Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
พุทธวจน (เปิดธรรมที่ถูกปิด)
•
ติดตาม
11 ต.ค. 2019 เวลา 22:31 • ปรัชญา
พุทธวจน (ธรรมะจากพระโอษฐ์)
"เทวทูตทั้งห้ากับความทุกข์ในนรก"
ภิกษุทั้งหลาย !
เปรียบเหมือนเรือนสองหลัง มีประตูตรงกัน
บุรุษผู้มีตาดี
ยืนอยู่ระหว่างกลางเรือนสองหลังนั้น
พึงเห็นมนุษย์กําลังเข้าเรือนบ้าง
กําลังออกจากเรือนบ้าง
กําลังเดินมาบ้าง กําลังเดินไปบ้าง ฉันใด
ภิกษุทั้งหลาย !
ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
เราย่อมมองเห็นหมู่สัตว์
กําลังจุติ กําลังอุบัติ เลว ประณีต
มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก
ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์
…
ย่อมทราบชัด
ซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรมได้ว่า
สัตว์ผู้กำลังเป็นอยู่เหล่านี้ ประกอบด้วย
กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต
ไม่ติเตียนพระอริยะ เป็นสัมมาทิฏฐิ
เชื่อมั่นกรรมด้วยอํานาจสัมมาทิฏฐิ
เมื่อตายไปแล้ว
เข้าถึงสุคติโลกสวรรค ก็มี
…
สัตว์ผู้กำลังเป็นอยู่เหล่านี้ ประกอบด้วย
กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต
ไม่ติเตียนพระอริยะ เป็นสัมมาทิฏฐิ
เชื่อมั่นกรรมด้วยอํานาจสัมมาทิฏฐิ
เมื่อตายไปแล้ว
บังเกิดในหมู่มนุษย์ ก็มี
…
สัตว์ผู้กำลังเป็นอยู่เหล่านี้ ประกอบด้วย
กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต
ติเตียนพระอริยะ เป็นมิจฉาทิฏฐิ
เชื่อมั่นกรรมด้วยอํานาจมิจฉาทิฏฐิ
เมื่อตายไปแล้ว
เข้าถึงเปรตวิสัย ก็มี
…
สัตว์ผู้กำลังเป็นอยู่เหล่านี้ ประกอบด้วย
กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต
ติเตียนพระอริยะ เป็นมิจฉาทิฏฐิ
เชื่อมั่นกรรมด้วยอํานาจมิจฉาทิฏฐิ
เมื่อตายไปแล้ว
เข้าถึงกําเนิดเดรัจฉาน ก็มี
…
สัตว์ผู้กำลังเป็นอยู่เหล่านี้ ประกอบด้วย
กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต
ติเตียนพระอริยะ เป็นมิจฉาทิฏฐิ
เชื่อมั่นกรรมด้วยอํานาจมิจฉาทิฏฐิ
เมื่อตายไปแล้ว
เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ก็มี
ภิกษุทั้งหลาย !
เหล่านายนิรยบาล จะจับสัตว์นั้น
ที่ส่วนต่าง ๆ ของแขน
ไปแสดงแก่พระยายมว่า
ข้าแต่พระองค์ !
บุรุษนี้ไม่ปฏิบัติชอบในมารดา
ไม่ปฏิบัติชอบในสมณะ
ไม่ปฏิบัติชอบในพราหมณ์
ไม่อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในสกุล
ขอพระองค์จงลงอาชญาแก่บุรุษนี้เถิด
…
ภิกษุทั้งหลาย !
พระยายมจะปลอบโยน เอาอกเอาใจ
ไต่ถามถึงเทวทูตที่หนึ่งกะสัตว์นั้นว่า
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านไม่ได้เห็นเทวทูตที่หนึ่ง
ปรากฏในหมู่มนุษย์หรือ ?
ข้าพเจ้าไม่เห็นเลย เจ้าข้า !
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านไม่ได้เห็นเด็กแดง ๆ ยังอ่อน
นอนหงายเปื้อนมูตรคูถของตน
อยู่ในหมู่มนุษย์หรือ ?
เห็น เจ้าข้า !
