12 ต.ค. 2019 เวลา 23:00
✍เรื่องสั้นคั่นเวลา
บทความตอนพิเศษ
บันทึกเรื่องเล่า...ไปงานของพ่อ
ความคิดถึงมันทนไม่ไหว
จึงรวบรวมจดบันทึกไว้....
.....ฉันไปงานของพ่อ....
ตอน..สัจจะสัญญา
๒๓ตค.๒๕๖๐
"เก็บเสื้อผ้ายังไม่เสร็จอีกรึ" พี่สาวถามขณะที่ผมกำลังง่วนกับการรื้อเสื้อผ้าเข้าออก
คงเห็นผู้เป็นน้องชายเตรียมตัวเดินทางไปงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงในหลวงรัชกาลที่๙ในวันรุ่ง ตั้งแต่เย็นนี่ก็ปาเข้าไปเกือบสองยามแล้วกระมัง
"ยังเลย" ชายหนุ่มตอบระคนหงุดหงิด ด้วยความที่ไม่เคยชินที่จะต้องแต่งตัวไปงานที่เป็นทางการ และต้องเจอคนหมู่มาก ตามภาษาคนรักอิสระทำให้เจ้าตัวรู้สึกอึดอัดใจเป็นกำลัง
ต้องแต่งชุดดำให้เรียบร้อย เสื้อเชิ้ตดำ กางเกงสุภาพดำ รองเท้าดำ กระเป๋าดำ ทุกอย่างต้องดำ ยกเว้นตัวมรึงดำอยู่แล้ว เพื่อนที่พระนครแจ้งมา
"..ต้องต่อแถว วันที่๒๔ตค. ก่อน๕ทุ่ม เขาต้องตรวจสภาพเมิงก่อนเข้าสนามหลวง ใช้เวลาเท่าไรกุบอกไม่ได้ และ...และ...อย่าคาดหวังจะได้เข้าไปถ้าเต็มเพราะแถวยาวม้ากก ..." ผู้เชี่ยวชาญซึ่งก็ไอ่คนเดิมนั่นแหละกล่าว
" อ้าว!..แล้ววันที่ ๒๕ กุจะทำอะไร"
" อ๋อ...นั่งจอง"
"..........ห่ะ"
"และ..นอนจอง"
"...........ห่ะ"
"..อ้อ...สำคัญ ลืมบอก น้ำมีไว้จิบ เอาของขบเคี้ยวไปเล็กน้อยอย่าเยอะ กันปวดฉี่และปวดอี้ "
"...หาาาา...."
คราวนี้ผมห่ะยาว นี่มันแคมป์x-facterชัดชัด นั่งทั้งวันทั้งคืน ถ้าออกไปจากงานก็ใช่จะมีสิทธิ์ที่จะเข้ามาใหม่ แล้วไอ่คุณเพื่อนจะจองโรงแรมเพื่อ... ผมบ่นในใจเล็กๆและเริ่มลังเลที่จะไป เพื่อนพระนครคงรู้ทันสวนเข้ามาในสายทันที
"ก็คิดว่าไปโอกินาวาสิ555" แหม่..กระตุ้นเตือนความทรงจำของผม ที่มัวแต่ผจญภัยจนลืมกินข้าวเที่ยงและเย็นต้องระเห็จมาพึ่งลาบส้มตำที่เมืองไทยตอนตีสองกว่าๆกับเพื่อนที่ไปรับที่สนามบิน...ก็ไอ่เพื่อนคนเดิมนี่แหละ😁
แต่ด้วย..สัญญาที่อบอวลด้วยความรักกับคนบนฟ้า อยากไปส่งท่านในวันสุดท้ายของสรีระสังขาร...ไม่มีข้อแม้ข้ออ้างใดๆ....ว่าแล้วผมก็จัดเสื้อผ้าที่ไม่เคยถูกเตารีดมาเนิ่นนาน ยัดเข้ากระเป๋าอีกครา
อืม..สัจจะสัญญา ความตั้งใจเบื้องแรก มักถูกบิดเบือนด้วยกาลเวลาและความโลเลในใจ...หนุ่มรำพึง
*๒๔/๑๐/๒๕๖๐ :๒๑..๒๐ น. ฝนตกหนักทั่วพระนคร....แต็ก...เเต็ก..เสียงแป้นพิมพ์..เอ่อ..ไม่ใช่พิมพ์ดีด..แต่เป็นแป้นมือถือ😅😅
๒๕ตค.๒๕๖๐
๐๔.๔๙น.ถึงเรียบคลองหลอด..เขตพระนคร..
...ถ้าได้เข้างานเข้าวันนี้งานออกอีกที๒๗ตค๒๕๖๐...
๘.๑๗ นาฬิกา
.........รอ.......
