11 ต.ค. 2019 เวลา 03:51 • บันเทิง
OMG: So long, My son
OMG เป็นคอหนังอาร์ตเฮ้าส์เอเชียครับ บอกเลย ชอบมาก เมื่อวานเปิดดูไอจี เจอว่าที่ Bangkok Screening Room กำลังฉายหนังเรื่อง So long, my son ของผู้กำกับWang Xiaoshuai หนึ่งในผกกที่ OMG ประทับใจจากหนัง Shianghai Dream นี่ก็เช็ครอบเลย เฮ้ย วันนี้เหมาะสุด แฟนไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วย ได้ดูคนเดียวแบบสมัยก่อน ดีๆ พุ่งเลยดีกว่า แล้วเคยเป็นมั้ยครับ เวลาเราตัดสินใจทำอะไรแบบหุนหันพลันแล่น คิดแล้วทำเลย มันมักจะได้ผลดีเสมอ
เรื่องนี้ขอออกตัวก่อนนะครับ ว่า OMG จะขออนุญาตสปอยเนื้อเรื่องของหนังเป็นระยะ เพราะเพื่อนหลายคนอาจจะหาดูได้ยากอยู่ ส่วนคนที่ดูแล้ว เชื่อว่าก็คงอยากให้คุยเนื้อหากันแบบจะๆไม่มีกั๊ก ใครไม่เห็นด้วยรีบไปดูก่อนนะครับแล้วกลับมาอ่านกัน
So long, my son เป็นเรื่องของครอบครัวเพื่อนสนิทอย่างน้อยสองครอบครัว ที่ดำเนินไปตั้งแต่เริ่มรู้จักกันตอนหนุ่มสาวในช่วงปี 80 ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจสังคม ในช่วงที่ประเทศจีนกำลังสร้างชาติให้มั่งคั่ง นโยบายของรัฐบาลสังคมนิยมเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของพวกเขาอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะนโยบาย ’ลูกคนเดียว’ ที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันครอบครัว และมีผลต่อจิตใจคนยิ่งนัก
เรื่องเปิดตัวด้วยการจมน้ำตายของตายของ เซียงเซียง ลูกชายคนเดียวของ เหยาจุน (Wang Jingchun) และลี่หยุน (Yong Mei) โดยการตายของเซี่ยงเซียง มีเพียง ห่าวเหา (Jiang Du) ลูกชายวัยเดียวกันของหยิงหมิงและไหหยาน เพื่อนสนิทของพวกเขา เท่านั้นที่รู้ความจริง แต่ด้วยวัยเพียงสิบขวบ เมื่อห่าวเหาไม่ยอมปริปาก ทุกคนตัดสินใจที่จะไม่กดดันให้เขาต้องฟื้นความเจ็บปวดในการสูญเสียเพื่อนสนิทที่เห็นกันมาตั้งแต่เกิด แต่ความลับที่เก็บไว้นี้ กลับกลายเป็นคมมีดที่เสียบคาไว้ในใจและความสัมพันธ์ของทุกคนตลอดไป แม้ว่าเหยาจุนและลี่หยุนจะย้ายที่อยู่ รับเด็กมาอุปการะ ก็ไม่ได้ทำให้หัวใจของพวกเขากลับมาอบอุ่นได้เหมือนตอนลูกยังอยู่และมีเพื่อนที่รักรอบตัว ระหว่างทางทุกคนพยายามไปต่อให้ไหว ทำทุกอย่างทั้งพยายามปล่อยให้เวลาเยียวยา ปลดปล่อยความโกรธและความรู้สึกผิดไปกับเหล้าและเรื่องผิดศีลธรรม และแม้แต่หันหน้าพึ่งความตายเพื่อดับทุกข์
หนังมีความยาวสามชั่วโมงห้านาทีถ้วน OMG ไม่ได้ทำใจว่ามันจะยาวนานขนาดนี้ เข้าไปดูสองทุ่ม ออกมาห้าทุ่ม ถึงแม้จะเป็นหนังดราม่า แต่ก็ไม่ได้ดำเนินเรื่องอย่างหวือหวา มันก็จะเนือยๆหน่อย แต่แปลกมาก ไม่หลับเลย (สงสัยเพราะหิว) หนังทดแทนความหวือหวาของเนื้อเรื่องด้วยบรรยากาศสภาพความเป็นอยู่ของคนจีนชั้นแรงงานได้อย่างน่าสนใจ หนังเล่าเรื่องภาพรวมแบบมหภาคที่ฝ่ายรัฐบาลวาดภาพสร้างความเชื่อว่าทุกคนจะมั่งคั่ง อยู่ดีกินดี บ้านเมืองสวยงาม คู่ขนานไปกับความเป็นจริงของหน่วยสังคมจุลภาคที่หดหู่สิ้นหวังได้อย่างเจ็บแสบ รายละเอียดเหล่านี้ทำให้สามชั่วโมงไม่ใช่ปัญหาเลย เพลิน