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านนั้นเมื่อรู้ความ มีสติ เป็นผู้ใหญ่
แล้วได้มีความคิดดังนี้บ้างไหมว่า
แม้ตัวเราแล
ก็มีความเกิดเป็นธรรมดา
ไม่ล่วงพ้นความเกิดไปได้
ควรที่เราจะทําความดี
ทางกาย ทางวาจา และทางใจ
ข้าพเจ้าไม่อาจ เจ้าข้า !
มัวประมาทเสีย เจ้าข้า !
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านไม่ได้ทําความดี
ทางกาย ทางวาจา และทางใจไว้
เพราะมัวประมาทเสีย ดังนั้น
เหล่านายนิรยบาลจักลงโทษ
โดยอาการที่ท่านประมาทแล้ว
…
ก็บาปกรรมนี้นั่นแล
ไม่ใช่มารดาทำให้ท่าน
ไม่ใช่บิดาทำให้ท่าน
ไม่ใช่พี่น้องชายทำให้ท่าน
ไม่ใช่พี่น้องหญิงทำให้ท่าน
ไม่ใช่มิตรอมาตย์ทำให้ท่าน
ไม่ใช่ญาติสาโลหิตทำให้ท่าน
ไม่ใช่สมณะและพราหมณ์ทำให้ท่าน
ไม่ใช่เทวดาทำให้ท่าน
ตัวท่านเองทำเข้าไว้
ท่านเท่านั้น จักเสวยวิบากของบาปกรรมนี้
ภิกษุทั้งหลาย !
พระยายมครั้นปลอบโยน เอาอกเอาใจ
ไต่ถามถึงเทวทูตที่หนึ่งกะสัตว์นั้นแล้ว
จึงปลอบโยน เอาอกเอาใจ
ไต่ถามถึงเทวทูตที่สองว่า
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านไม่ได้เห็นเทวทูตที่สอง
ปรากฏในหมู่มนุษย์หรือ ?
ข้าพเจ้าไม่เห็นเลย เจ้าข้า !
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านไม่ได้เห็นหญิงหรือชายมีอายุ ๘๐ ปี
๙๐ ปี ๑๐๐ ปีนับแต่เกิดมา
เป็นผู้ชรา ซี่โครงคด หลังงอ
ถือไม้เท้างกเงิ่น เดินไปกระสับกระส่าย
ล่วงวัยหนุ่มสาว ฟันหัก ผมหงอก หนังเหี่ยวย่น
ศีรษะล้าน ผิวตกกระ ในหมู่มนุษย์หรือ ?
เห็น เจ้าข้า !
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านนั้นเมื่อรู้ความ มีสติ เป็นผู้ใหญ่
แล้วได้มีความคิดดังนี้บ้างไหมว่า
แม้ตัวเราแล
ก็มีความแก่เป็นธรรมดา
ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้
ควรที่เราจะทําความดี
ทางกาย ทางวาจา และทางใจ
ข้าพเจ้าไม่อาจ เจ้าข้า !
มัวประมาทเสีย เจ้าข้า !
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านไม่ได้ทําความดี
ทางกาย ทางวาจา และทางใจไว้
เพราะมัวประมาทเสีย ดังนั้น
เหล่านายนิรยบาลจักลงโทษ
โดยอาการที่ท่านประมาทแล้ว
…
ก็บาปกรรมนี้นั่นแล
ไม่ใช่มารดาทำให้ท่าน
ไม่ใช่บิดาทำให้ท่าน
ไม่ใช่พี่น้องชายทำให้ท่าน
ไม่ใช่พี่น้องหญิงทำให้ท่าน
ไม่ใช่มิตรอมาตย์ทำให้ท่าน
ไม่ใช่ญาติสาโลหิตทำให้ท่าน
ไม่ใช่สมณะและพราหมณ์ทำให้ท่าน
ไม่ใช่เทวดาทำให้ท่าน
ตัวท่านเองทำเข้าไว้
ท่านเท่านั้น จักเสวยวิบากของบาปกรรมนี้
ภิกษุทั้งหลาย !
พระยายมครั้นปลอบโยน เอาอกเอาใจ
ไต่ถามถึงเทวทูตที่สองกะสัตว์นั้นแล้ว
จึงปลอบโยน เอาอกเอาใจ
ไต่ถามถึงเทวทูตที่สามว่า
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านไม่ได้เห็นเทวทูตที่สาม
ปรากฏในหมู่มนุษย์หรือ ?
