9 ต.ค. 2019 เวลา 03:31 • ปรัชญา
จะต้องเปลี่ยนอีกกี่ร่างถึงจะพอ
ในศาสนาพุทธของเราได้สอนเรื่องกฏแห่งกรรม และการเวียนว่ายตายเกิด สอนเรื่องภพชาติ หรือเรื่องพระเจ้า500ชาติที่พระพุทธองค์ทรงสอน ฉะนั้นการเวียนว่ายตายเกิดจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเราเปลี่ยนร่างมากี่ครั้งแล้ว และเราเปลี่ยนชื่อมากี่หน
ซึ่งในขณะปัจจุบันนี้เราได้เกิดมาเป็น ผู้ชายหรือผู้หญิง ที่ชื่อนั้นชื่อนี้และตระหนักว่ามันจะคงอยู่อย่างนี้ไปตลอด ซึ่งแท้ที่จริงแล้วไม่นานเลย ในช่วงของชีวิตคนมีอายุแค่ 70-80 ปีร่างนี้ก็เสื่อมสภาพไม่สามารถอยู่ได้ และในช่วงที่เรามีชีวิตอยู่ "เราได้สร้างตัวตนขึ้นมาในใจ"
เมื่อตัวตนของใจเกิดขึ้นสิ่งต่างๆจึงเกิดขึ้น รถของเรา บ้านของเรา ภรรยาของเรา สามีของเรา สิ่งต่างๆที่เป็นของเรา ซึ่งก่อนที่เราเกิดตัวตนของใจ มันไม่มีของใคร หรือเวลาที่ใครด่าเราทำไมเรารู้สึกโกรธ เสียใจ น้อยใจ ก็เพราะเรามีตัวตนของใจ และตัวตนของใจนี่แหละเป็นตัวที่ทำให้เรา เวียนว่ายตายเกิด เปลี่ยนร่างอย่างไม่จบสิ้น
พระพุทธทาส ท่านได้กล่าวไว้ว่า ”ตัวกู ของกู” เพราะเมื่อมีตัวกูจึงเกิด รัก โลภ โกรธ หลง และเกิดสิ่งต่างๆที่เป็นกรรมดีและกรรมชั่ว จึงทำให้เราต้องไปตามหนทางที่ตัวเองได้สร้างไว้ ในช่วงที่มีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะไปรับโทษก็ลงนรก หรือเสวยบุญได้ขึ้นไปเป็นเทวดา หรือได้กลับมาในร่างใหม่ แต่เราไม่สามารถรู้ได้ว่าร่างใหม่เราจะได้ร่างคนอีกหรือเปล่า หรือได้ร่างเป็นสัตว์ก็ขึ้นอยู่ว่าช่วงที่เรามีชีวิตอยู่ได้ทำสิ่งที่ดี และไม่ดีอะไรไว้บ้าง
พระพุทธทาสเคยกล่าวไว้ว่า “สุดท้ายทุกคนก็ต้องไปนิพพาน” แต่จะใช้เวลาเท่าไรนั้นไม่มีใครบอกได้นอกจากตัวเราเองว่าเราได้วางตัวตนของใจเราลงหรือยัง หรือยังยึดติดอยู่
การละตัวตนคือการที่เราเข้าใจธรรมชาติในโลกนี้อย่างแท้จริง ทุกอย่างบนโลกนี้มีจุดเริ่มต้นและจุดจบ เพียงแต่เราแค่รับรู้ และอย่านำใจเราไปยึดกับสิ่งใดแม้แต่ร่างกายของเราเอง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา