7 ต.ค. 2019 เวลา 06:55 • บันเทิง
OMG: Midsommar
ตอนแรก OMG ตัดสินใจ ก็เขียนมันสองเรื่องพร้อมกันไปเลยละกันนะ หนังที่จะพูดถึงสองเรื่องนี้คือ Midsommar และ Joker จริงๆสำหรับ OMG สองเรื่องนี้มันมีความสอดคล้องกันบางอย่าง เล่ารวมๆกันได้แหละ แต่เริ่มไปอันนึงแล้ว.. เห้ย มันไปยาวว่ะ วันนี้เอา Midsommar อันเดียวไปก่อนเด้อ
Midsommar เป็นเรื่องราวของกลุ่มนักศึกษาที่ถูกชักชวนไปร่วมเทศกาลท้องถิ่นของชุมชนเก่าแก่ในสวีเดน ทั้งหมดเดินเข้าสู่เทศกาลนี้ด้วยเหตุผลต่างกัน แต่เกือบทุกคนไปจบที่จุดหมายเดียวกันคือความตาย
แดนี่ (Florence Pugh) และ คริสเตียน (Jack Reynor) คู่รักที่ใกล้ถึงจุดสิ้นสุด เนื่องจากแดนี่กำลังเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อน้องสาว (หรือพี่สาวไม่รู้) ผู้มีภาวะไบโพล่า ตัดสินใจจบชีวิตของเธอ แถมไม่พอยังเอาชีวิตพ่อแม่ของพวกเธอไปด้วยในคราวเดียวกัน ทำให้แดนี่ต้องเจ็บปวดแสนสาหัสจากการสูญเสียคนทั้งครอบครัวไปในคราวเดียว ส่วนคริสเตียนแฟนหนุ่มก็รักตัวเองเกินกว่าจะมาสูญเสียความสุขในชีวิตเพื่ออะไรก็ตาม เจอแหนสภาพนี้แน่นอนว่าเค้าไม่โอ เมื่อทั้งคู่ได้รับคำเชิญจากเพื่อนชาวสวีเดนให้ไปร่วมงานเทศกาลฉลองกลางฤดูร้อนของชุมชนเก่าแก่ พวกเขาก็รับคำเชิญทันที โดยมีเพื่อนร่วมขบวนเป็นเพื่อนสนิทของคริสเตียนอีกสองคน คนนึงต้องการทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับชุมชนนี้ ส่วนอีกคนก็หมายตาที่ปาร์ตี้ ยา และสาวท้องถิ่นสวยๆ
ทั้งหมดออกเดินทางไปยังจุดหมายด้วยความตื่นเต้น จะมีก็แต่แดนี่ ผู้หญิงคนเดียวของทริปนี้ที่ระยะทางยิ่งไกล ความรู้สึกแปลกแยกจากกลุ่มก็ยิ่งเห็นได้ชัด เมื่อไปถึง ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่พวกเขาหวัง ทิวทัศน์ที่สวยงามสว่างสดใส หนุ่มสาวจากชุมชนและที่เดินทางมาจากส่วนอื่นของโลกเพื่อร่วมงานนี้ และของมึนเมาที่รอต้อนรับพวกเขาอยู่แล้ว
แล้วทุกอย่างก็เริ่มดูไม่ชอบมาพากล เมื่อพวกเขามาถึงหมู่บ้าน นอกเหนือจากสภาพอากาศที่เป็นกลางวันแทบจะตลอดเวลาแล้ว วิถีชีวิต พฤติกรรม ความเชื่อของคนในชุมชน ก็เป็นสิ่งที่ต่างจากโลกภายนอกอย่างกับกลับหัวกลับหาง หกคะเมนตีลังกากันไปเลย ยิ่งพิธีกรรมการเฉลิมฉลองดำเนินไป ผู้คนก็ค่อยๆ หายไปทีละคน
Midsommar เป็นผลงานกำกับของ Ari Aster ผู้กำกับหนุ่มจากภาพยนตร์สยองฃวัญที่เป็นที่พูดถึงมากที่สุดแห่งปีที่แล้ว Hereditary. งานของเขาน่าสนใจมากเนื่องจากถึงแม้ว่าเขาจะยังไมาได้มีผลงานออกมามากนัก (ก็ยังอายุน้อยนะ) แต่หนังทุกเรื่องมีลายเซ็นของเขาชัดเจน เนื้อเรื่องที่แหกตำราหนังสยองขวัญฮอลลีวูด ทำให้งานของเขาเปรียบเสมือนสายลมใหม่ พัดมาทีไรนักวิจารณ์งิสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
