8 ต.ค. 2019 เวลา 08:23 • สุขภาพ
Fluoxetine กับ ความผิดปกติทางเพศ ??
Fluoxetine (ฟลูอ็อกเซทีน) คือยาอะไร 🤔
1
คือ ยาที่ใช้รักษาอาการทางจิตเวชได้หลายโรค เช่นโรคซึมเศร้า (MDD) โรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) โรคตื่นตระหนก (panic disorders) เป็นต้น
วันหลังค่อยอธิบายถึงที่มาที่ไปของยาตัวนี้ แต่สาเหตุที่หยิบยกยาตัวนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นก่อน เพราะวันนี้ได้เจอคนไข้คนหนึ่งมาขอคำปรึกษา...คนไข้มีปัญหาเวลามีเพศสัมพันธ์กับภรรยาแล้วไม่ถึงจุดสุดยอดสักที 😱
1
ย้อนประวัติเมื่อ 2 เดือนก่อนคนไข้มีอาการเครียด ซึมเศร้า มาปรึกษาขอคำแนะนำ แพทย์ได้สั่งใช้ยา Fluoxetine ขนาด 20 mg รับประมาณ 2 แคปซูลหลังอาหารเช้า วันละครั้ง คนไข้ใช้ยาประมาณ 2 เดือนจึงมีอาการดังกล่าวเกิดขึ้นและกระทบต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก
1
Fluoxetine 20 mg
"ผมรู้สึกสงสารภรรยาผมมาก สงสารเค้า เวลามีอะไรกันใช้เวลานานเป็นชั่วโมง ผมก็ไม่เสร็จสักที กลัวเค้าจะเหนื่อย"...คนไข้บอกเล่าพร้อมสีหน้าที่วิตกกังวลเป็นอย่างมาก
“ผมจะหายเป็นปกติไหมครับ อยากกลับไปเป็นอย่างเดิม ผมต้องใช้ยาไปอีกนานแค่ไหน” 😭
จริงๆแล้ว ความผิดปกติทางเพศเป็นปัญหาที่พบได้ในประชากรทั่วไปและพบมากขึ้นหากเป็นผู้ป่วยจิตเวช สาเหตุการเกิดความผิดปกติทางเพศในผู้ป่วยจิตเวชอาจเกิดได้จากผลจากอาการของโรคจิตเวชเองหรือเกิดจากยาที่ใช้ในการรักษา คนไข้รายนี้เจอทั้ง 2 ทางเลย ตัวโรคเอง + ยาที่ใช้รักษาโรค
ปัญหาความผิดปกติทางเพศแบ่งได้เป็นหลายชนิด เช่น มีความต้องการทางเพศลดลง (decrease libido) มีการตื่นตัวทางเพศน้อยลง (diminished arousal) ความถี่ของการมีเพศสัมพันธ์ (intercourse) ลดลงหรือไม่สามารถเกิดความเสียวสุดยอดทางเพศ (orgasm)
https://www.maleultracore.com/blog/do-antihistamine-drugs-decrease-libido-and-sex-drive/
ยา Fluoxetine ทำให้เกิดอาการนี้ได้อย่างไร
เราเชื่อว่าน่าจะเป็นผลมาจากยายับยั้งการเก็บกลับของสารสื่อประสาร serotonin ทำให้มี serotonin เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลทำให้เกิดความผิดปกติทางเพศเกิดขึ้น
โอกาสเกิดจากการใช้ยาตัวนี้อยู่ราวๆร้อยละ 25-75 ในเพศชายจะทำให้เกิดความต้องการทางเพศลดลง และการหลั่งน้ำกามจะช้ากว่าปกติ
ดังนั้นๆๆ ในเรื่องร้ายมักมีเรื่องดีๆซ่อนอยู่ ✨
ยานี้สามารถนำมาใช้รักษาคนไข้ที่มีปัญหาน้ำกามหลั่งเร็วกว่าปกติได้ โอ้โหวววว
1
กลับมาที่คนไข้รายนี้
แล้วจะทำอย่างไรดี คนไข้กังวลมากๆๆ
วิธีแก้ไขมีดังนี้
1.การรอให้ผู้ป่วยหายจากอาการได้เองเป็นวิธีการที่นิยมใช้ก่อนมีการตัดสินใจเปลี่ยนยาหรือลดขนาดยา การศึกษาส่วนใหญ่ที่เป็นรายงานผู้ป่วย พบว่าต้องใช้ระยะเวลานานถึง 4-6 เดือน และประสบความสำเร็จในผู้ป่วยเพียงร้อยละ 5-10
2.การลดขนาดยาจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีการตอบสนองต่อยาดี มีการศึกษาพบว่าการเกิดความผิดปกติทางเพศจากยามีความสัมพันธ์กับขนาดยาที่ได้รับ ดังนั้นการลดขนาดยาลงจึงเป็นทางเลือกในการจัดการ อย่างไรก็ตามต้องพิจารณาการกำเริบของอาการในผู้ป่วยหากเลือกใช้แนวทางนี
3.การหยุดใช้ยาช่วงสั้นหรือหยุดยาบางวัน เป็นอีกแนวทาง ทำโดยให้ผู้ป่วยหยุดใช้ยา 2-3 วันก่อนมีกิจกรรมทางเพศซึ่งเหมาะกับผู้ป่วยที่มีกิจกรรมทางเพศไม่บ่อยและมีการวางแผนไว้ อย่างไรก็ตามวิธีการนี้อาจทำให้เกิดกลุ่มอาการขาดยาได้
4.การเปลี่ยนเป็นยาเป็นชนิดอื่นเป็นอีกแนวทางที่แนะนำ แต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการรักษาหากยานั้นมีประสิทธิภาพในการรักษาด้อยกว่ายาเดิมที่ใช้อยู่
คร่าวๆประมาณนี้
สรุปคนไข้รายนี้เลือกวิธีที่ 4 คือการเปลี่ยนยาจ้าาาา โดยเปลี่ยนไปใช้ยาที่มีผลกระทบเรื่องเพศน้อยกว่า ☺️
เรื่องเพศ บางคนมองเป็นเรื่องเล็กๆ แต่! อาจเป็นเรื่องใหญ่ของใครอีกหลายๆคน
1
แหล่งอ้างอิง
1. บทความวิชาการเรื่อง การจัดการปัญหาความผิดปกติทางเพศจากยาจิตเวช ของ อ.ภก.ทวนทน บุญลือ
หากไม่อยากพลาดสาระดีๆเกี่ยวกับยาอย่าลืมกดติดตาม “เภสัชกร vate มีอะไรจะบอก” ด้วยน้าา 🤗🤗
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา