3 ต.ค. 2019 เวลา 03:45 • ประวัติศาสตร์
Part ก่อนหน้านี้เราพูดถึงประวัติของซาราสะ ต้นสายของปลาคาร์พโกสุเกะโคฮากุกันไปแล้ว จนกระทั่งมาถึงช่วงที่ฟาร์มปลาต่างๆ ได้หาทางพัฒนาสายพันธุ์ของปลาให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือฟาร์มโทโมอึนที่นำแม่ปลาโกสุเกะไปเพาะและได้ลูกปลาชั้นยอดออกมามากมายจนทำให้ฟาร์มแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมากในยุคนั้น แต่แล้วก็มีเหตุให้แม่พันธุ์โกสุเกะตัวนี้ต้องย้ายสำนักกันอีกครั้ง เหตุการณ์ต่อจากนั้นเป็นอย่างไร ไปติดตามกันต่อได้เลยครับ
KOHAKU (โคฮากุ)
ปลาคาร์พสายพันธุ์ 'โคฮากุ' (Kohaku) ที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ สมัยก่อนมันมีชื่อว่า 'ซาราสะ' (Sarasa) Part 02
ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เจ้าของฟาร์มโทโมอึนมีอาการป่วยอย่างรุนแรง ทำให้เขาต้องตัดสินใจยุติการเพาะปลาคาร์พลงในช่วงนั้น และไม่ได้ดูแลปลาในฟาร์มเท่าไรนัก เป็นเหตุให้แม่ปลาตัวดังกล่าวเริ่มซูบผอม เจ้าของฟาร์มโกสุเกะพอได้รู้ข่าวก็ขอซื้อคืนอีกครั้ง เพื่อนำปลาไปให้น้องชายของเขาเพาะพันธุ์ บุคคลนั้นคือโทมิซาคุ ซาไก (Tomisaku Sakai) จากฟาร์ม มัตสุโนะสุเกะ (Matsunosuke)
นายโทมิซาคุเป็นคนมีฝีมือในการเลี้ยงปลาที่ยอดเยี่ยม เขาเลี้ยงดูเจ้าแม่พันธุ์ตัวนี้ได้เป็นอย่างดี ทำให้มันกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง จากนั้นก็นำไปขายให้กับนายอิชิโระ มาโน่ (Ichiro Mano) จากฟาร์มอิซูมิยะ (Izumiya) โดยในครั้งนี้เขาขายมันพร้อมกับพ่อพันธุ์ปลาอีก 2 ตัว ในราคา 11,000 เยน เป็นสถิติขายปลาที่มีมูลค่าสูงที่สุดในขณะนั้นเลยทีเดียว
ด้านนายอิชิโระก็ไม่รีรอ นำแม่พันธุ์ตัวนี้มาเป็นแม่พันธุ์หลักในฟาร์มนานถึง 10 ปี พร้อมกับส่งมันเข้าประกวดตามงานต่างๆ ที่จัดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย และแน่นอนว่าแม่พันธุ์โกสุเกะโคฮากุก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ถึง 3 ครั้งด้วยกัน
ด้วยการสั่งสมประวัติความเป็นมาและการพัฒนาสายเลือดโดยฟาร์มปลาต่างๆ มาอย่างยาวนาน จนกระทั่งประสบความสำเร็จในแวดวงปลาคาร์พอย่างสูง ทำให้ชื่อของโคฮากุถูกยกให้เป็นสุดยอดปลาคาร์พแห่งยุคมาโดยตลอด แล้วสายเลือดปลาชื่อดังของโคฮากุในยุคแรกมีสายเลือดอะไรบ้าง
สายเลือดปลาโคฮากุที่โด่งดังในยุคแรก (Original Bloodline)
1.โทโมอึน (Tomoin)
ทางด้านฟาร์มโทโมอึนนั้น แม้จะปล่อยแม่พันธุ์ตัวเก่งออกไป แต่ที่ผ่านมาก็สามารถผลิตลูกปลาโคฮากุสายเลือดดีๆ ออกมาได้มากมายเป็นฟาร์มแรกๆ ซึ่งฟาร์มปลาต่างๆ ก็ได้สายเลือดโคฮากุจากโทโมอึนไปต่อสายกันไม่น้อยเลย
เอกลักษณ์อันโดดเด่นของโทโมอึนคือสีแดงที่หนาเข้มและมีชั้นสีที่ลึกมาก บางสายมีความเข้มจนเกิดเงาดำคล้ายสายพันธุ์โคโรโมะ (Koromo) สีแดงของโคฮากุสายเลือดโทโมอึนจะเข้มช่วงกลางเกล็ดมากกว่าขอบเกล็ด ซึ่งเซียนปลามองว่าเป็นคุณสมบัติของโคฮากุที่มีคุณภาพดีในระยะยาว สีขาวที่สว่างนวลเหมือนหิมะ และมีความเป็นประกายในตัวก็ยิ่งทำให้โคฮากุสายเลือดโทโมอึนเป็นขวัญใจของคนญี่ปุ่นได้ไม่ยาก