แก่นของเรื่องคือ โลกที่มนุษย์ตอบสนองอารมณ์ความรู้สึกกันและกันกลับด้านจากมารยาทมาตรฐานปกติที่เราเชื่อ ศีลธรรม สมัญสำนึกความผิดถูก หรือแม้แต่ความรักก็จะเปลี่ยนกลับด้านไปหมด หนังให้โลกที่เราอยู่ที่ -ทุกคนอยู่กันแบบต่างคนต่างอยู่ ต้องกดอารมณ์ที่เป็นพื้นฐานของมนุษย์อย่างความเศร้าเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อสังคม รับผิดชอบชีวิตของตัวเองโดยการหาความสุขให้ตัวเองโดยละเลยความรู้สึกของคนอื่น- ให้เป็นความมืด มืดทุกฉากเลย หนาวด้วย กับอีกโลกที่ผู้คนผูกพันกันทางอารมณ์เป็นโลกที่มีแต่ความสวยงามและแสงสว่าง สว่างกันทั้งวันทั้งคืน และในความสว่างนั้นก็เห็นความสยดสยองที่เกิดจากตรรกะที่บิดเบี้ยวกันแบบจะไปคาตา
เนื้อเรื่องส่วนที่แปลกใหม่คือดำเนินเรื่องน่ากลัวโดยดึงตัวช่วยสำคัญคือความมืดออกไป เนื้อเรื่องความสยองขวัญที่เกิดจากพิธีกรรมที่เกิดจากความเพี้ยนๆ การแสดงออกที่แตกต่างจากปกติวิสัยของมนุษย์ อันนี้เป็นลายเซ็นของผู้กำกับเลย ถึงแม้หนังจะพาเราไปไกลตัว แต่เราก็ยังพอทำความเข้าใจมันได้ผ่านประสบการณ์การเห็นข่าวลัทธิคลั่ง หรือข่าวชนเผาที่มีพฤติกรรมแปลกๆ ข่าวอะไรที่ทำให้เราขนลุกได้ เอามาใส่ในหนังก็สร้างความสบดสยองให้เราเหมือนกันโดยไม่ต้องอาศัย jump scare แต่เอฟเฟคมันก็ต่างไปนะ ปกติเราตกใจตัวโยนก็ยังเผลอหัวเราะออกมาในตอนท้าย แต่อันนี้จะพาเราดำดิ่งไป หมองๆ ดำลงไปอิก พาเราไปสำรวจว่าเรารู้สึกหม่นหมองดำดิ่งได้ขนาดไหน
เรื่องศิลปะความเป็นภาพยนตร์ อันนี้ลุกปรบมือเป่าปากไหว้ย่อให้เลย เฟี้ยว เจ๋ง ได้อารมณ์ เล่าเรื่องด้วยภาพเก่ง ภาษาหนังเยอะ รายละเอียดการสร้างบรรยากาศแบคกราวนด์ของหนังคือละเอียดสุดๆ ฉาก เสื้อผ้า แต่งหน้า การถ่ายภาพ การตัดต่อ ฟินนิชชิ่ง ทุกอย่างคือดี การแสดงของนักแสดงคือเล่นแบบหมดตัว เส้นผมถึงหนังเท้า สุดยอด เก่งมาก กราบ
จริงๆเขียนไปได้เรื่อยๆเลยนะ มันมีอะไรให้พูดถึงเยอะมาก แต่เอาแค่สรุปเป็นหัวข้อๆไปก่อนดีกว่า หนังเรื่องนี้ยังฉายอยู่มี่เฮ้าส์สามย่าน โรงใหม่แอร์เย็นฉ่ำ เด็กนักศึกษาเพียบ ไปดูกันแล้วถ้าอยากคุยเพิ่มเติมก็มาทิ้งคอมเม้นท์ไว้นะจ๊ะ
ชมกันยืดยาว แต่ถ้าไม่หลับก็ไม่ใช่ OMG เรื่องนี้ไปดูหลังอัดบุฟเฟต์แบบจุกๆ หลับคาโรงตอนเพื่อนพระเอกตาย เจ็บใจตัวเองมาก หมั่นไส้ไอ้ตัวนี้มานาน อดดูตอนมันตายซะงั้น
โกรธตัวเอง
โฆษณา