5 ต.ค. 2019 เวลา 11:37 • ประวัติศาสตร์
รู้หรือไม่ ' โต๊ะจีน ' แท้จริงแล้วไม่ใช่โต๊ะจีน !!!!
แล้วทำไมเราถึงเรียกมันว่า ' โต๊ะจีนหละ '
นั่นก็เพราะว่า ในสมัยอยุธยา สมัยนั้นชาวจีนเยอะมาก การทานอาหารแบบคนจีน คือการนั่งทานบนเก้าอี้ แตกต่างจากแบบไทยที่นั่งแบบพื้น แล้ววัฒนธรรมจีนก็สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน ทำให้เรารู้จักการนั่งรับประทานแบบชาวจีนว่า โต๊ะจีน และเราก็เรียกแบบนั้นมาจนชินปาก
ในไทยเราได้ใช้โต๊ะจีนในงานมงคลต่างๆ งานแต่ง งานบวช มีอาหารอย่างน้อย 10 อย่าง เน้นความกลมกล่อมตามหลักของลัทธิเต๋า นั่นคือเน้นความพอดี อาหารทั้งหลายจะถูกจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วที่โต๊ะกลม
ทำไมต้องกลม????
การนั่งโต๊ะกลมแสดงถึงการไม่แบ่งวรรณะ ความกลมเกลียวกันของลูกหลาน แต่นั่นเป็นเพียงกุศโลบาย ในความเป็นจริงแล้ว โต๊ะที่เป็นวงกลมนั้น สามารถจุคนได้มากกว่าแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบตะวันตก
อาหารอย่างน้อย 10 อย่าง ทำให้ไม่สะดวกถ้าจะตักอาหารที่อยู่ไกลมากๆ และเป็นการเสียมารยาท อีกอย่างจะเกิดปรากฏการณ์แขนพันกันบนโต๊ะอาหาร ซึ่งจะดูไม่ดีเลยบนโต๊ะอาหาร ด้วยความขี้เกียจที่จะต้องเดินไปตักอาหารจากอีกฝั่งหรือไหว้วานคนร่วมโต๊ะช่วยเอาอาหารจากอีกฝั่งในขณะที่เขายังเอนจอยกับอาหารอยู่ โต๊ะกลมจึงหมุนได้
'โต๊ะกลมที่หมุนได้ มันก็คือโต๊ะจีนน่ะแหละ '
โต๊ะกลมที่หมุนได้ นั่นก็เพราะมีถาดหมุนตรงกลาง ที่เรียกว่า Lazy Susan นี่คือชื่อเรียกของจ้าวถาด แต่เราได้เรียกโต๊ะที่มีถาดนี้ว่า Lazy Susan ไปด้วย ถ้าแปลตามตัว มันจะเเปลว่า ซูซาน จอมขี้เกียจ ซึ่งน่าจะเป็นฉายาของผู้หญิงขี้เกียจคนนึงมากกว่าจะเป็นชื่อโต๊ะเสียอีก แล้วซูซาน เธอเป็นคนจีนหรอ? ชื่อไม่ยักคล้ายคนจีน
' โต๊ะจีน หรือ Lazy Susan ไม่ได้มีต้นกำเนิดจากประเทศจีน'
Lazy Susan เป็นเพียงชื่อเรียกของถาดที่หมุนได้ พบครั้งแรกอย่างเป็นทางการ จากการปิดโฆษณาแนะนำของขวัญสำหรับวันคริสมาสต์ของบริษัท Ovington ปี 1917 แต่ในความเป็นจริง โต๊ะชนิดนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายตั้งแต่ ช่วงปี 1800 โดยมีชื่อเรียกอีกอย่างนึงที่ไม่ใช่ Lazy Susan ว่า Dumbwaiter
เรื่องนี้ซับซ้อนมาก เกิดทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับที่มาเข้าจ้าวโต๊ะกลมนี่
ทฤษฎีแรก ระบุว่า อุปกรณ์ชนิดนี้ ถูกเรียกว่า Lazy Susan มาตั้งแต่แรก ส่วน Dumbwaiter เป็นชื่อเล่นของมัน
ทฤษฎีนึงกล่าวว่า Thomas Jefferson ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 3 เป็นผู้คิดค้น ทฤษฎีกล่าวว่าเขาสร้างโต๊ะนี้ขึ้นมาเพราะลูกสาวมักจะงอแงเนื่องจากเธอจะได้เสิร์ฟอาหารเป็นคนสุดท้ายเสมอ
อีกทฤษฎีนึงเชื่อกันว่า Thomas Edison เป็นผู้ประดิษฐ์ เพราะเขามีลูกสาวชื่อ Susan
ทฤษฎีสุดท้าย จากนิตยสาร Jewish World Review ให้ความเห็นว่า " จริงๆแล้ว Lazy Susan เป็นการเล่นคำของอังกฤษ เนื่องจากมีหลายคำที่มีลักษณะแบบเดียวกัน เช่น Peeping Tom (คนที่ชอบแอบดูผู้หญิงแก้ผ้า ) , Jim Dandy (สิ่งที่ยอดเยี่ยม) ฯลฯ ซึ่ง Lazy Susan น่าจะมีที่มาในลักษณะเดียวกันนั่นเอง
จะเรียกอะไรก็แล้วแต่ แต่ที่สำคัญที่สุดบนโต๊ะอาหารคือ การใช้เวลาร่วมกันบนโต๊ะอาหารกับครอบครัวนะคะ กลับบ้านมาทานมื้อเย็นพร้อมกันนะคะ
โฆษณา