ข้าพเจ้าไม่เห็นเลย เจ้าข้า !
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านไม่ได้เห็นหญิงหรือชาย ผู้ป่วยทนทุกข์
เป็นไข้หนัก นอนเปื้อนมูตรคูถของตน
มีคนอื่นคอยพยุงลุก พยุงเดิน ในหมู่มนุษย์หรือ ?
เห็น เจ้าข้า !
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านนั้นเมื่อรู้ความ มีสติ เป็นผู้ใหญ่
แล้วได้มีความคิดดังนี้บ้างไหมว่า
แม้ตัวเราแล
ก็มีความเจ็บป่วยเป็นธรรมดา
ไม่ล่วงพ้นความเจ็บป่วยไปได้
ควรที่เราจะทําความดี
ทางกาย ทางวาจา และทางใจ
ข้าพเจ้าไม่อาจ เจ้าข้า !
มัวประมาทเสีย เจ้าข้า !
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านไม่ได้ทําความดี
ทางกาย ทางวาจา และทางใจไว้
เพราะมัวประมาทเสีย ดังนั้น
เหล่านายนิรยบาลจักลงโทษ
โดยอาการที่ท่านประมาทแล้ว
…
ก็บาปกรรมนี้นั่นแล
ไม่ใช่มารดาทำให้ท่าน
ไม่ใช่บิดาทำให้ท่าน
ไม่ใช่พี่น้องชายทำให้ท่าน
ไม่ใช่พี่น้องหญิงทำให้ท่าน
ไม่ใช่มิตรอมาตย์ทำให้ท่าน
ไม่ใช่ญาติสาโลหิตทำให้ท่าน
ไม่ใช่สมณะและพราหมณ์ทำให้ท่าน
ไม่ใช่เทวดาทำให้ท่าน
ตัวท่านเองทำเข้าไว้
ท่านเท่านั้น จักเสวยวิบากของบาปกรรมนี้
ภิกษุทั้งหลาย !
พระยายมครั้นปลอบโยน เอาอกเอาใจ
ไต่ถามถึงเทวทูตที่สามกะสัตว์นั้นแล้ว
จึงปลอบโยน เอาอกเอาใจ
ไต่ถามถึงเทวทูตที่สี่ว่า
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านไม่ได้เห็นเทวทูตที่สี่
ปรากฏในหมู่มนุษย์หรือ ?
ข้าพเจ้าไม่เห็นเลย เจ้าข้า !
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านไม่ได้เห็นพระราชาทั้งหลายในหมู่มนุษย์
จับโจรผู้ประพฤติผิดมา
แล้วสั่งลงกรรมกรณ์ต่างชนิดบ้างหรือ ?
คือ โบยด้วยแส้บ้าง โบยด้วยหวายบ้าง
ตีด้วยตะบองสั้นบ้าง ตัดมือบ้าง
ตัดเท้าบ้าง ตัดทั้งมือทั้งเท้าบ้าง
ตัดหูบ้าง ตัดจมูกบ้าง ตัดทั้งหูทั้งจมูกบ้าง
ลงกรรมกรณ์วิธี หม้อเคี่ยวน้ำส้มบ้าง
ขอดสังข์บ้าง ปากราหูบ้าง
มาลัยไฟบ้าง คบมือบ้าง ริ้วส่ายบ้าง
นุ่งเปลือกไม้บ้าง ยืนกวางบ้าง
เกี่ยวเหยื่อเบ็ดบ้าง เหรียญกษาปณ์บ้าง
แปรงแสบบ้าง กางเวียนบ้าง ตั่งฟางบ้าง
ราดด้วยน้ำมันเดือด ๆ บ้าง ให้สุนัขทึ้งบ้าง
ให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็น ๆ บ้าง
ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง
เห็น เจ้าข้า !
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านนั้นเมื่อรู้ความ มีสติ เป็นผู้ใหญ่
แล้วได้มีความคิดดังนี้บ้างไหมว่า
สัตว์ที่ทำกรรมอันเป็นบาปไว้นั้น
ย่อมถูกลงกรรมกรณ์ต่างชนิด
เห็นปานนี้ในปัจจุบัน
จะป่วยกล่าวไปไยถึงชาติหน้า
ควรที่เราจะทำความดี
ทางกาย ทางวาจา และทางใจ
ข้าพเจ้าไม่อาจ เจ้าข้า !