๑๓.๕๕น.
ผ่านจุดคัดกรองเข้าสนามหลวงจากที่ไม่มีวี่แวว จะได้เข้าเนื่องจากข้างในเต็ม ลุ้นกับกลุ่มก้อนสุดท้ายอีกกว่าร้อยชีวิตที่ร่วมอุดมการณ์รอคอยซึ่งมีผมอยู่ในนั้น จุดคัดกรองสุดท้ายไม่ปล่อยให้เข้าไปในงาน
รอตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าที่กลุ่มก้อนแรกเข้าไป รอร่วม๖ชม. จึงมีข่าวดี สิริแล้วรวมกว่า๑๐ชม. ทดสอบความอดทน นั้งสงบเสงี่ยมเจียมตัว
แล้วการทดสอบสัมฤทธิ์ผล...ผ่าน ได้ไปต่อ
จากแดดที่เปรี้ยง กลับครึ้มฝนโปรยปรายบางเบา ในที่สุดผมก็ได้ผ่านเข้าไปในบริเวณงานราชพิธี จากนั่งข้างคลองหลอด ผ่านจุดคัดกรองไปได้ที่นั่ง บริเวณอนุสาวรีย์ พระแม่ธรณีบีงมวยผมซึ่งเป็นบริเวณชั้นนอก
ขอบคุณครับ..ขอบคุณ..สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างด้วยหัวใจ
๑๗.๐๕น.
บริเวณพระแม่ธรณีบีบมวยผม
๑๙.๒๕น.
มหกรรมนอนหมู่
นี่พี่ นี่น้อง
นั่นลุงนั่นป้า
นู่นตา นู่นยาย
ญาติกันทั้งนั้น
นานๆรวมญาติที..อบอุ่นดียุงไม่รังควาน
เพราะ..เรากลิ่นเดียวกัน..คนไม่อาบน้ำ..โย่วโย่ว
๒๐.๑๒น.
พยัพหมอกเต็มทั่วบริเวณ
สุดบรรยายด้วยภาพ
๒๑.๓๙ น.
เป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมอย่างหาที่สุดมิได้ ในหลวงรัชกาลที่๑๐
ได้ทรงให้พสกนิกร ได้ใกล้ชิดกับพระราชพิธีมากขึ้น เจ้าหน้าที่ได้ย้ายกลุ่มก้อนที่นั่งบริเวณอนุสาวรีย์พระแม่ธรณีบีบมวยผม เข้าไปในพระราชพิธีชั้นใน ต่อหน้าพระบรมโกศ
....ครั้งนี้มีเหตุอัศจรรย์หลายอย่างตั้งแต่เริ่มเดินทางมาจนผมมานั่งอยู่อยู่เบื้องหน้า.....
พระเมรุ....จากคนที่เกือบหมดหวังที่จะได้เข้า..จนได้เข้า ขอบคุณที่จัดสรรให้นั่งที่ไม่คิดว่าจะได้เรียกเข้าในงาน
และตอนนี้จากที่นั่งหน้าพระแม่ธรณีบีบมวยผมกลับมานั่งด้านใน นั่งต่อหน้าที่อยู่พระสรีระสังขารของพ่อ
ที่ถูกลักพระศพตั้งแต่คืนวานมาสู่พระเมรุ...
ขอบคุณอะไรก็ตามที่จัดสรร..ของคุณอะไรที่
บันดาล..ขอบคุณและขอบคุณ
๒๖ตค.๒๕๖๐
๐๔.๐๐น.
หมอกคลุมทั่วลานราชพิธีตั้งแต่เมื่อคืน
มีเวลาทั้งคืนดูพระเมรุ...แต่เช้าเร็วไป
๐๕.๒๙ น.
.. มองพระเมรุพระเจ้าอยู่หัวร.๙...ผมไม่รู้ว่า
นานเท่าไรที่ผมมองอย่างตั้งใจ แรกก็ชื่นชมความวิจิตร
ระคนภูมิใจในสิ่งที่เห็น...
นานเข้าสายตาผมเริ่มพร่ามัว...
ผมเริ่มไม่เห็นความงดงามของพระเมรุ...
