตัลนั้นเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว แต่มนุษย์ไม่ได้เคลื่อนที่เร็วแบบนั้น
มนุษย์ส่วนใหญ่เป็นผู้รับข่าวสาร ปัญหาคือรับมาแล้วจะต้องทำอย่างไร
มนุษย์ยังคงสนใจเรื่องที่ไม่เป็นสาระมากกว่าสาระ เช่น การรู้ว่าดาราคนหนึ่งได้รางวัลนำแสดงยอดเยี่ยม หรือรู้ว่าภาพยนตร์เรื่องหนึ่งทำเงินได้มากเป็นประวัติการณ์ ข้อมูลเหล่านี้มีคุณประโยชน์อะไรกับผู้ชมนอกจากสร้างความพึงพอใจในฐานะแฟนคลับหรือผู้ชื่นชอบการดูภาพยนตร์
อาจมีคนบอกว่าข้อมูลมากมายที่เราเห็นสามารถหยิบฉวยมาใช้ประโยชน์ได้
เช่น ข้อมูลภาพยนตร์ มาทำการวิเคราะห์กระแสความสนใจของสังคม หรือแนวโน้มที่สังคมจะบริโภคสื่อบันเทิง คนธรรมดาอาจคิดถึงเรื่องการทำเว็บไซต์หรือเพจในโซเชียลมีเดีย และอนาคตได้ค่าโฆษณา
Photo by Joshua Sortino on Unsplash
ถ้าเป็นบริษัทใหญ่ก็เอาไปวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อส่งต่อให้อุตสาหกรรมบันเทิงผลิตภาพยนตร์ที่ตอบสนองความต้องการของคน แต่การวิเคราะห์ข้อมูลนี้ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปสามารถทำได้ "ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เขาสนใจ"
เนื้อความข้างต้นหมายความว่า ถ้าเราต้องใช้ชีวิตด้วยการคิดว่าจะทำเงินออกมาอย่างไร ดูเหมือนจะมีแต่คนที่ฉลาดที่สุดที่สามารถใช้ข้อมูลทุกอย่างรอบตัวแปรเปลี่ยนเป็นเงินได้
นี่เป็นเรื่องที่ดำเนินมานานนับพันปีแล้ว
แล้วถ้าเราไม่ได้เก่งหรือเฉลียวฉลาดมากพอที่จะนำสิ่งรอบตัวมาพัฒนาเป็นเงินล่ะ
ถ้าเราไม่ใช่นักขาย เรานำเสนอสินค้าไม่เก่ง เราวิเคราะห์ข้อมูลรอบตัวได้ไม่ดีพอ แต่เราเป็นคนที่ทำงานเฉพาะทางหรือมีทักษะบางอย่างที่เจาะจงมาก หมายความว่าเราจะเป็นแค่ "ปลาเล็ก" ที่ต้องถูกปลาเร็วอย่างคนที่ฉลาดหรือระบบอัตโนมัติกลืนกินหรือ
โลกทุนนิยมเป็นโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเงินตรา ที่ใดมีลูกค้า ที่นั่นคือกำไร แต่ชีวิตมนุษย์ทำงานส่วนใหญ่ไม่ได้คิดเรื่องกำไร
พวกเขาคิดถึงปากท้องและการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่างหาก
ถ้าเราอ่านเพจหรือเว็บไซต์ที่พูดถึงทักษะแห่งอนาคต การค้าขาย หรือการลงทุนแห่งอนาคต เพจเหล่านี้จะพูดถึงการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
คำถามคือเราจะพัฒนาอย่างไร ทำไมเราต้องพัฒนา ทำไมเราต้องวิ่งและดิ้นรนเป็นหนูถีบจักร...เราอาจคิดว่าจักรหมุนเพราะเราวิ่ง/ถีบ แต่ถ้าจักรนั้นวิ่งเร็วกว่าขาที่เราก้าวล่ะ ในที่สุดเราก็จะเหนื่อย ล้มลง และต้องถูลู่ถูกังไปกับจักรจนเจ็บตัว
Photo by Ricky Kharawala on Unsplash
ถ้าโลกธุรกิจและการพัฒนาของระบบอัจฉริยะรวดเร็วเกินความสามารถของมนุษย์ สุดท้ายมนุษย์จำนวนมากก็ต้องพ่ายแพ้อยู่ดีเพราะไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่รวดเร็วในภาคธุรกิจได้
เช่นนี้แล้ว สังคมมนุษย์จะไม่ยิ่งอ่อนแอหรือ เมื่อผู้คนตกงานแล้วจะหาเงินมาจุนเจือครอบครัวกระทั่งตัวเองได้อย่างไร
จะดีกว่าหรือไม่ ถ้าสังคมมนุษย์คิดถึงการดูแลและปกป้องมนุษย์ด้วยกันเองในบริบทของทุนนิยมและโลกดิจิตัล
การขู่ว่าคนแบบนั้นคนแบบนี้จะตกงานคือหนึ่งในหลุมพรางของทุนนิยมที่กำลังกระตุ้นให้คนทำตัวเป็นเครื่องจักรมากขึ้น แทนที่โลกซึ่งพัฒนาขึ้นจะทำให้มนุษย์มีความมั่นคงหรือปลอดภัยในการใช้ชีวิต มันกลับทำให้มนุษย์หวาดระแวงยิ่งกว่าเดิม
แนวโน้มความเปราะบางของมนุษย์นี้มีท่าทีสูงขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหุ่นยนต์ทำงานแทนเราได้ จะเป็นทนายความ หมอ นักเขียน นักแปล หรือพนักงานธุรการก็ตกอยู่ในความเสี่ยงหมด
มนุษย์ใช้ชีวิตมาเพียงเพื่อจะสร้างสังคมแห่งความเสี่ยงให้กับตัวเองเช่นนั้นหรือ
ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่การหยุดชะงักหรือปฏิเสธการพัฒนาของเทคโนโลยี แต่ประเด็นสำคัญแท้จริงอยู่ที่การปกป้องความเป็นมนุษย์
หรือก็คือการสร้างระบบสังคมที่นำมาซึ่งความปลอดภัยไปพร้อมกับอุ้มชูมนุษย์ให้มีความภาคภูมิใจในความสามารถของตนเอง มีพื้นที่รองรับการแสดงความสามารถของมนุษย์ในอนาคตอย่างเพียงพอควบคู่ไปกับการนำระบบอัตโนมัติมาผลิตสินค้าและบริการ
หากเรามองถึงปลาเร็วกินปลาช้า เราก็ยังต้องมองว่าปลาเร็วคงเป็นทุนที่ลงทุนกับเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็วมากกว่าปลาเร็วที่เกิดจากมันสมองของใครคนใดคนหนึ่งโดยสมบูรณ์
และปลาเร็วนี้ยังหมายถึงคนทั่วไปที่แย่งพื้นที่ของคนทั่วไปอีกทีหนึ่ง นั่นหมายความว่าอนาคตจะมีชนชั้นนายทุนผู้ร่ำรวยมากขึ้นจากเทคโนโลยี แต่การแข่งขันนี้ไม่ได้ทำให้ความเหลื่อมล้ำและความยากจนหายไป เพราะกฎของทุนนิยมก็ยังเหมือนเดิมคือ "มีผู้แพ้ และผู้ชนะ"
แม้ไม่มีใครอยากเป็นผู้แพ้ แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเราจะไม่ถูกกลืนกินโดยไม่รู้ตัว
Photo by Hoan Vo on Unsplash
โฆษณา