มัวประมาทเสีย เจ้าข้า !
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านไม่ได้ทําความดี
ทางกาย ทางวาจา และทางใจไว้
เพราะมัวประมาทเสีย ดังนั้น
เหล่านายนิรยบาลจักลงโทษ
โดยอาการที่ท่านประมาทแล้ว
…
ก็บาปกรรมนี้นั่นแล
ไม่ใช่มารดาทำให้ท่าน
ไม่ใช่บิดาทำให้ท่าน
ไม่ใช่พี่น้องชายทำให้ท่าน
ไม่ใช่พี่น้องหญิงทำให้ท่าน
ไม่ใช่มิตรอมาตย์ทำให้ท่าน
ไม่ใช่ญาติสาโลหิตทำให้ท่าน
ไม่ใช่สมณะและพราหมณ์ทำให้ท่าน
ไม่ใช่เทวดาทำให้ท่าน
ตัวท่านเองทำเข้าไว้
ท่านเท่านั้น จักเสวยวิบากของบาปกรรมนี้
ภิกษุทั้งหลาย !
พระยายมครั้นปลอบโยน เอาอกเอาใจ
ไต่ถามถึงเทวทูตที่สี่กะสัตว์นั้นแล้ว
จึงปลอบโยน เอาอกเอาใจ
ไต่ถามถึงเทวทูตที่ห้าว่า
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านไม่ได้เห็นเทวทูตที่ห้า
ปรากฏในหมู่มนุษย์หรือ ?
ข้าพเจ้าไม่เห็นเลย เจ้าข้า !
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านไม่ได้เห็นหญิงหรือชายที่ตายแล้ว
วันหนึ่ง หรือสองวัน หรือสามวัน
ขึ้นพอง เขียวช้ำ มีน้ำเหลืองเยิ้ม
ในหมู่มนุษย์หรือ ?
เห็น เจ้าข้า !
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านนั้นเมื่อรู้ความ มีสติ เป็นผู้ใหญ่
แล้วได้มีความคิดดังนี้บ้างไหมว่า
แม้ตัวเราแล
ก็มีความตายเป็นธรรมดา
ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้
ควรที่เราจะทําความดี
ทางกาย ทางวาจา และทางใจ
ข้าพเจ้าไม่อาจ เจ้าข้า !
มัวประมาทเสีย เจ้าข้า !
พ่อมหาจำเริญ !
ท่านไม่ได้ทําความดี
ทางกาย ทางวาจา และทางใจไว้
เพราะมัวประมาทเสีย ดังนั้น
เหล่านายนิรยบาลจักลงโทษ
โดยอาการที่ท่านประมาทแล้ว
…
ก็บาปกรรมนี้นั่นแล
ไม่ใช่มารดาทำให้ท่าน
ไม่ใช่บิดาทำให้ท่าน
ไม่ใช่พี่น้องชายทำให้ท่าน
ไม่ใช่พี่น้องหญิงทำให้ท่าน
ไม่ใช่มิตรอมาตย์ทำให้ท่าน
ไม่ใช่ญาติสาโลหิตทำให้ท่าน
ไม่ใช่สมณะและพราหมณ์ทำให้ท่าน
ไม่ใช่เทวดาทำให้ท่าน
ตัวท่านเองทำเข้าไว้
ท่านเท่านั้น จักเสวยวิบากของบาปกรรมนี้
ภิกษุทั้งหลาย !
พระยายมครั้นปลอบโยน เอาอกเอาใจ
ไต่ถามถึงเทวทูตที่ห้ากะสัตวนั้น
แล้วก็ทรงนิ่งอยู่
…
ภิกษุทั้งหลาย !
เหล่านายนิรยบาลจะให้สัตว์นั้น
กระทําเหตุชื่อการจําห้าประการ คือ
ตรึงตะปูเหล็กแดง
ที่มือข้างที่หนึ่ง ข้างที่สอง
ที่เท้าข้างที่หนึ่ง ข้างที่สอง
และที่ทรวงอกตรงกลาง
สัตวนั้นจะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า
เจ็บแสบอยู่ในนรกนั้น และยังไม่ตาย
ตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
ภิกษุทั้งหลาย !