การแสดงของนักแสดงหลักทุกคน ตั้งแต่สาวยันแก่ เสื้อผ้าหน้าผมเป็นธรรมชาติมากๆ เหมือนมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ โดยไม่ต้องพยายามอะไรเลย ความสนุกในการดูการแสดงของพวกเขาคือการได้เห็นพัฒนาการของตัวละครที่มีเหตุมีผลสมจริง ไม่มีอะไรมากน้อย พอดีไปหมด จากพ่อที่มองโลกในแง่ดีกลายเป็นคนติดเหล้าและมีชู้ จากผู้หญิงทำงานมีความมั่นใจกลายเป็นหญิงวัยกลางคนที่ต้องแบกปัญหาครอบครัวทั้งลูกหนีออกจากบ้านและความระแวงในสามีที่อาจจะนอกใจ การแสดงที่เป็นธรรมชาติของพวกเขาทำให้เราเชื่อในสถานการณ์ที่เป็นเรื่องเศร้าลึกลงไปเรื่อยๆได้อย่างไร้ข้อสงสัยใดๆ นักแสดงทุกคนเล่นดีจนไม่รู้สึกว่าใครเป็นตัวประกอบเลย แค่เด่นมากเด่นน้อยไปตามเนื้อเรื่อง
งานกำกับและถ่ายภาพก็ระดับชั้นครูจริงๆ ถึงแม้ว่าจะเน้นสถานที่และการถ่ายทำที่เป็นธรรมชาติ แต่มันก็สะท้อนสภาพความสิ้นหวังในจิตใจของตัวละครได้อย่างเด่นชัด ภาษาภาพชัดเจน ตอนจะสวยก็ต้องสวย ตอนจะให้เราตามไปดูเหตุการณ์อะไรที่จะเกิดผลบางอย่างก็ใช้การถ่ายแบบแฮนด์เฮลด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่น่ารำคาญ ภาษาหนัง สัญลักษณ์มาเต็ม ใครเป็นสายคิดลึก ดูได้สิบรอบก็ยังเห็นอะไรใหม่ๆ ขอยกตัวอย่างหนึ่งอัน คือเรื่องของอุโมงค์ หนังจงใจเลือกโลเคชั่นที่เป็นอุโมงค์ในหลายฉากที่ตัวละครต้องใช้อารมณ์ดราม่าเยอะๆ เหมือนการเดินผ่านไปในความมืด เหมือนชีวิตของพวกเขาที่ต้องเดินผ่านหนทางอันมืดมิดเพื่อออกไปสู่แสงสว่างอีกครั้ง
ในส่วนการเล่าเรื่อง ทั้งบทและการตัดต่อ ทำได้อย่างไม่มีที่ติ แม้จะเป็นหนังที่เล่าเรื่องสลับอดีตปัจจุบันในหลายช่วงเวลา หลายสถานที่ นอกจากจะไม่งงแล้ว ยังลำดับไดนามิกของเนื้อเรื่องได้อย่างน่าสนใจ ความลับที่เป็นเหมือนคลื่นใต้น้ำที่ผลักให้ตัวละครทำอะไรต่างๆ เมื่อถูกเปิดเผยออกมา ก็ทำได้อย่างนุ่มนวลในตอนจบที่แสนอบอุ่น มันเป็น combination ที่ OMG ไม่เคยเห็นในหนังฝรั่งนะ ถือว่าเป็นงานเอกลักษณ์ของหนังเอเชียยุคใหม่เลย
สรุป สนุกม้าก อยากดูอีกรอบ กลับออกมาแล้วยังคิดถึงเรื่องในหนังไปอีกหลากหลายมิติ อยากให้มีหนังแบบนี้ออกมาอีกเยอะไปซึ่งก็คงไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะได้ข่าวว่า So long, my son เป็นเพียงหนังเรื่องแรกของผู้กำกับ Wang Xiaoshuai ในโปรเจคไตรภาคชื่อ Homeland ของเขาเท่านั้น แทบจะรอดูเขาจิกกัดสังคมจีนยุคใหม่ไม่ไหวแล้วเนี่ย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ ดีกว่านอนอยู่บ้านแน่นอนครับ!
โฆษณา