9 ต.ค. 2019 เวลา 06:27 • ปรัชญา

หนังสือเล่มที่ 14

หนังสือเล่มที่ 14 #สมถะเท้าขวาวิปัสสนาเท้าซ้าย
ดูจากชื่อหนังสือแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงคิดว่าเป็นหนังสือธรรมมะ แต่ไม่ใช่ครับ หนังสือเล่มนี้เนื้อหามากกว่า 80% พูดถึง #การทำสมาธิ บางคนบอกก็สมาธิก็คือหนึ่งในศาสนาไง ผมตอบเลยว่าไม่ใช่ทั้งหมด
ผมเองเป็นคาทอลิกมาตั้งแต่เกิด รู้จักการนั่งสมาธิครั้งแรกตอน 10 ขวบ #แม่บังคับให้ไปบวชเณร แล้วรู้จักกับสมาธิอีกคือเมื่อ 4 ปีก่อน #ตอนนั้นกำลังฟังคุณพ่อ(นักบวชทางคาทอลิก)เทศน์อยู่ในวัด ทันใดนั้นมีช่วงแค่เพียงไม่กี่วินาทีที่ผมสัมผัสได้ถึงลมที่พัดกระทบแขนจากซ้ายไปขวาอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ทุกคำพูดที่คุณพ่อเทศน์ มันเข้าไปในหัวทุกตัวอักษร นั้นแหละคือการเกิดสมาธิเพียงชั่วคราว ผมจึงหันมา ปฎิบัติสมาธิอย่างจริงจัง และทุกวันนี้ ทำติดต่อกันมานานนับปี
มาเข้าเรื่องของหนังสือกัน ผมนั่งปฏิบัติมานานพอสมควร จาก 5 นาที เป็น 2 ชั่วโมง ผมจึงเกิดความสงสัยว่าผมได้อะไรจากการนั่งสมาธิ
ผู้บรรลุธรรมในพุทธศาสนามี 4 ขั้น คือ (ซึงตัวผมนั้นยังไม่เข้าข่าย)
1. พระโสดาบัน
2. พระสกิทาคามี
3. พระอนาคามี
4. พระอรหันต์
ในการบรรลุธรรมแต่ละขั้น กิเลสจะลดลงตามลำดับ และปัญญาจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ
ส่วนในเรื่องของสมาธินั้น ครูบาอาจารย์มักแบ่งระดับไว้เพื่อให้เข้าใจง่าย มี 3 ระดับด้วยกัน
1. ขณิกสมาธิ สมาธิระดับตั้งไข่
2. อุปจารสมาธิ สมาธิระดับที่เริ่มมีความตั้งมั่น
3. อัปปนาสมาธิ สมาธิในระดับดำดิ่ง
#ผมสำรวจตัวเองแล้วนั้นพบว่า ตัวผมอาจจะอยู่ในระดับ 2 บางครั้งมีระดับ 3 บ้าง
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าคำว่า “สมถะ” และ “วิปัสสนา”ไม่ได้คนละแบบคนละอย่างกัน มันเปรียบเทียบเหมือนกับขาของเรา ที่เป็นดังขาขวาและขาซ้าย ใช้เดินทางเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย
ผมขอให้นิยามว่า #สมถะ แท้จริงแล้ว คือความสงบของจิตใจ หลักการง่ายๆขอสมถะ อาจจะคือการเพ่ง จ้อง บริกรรมคำ เพื่อให้เกิด สมถะ
ส่วน #วิปัสสนา คือการที่เราเกิด รู้แจ้งเห็นจริง เกิดการมองเห็น “ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา “ อาจจะต้องอาศัยการฝึกฝนจึงสามารถข่วยให้รู้แจ้งเกิดขึ้นจริง
2 อย่างนี้จะขาดสิ่งนึงสิ่งใดไปไม่ได้
#หัวข้อนี้ผมอยากจะพูดถึง “ฌาน”
ตัวผมเองนั้นส่งสัยมานานว่า ริวจิตสัมผัส,เจนญาณทิพย์,หมอดูดวงต่างๆ เข้าทำไมถึงมองเห็นอนาคต มองเห็นอดีต ได้ “ฌาน” คืออะไร