เหล่านิรยบาลจะจับสัตว์นั้น ขึงพืดแล้วเอาผึ่งถาก
สัตวนั้นจะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า
เจ็บแสบอยู่ในนรกนั้น และยังไม่ตาย
ตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
ภิกษุทั้งหลาย !
เหล่านิรยบาลจะจับสัตว์นั้น เอาเท้าขึ้นข้างบน
เอาหัวลงข้างล่างแล้วถากด้วยพร้า
สัตวนั้นจะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า
เจ็บแสบอยู่ในนรกนั้น และยังไม่ตาย
ตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
ภิกษุทั้งหลาย !
เหล่านิรยบาลจะเอาสัตว์นั้น เทียมรถ
แล้วให้วิ่งกลับไปกลับมา
บนแผ่นดินที่มีไฟติดทั่ว ลุกโพลงโชติช่วง
สัตวนั้นจะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า
เจ็บแสบอยู่ในนรกนั้น และยังไม่ตาย
ตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
ภิกษุทั้งหลาย !
เหล่านิรยบาลจะให้สัตว์นั้น ปีนขึ้นปีนลง
ซึ่งภูเขาถ่านเพลิงลูกใหญ่
ที่มีไฟติดทั่ว ลุกโพลงโชติช่วง
สัตวนั้นจะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า
เจ็บแสบอยู่ในนรกนั้น และยังไม่ตาย
ตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
ภิกษุทั้งหลาย !
เหล่านิรยบาลจะจับสัตว์นั้น เอาเท้าขึ้นข้างบน
เอาหัวลงข้างล่าง แล้วพุ่งลงไปในหม้อทองแดง
ที่มีไฟติดทั่ว ลุกโพลงโชติช่วง
สัตว์นั้นจะเดือดพล่านเป็นฟอง
อยู่ในหม้อทองแดงนั้น
เขาเมื่อเดือดเป็นฟองอยู่
จะพล่านขึ้นข้างบนครั้งหนึ่งบ้าง
พล่านลงข้างล่างครั้งหนึ่งบ้าง
พล่านไปด้านขวางครั้งหนึ่งบ้าง
สัตวนั้นจะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า
เจ็บแสบอยู่ในหม้อทองแดงนั้น
และยังไม่ตาย ตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
ภิกษุทั้งหลาย !
เหล่านิรยบาล จะโยนสัตวนั้นเข้าไปในมหานรก
ก็มหานรกนั้นแล
มีสี่มุม สี่ประตู แบ่งไว้โดยส่วนเท่ากัน
มีกำแพงเหล็กล้อมรอบ ครอบไว้ด้วยแผ่นเหล็ก
พื้นของมหานรกล้วนเต็มไปด้วยเหล็กลุกโพลง
แผ่ไปตลอดร้อยโยชน์รอบด้าน ตั้งอยู่ทุกเมื่อ
…
ภิกษุทั้งหลาย !
และมหานรกนั้นมีเปลวไฟ
พลุ่งจากฝาด้านหน้า จดฝาด้านหลัง
พลุ่งจากฝาด้านหลัง จดฝาด้านหน้า
พลุ่งจากฝาด้านเหนือ จดฝาด้านใต้
พลุ่งจากฝาด้านใต้ จดฝาด้านเหนือ
พลุ่งขึ้นจากข้างล่างจดข้างบน
พลุ่งจากข้างบนจดข้างล่าง
สัตวนั้นจะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า
เจ็บแสบอยู่ในมหานรกนั้น และยังไม่ตาย
ตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
ภิกษุทั้งหลาย !
ย่อมมีสมัยที่ในบางครั้งบางคราว
โดยล่วงระยะกาลนาน
ประตูด้านหน้าของมหานรกเปิด
ประตูด้านหลังของมหานรกเปิด
ประตูด้านเหนือเปิด ประตูด้านใต้เปิด
สัตว์นั้นจะรีบวิ่งไปยังประตูนั้นโดยเร็ว
และย่อมถูกไฟไหม้ผิว ไหม้หนัง ไหมเนื้อ
ไหม้เอ็น แม้กระดูกทั้งหลายก็เป็นควันตลบ
แต่อวัยวะที่สัตว์นั้นยกขึ้น
แล้วจะกลับคืนรูปเดิมทันที
และในขณะที่สัตว์นั้น
ใกล้จะถึงประตู ประตูนั้นจะปิด
สัตว์นั่นย่อมเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า
เจ็บแสบอยู่ในมหานรกนั้น และยังไม่ตาย
ตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
ภิกษุทั้งหลาย !
