รู้สึก "ขี้เกียจ"จัง!!
ทําไมเราถึงรู้สึกขี้เกียจกันเนี่ย!!!
ไม่ว่าใครๆก็ต้องเคยรู้สึกขี้เกียจ เเต่เอ๊ะเวลาเราไม่ทําอะไร นั่งนอนสบายๆ เนี่ย
เห็นว่าจะไม่ได้งานได้การ นะ !!!
เเต่มันก็เป็นเรื่องปรกติของมนุษย์หนิ
หรือเราจะติดความรู้สึกจนเคยชินเเบบนั้นไปเเล้ว?
สาเหตุความขี้เกียจนี้มันเกิดจากอะไรกัน?
ก่อนอื่นเราต้องทําความรู้จักกับความขี้เกียจกันก่อน อะไรคือความขี้เกียจ?
"ความขี้เกียจ" คือ เวลาที่สมองของคุณบอกกับคุณว่า " Hey You Do Nothing "
นี่คุณ อยู่เฉยๆก็พอไม่ต้องทําอะไรหรอก
"ความขี้เกียจ" เกิดจากการที่สมองเเละร่างกายของคุณ ไม่อยากที่จะเสียพลังงานจากกิจกรรมต่างๆ เช่น การออกกําลังกาย หรือ ทํางาน
"ความขี้เกียจ" เป็นสัญชาติญาณ ที่กําลังส่งสัญญาณบอกคุณว่า
" เป็นการดีที่คุณจะไม่ทําอะไรเลย"
นี่เเหละดีเเละสบายที่สุดเเล้วต่อตัวคุณเอง!!
เเต่...ความขี้เกียจไม่ใช่โรค มันเกิดจากสาเหตุต่างๆที่เป็นปัจจัยให้คุณรู้สึก เเบบนี้
ดังนั้นหากจะเเก้ปัญหาเราควรจะหาสาเหตุที่ทําให้เกิดความขี้เกียจเสียก่อน!
บทความนี้อาจไม่ได้กล่าวถึงสาเหตุโดยตรงเเต่เป็นสาเหตุที่มีผลทําให้คุณ"ขี้เกียจ" !!
1.ความขี้เกียจเกิดจากสิ่งที่ยากเกินจะรับไหว
เราอาจอธิบายสิ่งที่เกินจะรับไหวได้ว่า
มันเป็นความรู้สึกเวลาคุณอยู่ใน สถานการณ์ ภาระงาน ที่คุณยัง ไม่สามารถเริ่มงานใหญ่ได้
อาจเป็นเพราะคุณไม่สามารถแบ่งงานใหญ่นี้ออกเป็นงานย่อยได้ คุณเพียงแค่ขาดความสามารถในการเข้าใจเรื่องที่อยู่ในมือและคุณไม่ทราบว่าต้องดำเนินการขั้นตอนใดบ้างเพื่อไปบรรลุในภาระงานนี้ หรือปัญหานี้
เรามักจะรู้สึกไม่อยากทําอะไรเลยกับสิ่งที่ท่วมท้นเเละมากเกินยากเกินที่จะรับไหว
มันรู้สึกเหมือนเราเริ่มขี้เกียจ
มีหลายคนที่ต้องการเริ่มสร้างเริ่มทําบางสิ่งบางอย่างเเต่ผ่านมาเป็นเวลาหลายปี คนเหล่านี้ก็ไม่ได้ทําจริงๆ อาจมีปัจจัยอื่นๆเช่นเงินหรือความสะดวก
เเต่หากลองคิดกับสิ่งง่ายๆหล่ะ
คุณอาจไม่รู้ถ้าจะทําสิ่งๆนี้ต้องเริ่มลงมืออย่างไร ต้องศึกษาอะไร จนคุณถอดใจ เเละคิดว่ามันยากเกินไป
มันก็เหมือนกับการปีนภูเขา เเข่งกับคนที่อยู่จุดสูงสุดเเห่ง เอฟเวอเรส
บางทีคุณรู้สึกท้อเเละรู้สึกท้วมท้นในใจที่ไม่สามารถ เเบกรับสิ่งเหล่านี้ไว้ทั้งหมดได้
เมื่อเราประสบกับความรู้สึกท่วมท้นงานจะถูกจัดประเภทว่าซับซ้อนเกินไป เราไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นอย่างไร
จะทำอย่างไรหรือจะเเก้ปัญหานี้อย่างไร
เเต่ถ้าคุณลองฝึกการจัดการกับสิ่งต่างๆที่ดูใหญ่เกินจะรับมือให้เป็นระเบียบเเละเป็นงานย่อยๆเเบบมีระบบได้ คุณจะเริ่มรู้สึกว่างานนี้ก็ไม่ได้ยากที่จะรับมือเลย
2.ความขี้เกียจเกิดจากความพอใจ
เเละความสมบูรณ์เเบบ
คุณอาจตลกเเละคิดว่า เอ๊ะ สมบูรณ์เเบบกับความพอใจทําไมถึงทํา ให้เรารู้สึกขี้เกียจ?