2.มันโซ่ (Manzo)
สายเลือดมันโซ่โดดเด่นในเรื่องโครงสร้างที่ดี โหนกที่บริเวณหัวไปจนถึงลำตัวคือจุดเด่นของปลาสายนี้ อันเป็นคุณลักษณะของปลาโครงสร้างใหญ่และแข็งแรง
ในเรื่องของสีแดงก็มีความสดสว่างและมีชั้นสีที่ลึก ซึ่งหลายๆ ฟาร์มก็มักจะนำปลาสายเลือดมันโซ่ไปเป็นต้นสายของตนเองเช่นกัน อย่างฟาร์มที่เราคุ้นชื่อในปัจจุบันก็จะเป็นไดนิชิ (Dainichi Koi Farm) ที่นำปลาสายเลือดดังกล่าวไปผสมกับโคฮากุสายเลิอดเซ็นซุเกะ (Sensuke) จนออกมาเป็นสายเลือดปลาชื่อดังอย่างคากูระ (Kagura) ซึ่งเราจะกล่าวถึงในลำดับถัดไป
3.เซ็นสุเกะ (Sensuke)
เซ็นสุเกะเป็นหนึ่งในสายเลือดปลาที่โดดเด่นในเรื่องโครงสร้างมากที่สุด ด้วยขนาดรูปร่างที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว พื้นฐานโครงสร้างเป็นปลาขนาดใหญ่ รูปทรงมีเอกลักษณ์โดยเฉพาะบริเวณหน้าปลาที่เป็นทรงป้าน ใบหน้ากว้าง แก้มอูมออกมาจนนักเลี้ยงปลาในยุคหลังๆ เปรียบเทียบเหมือนกับใบหน้าของสุนัขพันธุ์บูลด็อก
 
ในเรื่องของสีสันสำหรับสายเซ็นสุเกะ จะออกไปทางสีส้มแบบลูกพลับญี่ปุ่น หรือส้มอมแดง ไม่ได้แดงเข้มเหมือนสายเลือดที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ มีคิว่า (Kiwa) หรือขอบสีแดงที่ส่วนปลายของเกล็ดส่วนต่างๆ ที่ตัดขอบเป็นเส้น ไม่ได้ตัดโค้งตามรอยเกล็ด คนญี่ปุ่นเรียกว่าคามิโซริ คิว่า (Kamesori Kiwa) ส่วนสีแดงที่ขอบด้านหน้าของเกล็ดที่เรียกว่าซาชิ (Sashi) ค่อนข้างเป็นสีอ่อนๆ แต่มีความสม่ำเสมอที่ดี
ถ้าให้ว่ากันตามตรงคือสายเลือดเซ็นสุเกะจะโดดเด่นในเรื่องโครงสร้างมากกว่าสีสัน ซึ่งหลายๆ ฟาร์มได้นำปลาสายเลิอดนี้ไปพัฒนาจนได้ปลาชั้นยอดออกมามากมาย หนึ่งในนั้นคือซาไก ฟิช ฟาร์ม (Sakai Fish Farm)
4.ยาโกเซ็น (Yagozen)
สายเลือดนี้โดดเด่นในแง่ของภาพรวมทั้งโครงสร้างและสีสันของตัวปลา เรียกว่ามีความเด่นในหลายๆ จุด โครงสร้างของหัวที่กว้าง ปากกว้าง ทรงเหลี่ยม ซึ่งเหมาะสำหรับเลี้ยงในระยะยาว สีสันก็มีความสดสว่าง ไม่ใช่โทนเข้มอย่างโทโมอึน พื้นขาวของตัวปลาค่อนข้างสดใสเป็นประกาย
ในปลาไซส์เล็กช่วงอายุ 1 ปี จะมีสีสันสดกว่าสายเลือดอื่นๆ และจะอ่อนลงเมื่อปลาอายุ 2-3 ปีขึ้นไป แต่เมื่อเลี้ยงจนได้อายุที่ 4-6 ปีจะเป็นช่วงที่ปลาแสดงศักยภาพที่ดีที่สุดออกมา โดยเฉพาะขอบเกล็ดสีแดงอย่างคิว่า ที่จะไล่สีโค้งไปตามรูปเกล็ดดูแล้วมีความสวยงามเป็นอย่างมาก
คิว่าที่โค้งไปตามรูปเกล็ด
ในตอนต่อไป เราจะมาพูดถึงโคฮากุยุคใหม่ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร มีลักษณะแตกต่างจากโคฮากุยุคเดิมอย่างไร และฟาร์มใดคือผู้นำในการเพาะพันธุ์โคฮากุยุคใหม่ ฝากติดตามกันด้วยนะครับ
ถ้าท่านชื่นชอบบทความจากเรา เราขออนุญาตชวนท่านกดไลค์หรือแชร์เพจเล็กๆ ของเราด้วยนะครับผม ขอบคุณครับ-FISH BLOGGER THAILAND-
โฆษณา