ย่อมมีสมัยที่ในบางครั้งบางคราว
โดยล่วงระยะกาลนาน
ประตูด้านหน้าของมหานรกเปิด
สัตว์นั้นจะรีบวิ่งไปยังประตูนั้นโดยเร็ว
และย่อมถูกไฟไหม้ผิว ไหม้หนัง ไหมเนื้อ
ไหม้เอ็น แม้กระดูกทั้งหลายก็เป็นควันตลบ
แต่อวัยวะที่สัตว์นั้นยกขึ้น
แล้วจะกลับคืนรูปเดิมทันที
สัตว์นั้นจะออกทางประตูนั้นได้
แต่ว่ามหานรกนั้นแล
มีนรกเต็มด้วยคูถใหญ่ประกอบอยู่รอบด้าน
สัตว์นั้นจะตกลงในนรกคูถนั้น
และในนรกคูถนั้นแล มีหมู่สัตว์ปากดังเข็ม
คอยเฉือดเฉือนผิว แล้วเฉือดเฉือนหนัง
แล้วเฉือดเฉือนเนื้อ แล้วเฉือดเฉือนเอ็น
แล้วเฉือดเฉือนกระดูก แล้วกินเยื่อในกระดูก
สัตว์นั้นย่อมเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า
เจ็บแสบอยู่ในนรกคูถนั้น และยังไม่ตาย
ตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
ภิกษุทั้งหลาย !
และนรกคูถนั้น มีนรกเต็มด้วยเถ้ารึงใหญ่
ประกอบอยู่รอบด้าน
สัตว์นั้นจะตกลงไปในนรกเถ้ารึงนั้น
สัตว์นั้นย่อมเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า
เจ็บแสบอยู่ในนรกเถ้ารึงนั้น และยังไม่ตาย
ตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
ภิกษุทั้งหลาย !
และนรกเถ้ารึงนั้น
มีป่างิ้วใหญ่ประกอบอยู่รอบด้าน
ต้นสูงชลูดขึ้นไปโยชน์หนึ่ง
มีหนามยาวสิบหกองคุลี
มีไฟติดทั่ว ลุกโพลงโชติช่วง
เหล่านายนิรยบาล
จะบังคับให้สัตว์นั้น ขึ้น ๆ ลง ๆ ที่ต้นงิ้วนั้น
สัตว์นั้นย่อมเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า
เจ็บแสบอยู่ที่ต้นงิ้วนั้น และยังไม่ตาย
ตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
ภิกษุทั้งหลาย !
และป่างิ้วนั้น มีป่าต้นไม้ใบเป็นดาบใหญ่
ประกอบอยู่รอบด้าน
สัตว์นั้นจะเข้าไปในป่านั้น จะถูกใบไม้ที่ลมพัด
ตัดมือบ้าง ตัดเท้าบ้าง ตัดทั้งมือและเท้าบ้าง
ตัดใบหูบ้าง ตัดจมูกบ้าง ตัดทั้งใบหูและจมูกบ้าง
สัตว์นั้นย่อมเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า
เจ็บแสบอยู่ที่ป่าต้นไม้มีใบเป็นดาบนั้น
และยังไม่ตาย ตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
ภิกษุทั้งหลาย !
และป่าต้นไม้มีใบเป็นดาบนั้น
มีแม่น้ำใหญ่ น้ำเป็นด่างประกอบอยู่รอบด้าน
สัตว์นั้นจะตกลงไปในแม่น้ำนั้น
จะลอยอยู่ในแม่นั้น ตามกระแสบ้าง
ทวนกระแสบ้าง ทั้งตามและทวนกระแสบ้าง
สัตว์นั้นย่อมเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า
เจ็บแสบอยู่ในแม่น้ำนั้น และยังไม่ตาย
ตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
ภิกษุทั้งหลาย !
เหล่านายนิรยบาล พากันเอาเบ็ดเกี่ยวสัตว์นั้น
ขึ้นวางบนบก แล้วกล่าวอย่างนี้ว่า
พ่อมหาจำเริญ !
เจ้าต้องการอะไร ?
ข้าพเจ้าหิว เจ้าข้า !