ฌาน มี 8 ระดับ (ผมนั้นมาถึง ณาน 3 แล้ว จากการสำรวจตัวเอง )
#พระพุทธเจ้าท่านนั่งจนถึงฌาน 8 แต่ใช้เพียงแค่ ฌาน 4 ก็ตรัสรู้ได้แล้ว
ฌาน 1 : จิตจะอยู่ที่คำภาวนา หูได้ยินชัดเจน แต่ไม่รู้สึกลำคาน
ฌาน 2 : เสียงไม่มีผลต่อลมหายใจ ลมหายใจอ่อน
ฌาน 3 : ลมหายใจแผ่วเบามาก จิตสว่าง
ฌาน 4 : ลมหายใจจะหายไป จนรู้สึกเหมือนไม่หายใจ ไม่รับรู้อารมณ์ใดๆ จิตและกายแยกออกจากกัน
—— ฌานขึ้นลึก ——-
ฌาน 5 : ว่างเปล่า ไม่มีอารมณ์ใดเจือปน เยือกเย็น
ฌาน 6 : เป็นระดับณานที่มุ่งกำหนดวิญญาณเป็นอารมณ์
ฌาน 7 : มุ่งความไม่มีอะไรเลยเป็นอารมณ์
ฌาน 8 : กำหนดการไม่มีวิญญาณเป็นอารมณ์ คือไม่รับรู้ถึงสิ่งใดๆเลย
มาถึงคำถามว่า คนที่มองเห็นอดีตอนาคตได้ เมื่อฌานแกร่งกล้าจะเกิดญานสายวิเศษขึ้น จะมีอยู่ 9 ชนิด
1. อตีตังสญาน : หยั่งรู้อดีต คน สัตว์ สิ่งของ
2. อนาคตังญาน : หยั่งรู้อนาคต คน สัตว์ สิ่งของ
3. ปัจจุปปันนังสญาน : รู้เหตุปัจจุบัน คน สัตว์ สิ่งของ หรือ สถานการณ์
4. อิทธิฤทธิ์ : แสดงฤทธิ์ เรียกลม เรียกฝน
5. ทิพพโสต : หูทิพย์
6. เจโตปริยญาณ : หยังรู้ ความรู้สึก และความคิด
7. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ : ระลึกชาติ
8. ทิพพจักขุ : ตาทิพย์ รู้สถานการณ์ การเกิด การตาย
9. อาสวักขยญาน : ความรู้ทางปัญญาสูงสุด ทำให้ตัดกิเลสได้โดยสิ้นเชิง
ญาณวิเศษนี้จะเกิดขึ้นกับคนที่พร้อมแล้วเท่านั้น เพราะศีลคือบ่อเกิดของสมาธิ สมาธิคือบ่อเกิดของฌาน และ ฌานคือบ่อเกิดขอญาน
ผมว่า ญาณ เปรียบเสมือ พลังวิเศษ ที่ถ้าผู้ใช้เป็นก็จะถูกต้อง ผู้ที่ใช้ไม่เป็นก็จะเป็นภัย เปรียบเสมือนดาบสองคม
ที่จริงในหนังเล่มนี้มีคำตอบที่น่าค้นหาอีกมากมาย และเป็นหนังสือที่อ่านง่ายไม่สับสนในคำศัพท์ #ผมว่าเหมาะกับคนทุกคนที่กำลังฝึกปฏิบัติ
ผมเป็นคาทอลิก ไม่ได้หมายความว่า ผมไม่รักในศาสนาผม แต่การนั่งสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบศาสนาพุทธได้ให้คำอธิบายไว้ละเอียดชัดเจน ผมแค่ต้องการหาคำตอบว่า...ผมเดินมาถูกทางหรือไม่
ครูอาจารย์ หลวงตา หลวงปู่หลายท่าน ถูกนำมายกตัวอย่างในหนังสือเล่มนี้เยอะมาก ซึ่งเป็นอะไรที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน เช่น หลวงตามหาบัว
#คำคมช่วยชมหน่อย : จะไม่แปลกเลยจะจะพูดว่า สติมาปัญญาเกิด หนทางสู้ทางออกที่ดีที่สุด
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจบ เนื้อหาด้านบนเป็นเพียงแค่บทสรุป แนะนำให้ - อ่านซะ -
โฆษณา