เมื่อเราไม่สามารถบรรลุในสิ่งที่เราตั้งเป้าไว้ให้เป็นเเบบที่ควรจะเป็น หรืองานที่เรามุ่งมั่นเพราะเราไม่คิดว่างานของเราจะดีพอ
(ตามมาตรฐานของเราเอง)
ในที่สุดเราก็หยุดพยายาม เพราะอุดมคติของตัวเราเอง
เเละตัวคุณเองไม่สามารถทนต่อความรู้สึกของบางสิ่งที่คุณสร้างขึ้นเพื่อให้มันเกิดข้อบกพร่องหรือไม่ได้สมบูรณ์เเบบตามที่คาดไว้
ผู้ชอบความสมบูรณ์แบบบางคนอาจไม่ได้เริ่มงานเลยเพราะเขาคิดว่าหากเริ่มงาน มีเเนวโน้มสูงที่จะทําผิดพลาด
อาจเป็นการดีกว่าถ้าคุณไม่ทําอะไรเลยจะได้ไม่เกิดความผิดพลาด
เทียบกับเหตุการณ์ทั่วไปอาจหมายถึงถ้าทําเเล้วผิดพลาดขึ้นมาขอเลือกที่จะไม่ทําดีกว่า
คล้ายๆปัดภาระหน้าที่ของตน
ซึ่งมันก็เกิดจากการถูกคาดหวังนี่เเหละบางคนอาจรู้สึกกดดันเเละเร่งตัวเองให้มีความขยันเเละไม่มีความขี้เกียจ
เเต่คนเรามี 2 ด้านเหมือนเหรียญที่ไม่ได้มีด้านเดียวบางคน ไม่ได้คิดว่าความคาดหวังคือเเรง
กระตุ้นเเต่เป็นเหตุให้เขารู้สึก กลัวที่จะทํากลัวที่จะผิดพลาดมากกว่า
ถึงปัญหานี้คุณอาจคิดว่าไม่เกี่ยวกับความขี้เกียจเเต่มันเป็นเบื้องหลังเเละเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้คุณขี้เกียจโดยไม่รู้ตัว
การเเก้ปัญหาตรงนี้ เราอยากให้คุณลองกล้าที่จะผิดพลาดทุกๆสิ่งไม่ได้เกิดมาจากความ คาดหวังเเละความสมบูรณ์เเบบเเต่มันเกิดจากการลงมือของคุณเอง
" Learn from your mistakes"
เรียนรู้จากความผิดพลาดของคุณเอง
3.ความขี้เกียจเกิดจากความกังวล
เคยไหมที่คุณกังวลเเละปิดกั้นตัวเองจากสิ่งต่างๆ นั่นก็เกิดจากความ วิตก เเละความกลัวยังไงหล่ะ
"ความกลัว" เป็นสิ่งที่ปกป้องเราจากภัยอันตรายจากสิ่งที่ไม่รู้
เเต่บ่อยครั้งความกลัวก็เป็นสาเหตุที่ทําให้คุณละจากการทําสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ที่คุณทําเป็นประจํา หรือเริ่มต้นอะไรซักอย่างที่คุณทําเป็นกิจวัตรประจําวัน
เเต่สิ่งที่เรากําลังบอกคุณกับความกลัวคือ ความกลัวทําให้คุณ ไม่สามารถควบคุมตนเองในเเบบที่มันจะเป็น ทําให้คุณไม่กล้าเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ
เวลาคุณกลัวสมองเราจะคิดเเค่ว่า