เหล่านายนิรยบาล
จึงเอาขอเหล็กร้อนมีไฟติดทั่ว
ลุกโพลงโชติช่วง เปิดปากออก
แล้วใส่ก้อนโลหะร้อนมีไฟติดทั่ว
ลุกโพลงโชติช่วง เข้าในปาก
ก้อนโลหะนั้น จะไหม้ริมฝีปากบ้าง
ไหม้ปากบ้าง ไหม้คอบ้าง
ไหม้ท้องบ้างของสัตว์นั้น
และพาเอาไส้ใหญ่บ้าง ไส้น้อยมาก
ออกมาทางส่วนเบื้องล่าง
สัตว์นั้นย่อมเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า
เจ็บแสบอยู่ ณ ที่นั้น และยังไม่ตาย
ตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
ภิกษุทั้งหลาย !
เหล่านายนิรยบาล กล่าวกะสัตว์นั้นอย่างนี้ว่า
พ่อมหาจำเริญ !
เจ้าต้องการอะไร ?
ข้าพเจ้าหิว เจ้าข้า !
เหล่านายนิรยบาล
จึงเอาขอเหล็กร้อนมีไฟติดทั่ว
ลุกโพลงโชติช่วง เปิดปากออก
แล้วเอานํ้าทองแดงร้อนมีไฟติดทั่ว
ลุกโพลงโชติช่วง กรอกเข้าไปในปาก
น้ำทองแดงนั้น จะไหม้ริมฝีปากบ้าง
ไหม้คอบ้าง ไหม้ท้องบ้างของสัตว์นั้น
และพาเอาไส้ใหญ่บ้าง ไส้น้อยบ้าง
ออกมาทางส่วนเบื้องล่าง
สัตวนั้นย่อมเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า
เจ็บแสบอยู่ ณ ที่นั้น และยังไม่ตาย
ตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
…
ภิกษุทั้งหลาย !
เหล่านายนิรยบาล
จะโยนสัตวนั้นเข้าไปในมหานรกอีก
ภิกษุทั้งหลาย !
เรื่องเคยมีมาแล้ว
พระยายมได้มีความดําริอย่างนี้ว่า
พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย !
เป็นอันว่าเหล่าสัตว์ทำกรรมอันเป็นบาปไว้ในโลก
ย่อมถูกนายนิรยบาล ลงกรรมกรณ์ต่างชนิด
เห็นปานนี้
โอหนอ !
ขอเราพึงได้ความเป็นมนุษย์
ขอตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ
พึงเสด็จอุบัติขึ้นในโลก
ขอเราพึงได้นั่งใกล้
พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
ขอพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
พึงทรงแสดงธรรมแก่เรา
และขอเราพึงรู้ทั่วถึงธรรม
ของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเถิด
…
ภิกษุทั้งหลาย !
ก็เรื่องนั้นเรามิได้ฟังต่อสมณะ
หรือพราหมณอื่น ๆ แล้วจึงบอก
เราบอกเรื่องที่รู้เอง
เห็นเอง ปรากฏเองทั้งนั้น
นรชนเหล่าใดยังเป็นมาณพ
อันเทวทูตตักเตือนแล้วประมาทอยู่
นรชนเหล่านั้นจะเข้าถึงหมู่สัตว์อันเลว
ถึงความเศร้าโศกสิ้นกาลนาน
ส่วนนรชนเหล่าใด
เป็นสัตบุรุษผู้สงบระงับในโลกนี้
อันเทวทูตตักเตือนแล้ว
ย่อมไม่ประมาทในธรรมของพระอริยะ
ในกาลไหน ๆ
เห็นภัยในความถือมั่น
อันเป็นเหตุแห่งชาติและมรณะ แล้วไม่ถือมั่น
หลุดพ้นในธรรม เป็นที่สิ้นชาติและมรณะได้
นรชนเหล่านั้น เป็นผู้ถึงความเกษม มีสุข
ดับสนิทในปัจจุบัน ล่วงเวรและภัยทั้งปวง
และเขาไปล่วงทุกข์ทั้งปวงได้
( บาลี – อุปริ. ม. ๑๔/๓๓๔-๓๔๖/๕๐๔-๕๒๕ )
1 บันทึก
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
"พุทธวจน" (ธรรมะจากพระโอษฐ์)
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย