10 ต.ค. 2019 เวลา 14:40 • ประวัติศาสตร์
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมมนุษย์เราถึงชอบกินของหวาน ?
จริงๆอาจจะบอกได้เลยว่าพวกเราเกือบทุกคนชอบกินของหวาน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าบรรพบุรุษของมนุษย์เราก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมนั้นจะหาเลี้ยงชีพจากการล่าสัตว์และหาของป่า เรียกได้ว่าเป็น "นายพราน"
โดยนิสัยการกินของนายพรานในทุ่งหญ้าสะวันนาห์และป่าที่พวกเขาอาศัยอยู่ แม้แต่อาหารทั่วไปก็ยังหาได้ยากเย็น นายพรานเมื่อ 30,000 ปีที่แล้วได้กินของหวานเพียงชนิดเดียวคือผลไม้สุก หากหญิงสาวยุคหินได้เจอต้นมะเดื่อที่ออกลูกสุขเต็มต้น สิ่งที่เธอน่าจะทำคือกินลูกมะเดื่อเหล่านั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่จะมีสัตว์อื่นมากินมันจนหมด สัญชาตญาณการบริโภคอาหารอย่างตะกละตะกลามจึงฝังไว้ในพันธุกรรมของเรา (เพราะฉะนั้นอย่าทำให้บรรพบุรุษนายพรานของเราต้องผิดหวัง จงซัดของหวานให้หมดโลกไปเลย ! เดี๋ยวๆๆๆๆ ไม่น่าใช่นะ)
พวกเราในปัจจุบันจึงชอบกินอาหารที่มีแคลอรี่สูงๆทั้งๆที่มีประโยชน์น้อยมากต่อร่างกาย ในสังคมอันมั่งคั่งทุกวันนี้ที่ตกอยู่ในอาการทุกข์ทรมานจากโรคอ้วนซึ่งแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในประเทศที่พัฒนาแล้วราวกับเป็นโรคระบาด !
เราอาจจะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านที่ทำด้วยปูน หรืออพาร์ตเมนต์สูงๆ และมีอาหารมากมายครบถ้วนทุกหมู่ให้เราเลือกสรรในการกินอย่างไม่มีขีดจำกัด แต่ดีเอ็นเอของเรายังคงคิดว่าเรายังอยู่ในสะวันนาห์ นี่เองคือเหตุผลว่าทำไมเราเลือกหยิบไอศกรีมที่พบในช่องแช่เข็งของตู้เย็นจนหมดเกลี้ยงถ้วยก่อนล้างปากตามด้วยโค้กแก้วยักษ์ (ฟิน ^^)
ถึงอาหารที่หวานจะให้คุณค่าทางโภชนาการแก่ร่างกายของเราน้อยกว่าอาหารประเภทอื่น แต่ผมเชื่อว่ามันมีคุณค่าทางใจสำหรับคนที่ชอบกินมัน มันอาจจะทำให้เรายิ้มได้เมื่อได้กินมัน หรือทำให้เราลืมเรื่องที่เครียดตลอดวันที่เราพบเจอมา เพราะฉะนั้น มันก็น่าจะเป็นความสุขเล็กๆในชีวิตของเราไปแล้ว การที่เราจะเลิกกินมันไปก็เท่ากับชีวิตเราได้เสียความสุขส่วนเล็กๆนี้ไป
วิธีการที่ผมอยากแนะนำก็คือ เราควรจำกัดการกินอย่างเหมาะสม โดยดูจากปริมาณแคลอรี่ของขนมหวานแต่ละชนิดว่าเราควรกินได้จำนวนเท่าไรใน 1 วันหรือสัปดาห์ เพื่อที่จะไม่ก่อให้เกิดโทษกับร่างกายในภายภาคหน้า และเราควรตั้งกฎกับตัวเอง เช่น หากวันใดฉันกินขนมหวาน ฉันจะต้องออกกำลังกายให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าปริมาณแคลอรี่ของขนมหวานที่ฉันกินเข้าไป (รวมของหวานประเภทน้ำด้วยนะจ๊ะ.......อันนี้ตัวดีเลย)
หากคิดไม่ออกว่าจะออกกำลังกายด้วยวิธีอะไร ผมแนะนำเลยครับว่า "วิ่ง" ที่ผมแนะนำให้วิ่งก็คือมันเป็นการออกกำลังกายที่เราสามารถทำคนเดียวได้ เราสามารถกำหนดช่วงเวลาในการทำได้เอง และทำให้เราได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง โดยในระหว่างวิ่งเราก็ยังมีสมาธิที่จะทบทวนตัวเองเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่พบเจอหรือได้ทำในหนึ่งวันที่ผ่านมา หรือคิดงานที่ยังคิดไม่ออกได้อีกด้วย (ส่วนใหญ่จะคิดออกตอนวิ่ง^^)
และสุดท้ายผมมีความเชื่อส่วนตัวลึกๆว่า หากเราหลงรักในการออกกำลังการประเภทใดประเภทหนึ่งที่เราทำมันเป็นประจำสม่ำเสมอ และมันทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงขึ้น บวกกับมีรูปร่างที่ดีขึ้น
ทั้งสองสิ่งนี้จะเป็นความสุขในชีวิตเราอย่างมหาศาล จนถึงวันที่เราต้องการความสุขจากขนมหวานน้อยมากๆ หรือไม่ต้องการเลย....................................
ที่มา : หนังสือ เซเปียนส์ ประวัติย่อมนุษยชาติ
ผู้เขียน : ยูวัล โนอาห์ แฮรารี
#ในวันนี้ผมแค่อยากเป็นคนที่ดีกว่าตัวเองในเมื่อวาน
#ตัวฉันชุบแป้งทอด
โฆษณา