คุณจะ หนี หรือจะ เผชิญต่อ
เเน่นอนถึงคุณจะเลือกที่จะเผชิญต่อหรือหนี สถานการณ์เเบบนี้ก็เป็นสถานการณ์บังคับทําให้คุณต้องเลือกในสิ่งที่ อาจไม่ใช่ในเเบบที่ควรจะเป็น
(ความกลัวในที่นี้คือความวิตกของตัวคุณเอง เป็นสิ่งที่พยายามหลีกเลี่ยงบางสิ่งที่คุณ
เผชิญอยู่หรือกําลังจะเผชิญ)
ทําให้คุณไม่อยากทํา หรือเรียกว่า Do nothing
เป็นเหตุให้ขี้เกียจนั่นเอง
ทางที่ดีที่สุดคือเผชิญหรือเลี่ยงที่จะเจอกับความวิตกกังวลนั้นความกลัวนั้น
4.ความเกียจคร้านเกิดจากการ
"ผัดวันประกันพรุ่ง"
เคยไหม ที่ทําตารางเช็คสิ่งที่ต้องทําเเต่คุณกลับไม่ทํามันเเล้วคิดในใจว่าเดี้ยวค่อยทํา
เคยไหมมีงานเเละการบ้านที่ค้างอยู่เเต่คุณอาจมองเป็นเรื่องง่าย เลยบอกปลอบใจตัวเองสร้างความขี้เกียจขึ้นมาว่า เดี้ยวค่อยทําก็ได้
เป็นปัญหาที่เห็นได้ชัดมาก เเละยิ่งพวกงานหรือภาระต่างๆที่
นับวันเข้าถ้าเอาเเต่ผัดวันประกันพรุ่ง
สิ่งที่สะสมมาก็ดูท่าจะเป็น ดินพอกหางหมู
เหตุผลข้อนี้ชัดเจนเเละตรงไปตรงมา
คนที่มีนิสัยเเบบนี้จึงควรเปลี่ยน
โดยถ้ามีงานที่อะไรที่ต้องทําควรลงมือทันที
ไม่ใช่ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ที่บอกกับตัวเองว่าเดี้ยวค่อยทํา
5.ความขี้เกียจเกิดจากการที่คุณไม่ควบคุมตนเองเเละละเลยตัวของคุณเอง
เรากําลังจะสื่อถึงระเบียบวินัยยังไงหล่ะ
คิดถึงวันที่คุณทํางานทําอะไรทุกๆวันเป็นวินัยครั้งล่าสุดเมื่อไหร่
อาจเป็นตอนคุณเข้ายิมออกกําลังกายเพื่อสุขภาพที่เเข็งเเรงนี่ก็เป็นวินัยที่ทําให้คุณไม่
ขี้เกียจ
การที่คุณตั้งเป้าว่าจะทําอะไรซักอย่างเเต่คุณกลับทําเเค่วันสองวันหรือเเค่ช่วงเเรกๆเเสดงให้เห็นว่าคุณขาดวินัยในตัวคุณเอง
เกิดจาการที่คุณไม่ควบคุมตัวเเละปล่อยปะละเลยตัวเองมากจนเกินไป นิสัยเเบบนี้จะทําให้คุณรู้สึกขี้เกียจในที่สุด
ทางออกที่ดีที่สุดก็คือการสร้างระเบียบวินัย จากกิจวัตรที่คุณทําเป็นประจํา
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกๆคนผ่านความขี้เกียจไปได้นะคะ
ให้ความขี้เกียจเป็นเพียงเหตุผลที่คุณใช้ในวันที่คุณต้องการพักผ่อนดีกว่าค่ะ!
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
