1 ต.ค. 2019 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
“คดีล่าแม่มดแห่งซาเล็ม (The Salem Witch Trials) คดีล่าแม่มดที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์” ตอนที่ 7
3
การประหารที่ไม่สิ้นสุด
10 มิถุนายน ค.ศ.1692 (พ.ศ.2235) บริดเจ็ต บิชอปถูกนำตัวไปยัง Gallows Hill เพื่อประหารชีวิตด้วยการแขวนคอกับต้นไม้
1
แม้กระทั่งวินาทีสุดท้าย เธอยังคงยืนยันว่าเธอไม่ใช่แม่มด
ห้าวันต่อมา ได้มีนักบวชกลุ่มหนึ่งเขียนจดหมายไปถึงคณะผู้พิพากษาผู้ตัดสินคดีแม่มดแห่งซาเล็ม โดยหนึ่งในนักบวชคือ “ค็อตตัน เมเทอร์ (Cotton Mather)” นักบวชที่มีชื่อเสียง
ค็อตตัน เมเทอร์ (Cotton Mather)
เมเทอร์ได้สอบถามกับคณะผู้พิพากษาว่าหลักฐานต่างๆ นั้นยุติธรรมจริงหรือ? หากว่าวิญญาณร้ายที่ทำร้ายพวกเด็กๆ นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผู้ต้องสงสัยล่ะ?
คณะผู้พิพากษาได้เพิกเฉยต่อคำถามของเมเทอร์ พวกเขายังคงตัดสินคดีต่อไปโดยใช้หลักฐานเพียงน้อยนิด หลักฐานปากเปล่าเท่านั้น
สองอาทิตย์หลังการประหารบิชอป ก็ไม่ได้มีใครถูกจับอีกเลย จนกระทั่งญาติของแอนน์ พุตนัมเกิดป่วย
หญิงรับใช้ของครอบครัวพุตนัมกล่าวหาว่า “รีเบคก้า เนิร์ส (Rebecca Nurse)” เป็นคนทำ นอกจากนั้นอบิเกล วิลเลียมส์ยังกล่าวอีกว่าวิญญาณของเนิร์สได้บังคับให้เธอเซ็นสัญญาปีศาจ
แต่ในกรณีของเนิร์สนั้นแตกต่างจากคนอื่นๆ เธอเป็นคุณยายใจดีและเป็นที่เคารพของผู้คน แทบไม่มีใครเชื่อว่าเนิร์สเป็นแม่มด แต่ยังไงซะ เนิร์สก็ถูกนำตัวขึ้นศาลและเธอก็ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา
1
ผู้คนจำนวน 39 คนต่างลงนามสนับสนุนเนิร์ส พวกเขาไม่เชื่อว่าเนิร์สเป็นแม่มด
ด้วยความที่มีผู้สนับสนุนปกป้องเนิร์สจำนวนมาก ทำให้ศาลปล่อยตัวเนิร์ส แต่ภายหลังศาลกลับคำพิพากษาและตัดสินว่าเนิร์สมีความผิด
เนิร์สถูกตัดสินว่าเป็นแม่มด
1
19 กรกฎาคม ค.ศ.1692 (พ.ศ.2235) เนิร์สและซาราห์ กู๊ด รวมถึงคนอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งถูกตัดสินประหารชีวิต
กู๊ดกล่าวกับหนึ่งในผู้พิพากษาว่าหากแขวนคอเธอ สุดท้ายผู้พิพากษาจะต้องมีจุดจบด้วยการดื่มเลือด
ตำนานเล่าว่าผู้พิพากษารายนั้นเสียชีวิตด้วยการมีเลือดออกในลำคอในอีก 25 ปีต่อมา
คดีนี้จะจบลงอย่างไร ติดตามต่อในตอนหน้านะครับ
โฆษณา