ภาพ..ทีวีจอนูนภาพขาวดำดูจะทันสมัยที่สุดในยุคนั้น
เด่นขึ้นมาในห้วงคำนึง และแน่นอนมันไม่ใช่ของบ้านผม
ยายตาดูข่าวพระเจ้าอยู่หัว อย่างผมก็การ์ตูน
หลังข่าวพระราชสำนักและละครที่เป็นที่ชื่นชอบ
ของคนในบ้านผู้เป็นเจ้าของและ...และคนข้างบ้านอย่างผม
..มันน่าเบื่อสำหรับผม ที่เห็นผู้ชายคนหนึ่งออกไป
ทำนู่นนี่นั่นซ้ำๆกับกลุ่มคนใหม่ๆ บางครั้งเมียก็ไป
บางครั้งลูกก็ไป แถมไปกับยายแก่ๆที่เรียกว่าสมเด็จย่า
เห็นทีไรก็ลงจากไอ้แมงปอที่เรียกว่าคอปเตอร์ที่
ฝุ่นตลบทุกทีเวลาเครื่องร่อนลง จั๊กจะไปทำไมกันดาร
ถ้าเป็นไปได้ อย่าให้ผมเกิดเป็น
ลูกของผู้ชายในทีวีที่ยายเรียกว่าในหลวง ลำบากเกิ้น
ยายแกสรรเสริญเสียจริง "อูยน่อ วันนี้ไปใหน ดีแท้
ดีแท้" ผมก็ไม่ได้คัดค้านแต่ก็ดูด้วยและภาวนาให้รีบจบ
...คราวนี้เบื้องหน้าคือ ที่ที่ ผู้ชายที่เราเคย
บ่นให้ แทนภาพขาวดำมันย้อนเข้ามาใน
มโนสำนึก ....ฉิบหายไอ่กรู
...มัน..มันน้ำตามันก็ไหล..คิดถึงจัง
คิดถึงจังครับในหลวง...คนบนฟ้า
..ตีสามสามสิบเก้านาทีเสียงบรรเลงวงดุริยางค์
เริ่มซ้อม..
..ผู้คนเริ่มตื่นจากการการหลับไหล
...โฆษกเริ่มทดสอบเสียง...
 
....1..2..3..น้ำตาผมก็ถึงกาลพรั่งพรู..
.
.
.
.
....ขอกราบลาฝ่าพระบาท....ครั้งสุดท้าย
๒๗ตค๒๕๖๐
วันถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่๙
....กล้ามเนื้อใบหน้าที่สั่นพริ้ว
ผู้เจ้าของพยายามข่มไว้
แต่กลับควบคุมไม่ได้
ก้มลงกราบและเงยมองพระบรมโกฏที่สถิตย์
บนยานมาศที่เลี้ยวเข้ามาและหยุดเบื้องหน้า
ที่ห่างไม่ใกล้ไม่ไกล
ก็รู้ว่าในนั้นไม่มีอะไร ....
เรารู้ว่าท่านอยู่ที่นี่ก่อนหน้านั้น และเราก็เป็นจำนวนในหลายๆคนที่เฝ้ามองนอนมองคลอเคลียกับพระเมรุ
เบื้องหน้า รู้ว่าลักพระศพพระองค์ท่านมาแล้วตั้งแต่
คืนวาน ดีใจไม่น้อยที่ได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านทั้งวันคืน
เราและเพื่อนนั่งตรงจุดกึ่งกลางงานราชพิธี หากเงยหน้า
พระเมรุอยู่ตรงหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย มันแจ่มชัดในตาเนื้อเหลือเกิน
......แต่เหตุที่ทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถควบคุมได้ดั่งใจ สายน้ำตาหลั่ง อั้นไม่ได้สู้ไม่ไหว
เมื่อระลึกสิ่งที่ท่านกำลังสอนและปรากฏการณ์ตลอดเวลาที่เราได้เห็นและรับรู้ความปีติจึงยับยั้งไม่ได้
ท่านคือตัวอย่างพระโพธิสัตว์ ธรรมชาติพระโพธิสัตว์
การไปการมาของพระโพธิสัตว์ ถ้าใครปราถนา
หรือกระทำแล้วซึ่งพระโพธิสัตว์ ธรรมชาติที่ใคร
มองว่าแปลก พิสดาร ปฏิหารย์ แต่แท้จริงมันคือธรรมดา
ธรรมชาติที่จะเกิดในเฉพาะในผู้ที่มีบุญญามาก...
ขอบคุณอะไรก็ตามที่คลายความสงสัยของ
เราที่ยังโง่ ศัทธาน้อยอยู่ ความเคลือบแคลงสงสัยมีอยู่ มันแทงใจจุกเข้าไปในลำคอ
กล้ามเนื้อสั่น...
จนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ...
ปล่อยให้ไหล ไม่ได้เสียใจที่จากไป
แต่ดีใจที่....ก่อนไป ท่านก็ยังมีน้ำพระราชหฤทัยสั่งสอน
ด้วยการเป็นตัวอย่างให้ดู......ใครๆก็เป็นได้ใครๆ
ก็ทำได้ ถ้าปราถนาและดำเนินตามมรรคาแห่งโพธิสัตว์
ผู้ปราถนาโพธิญาณ พระพุทธเจ้าในอนาคตกาลเบื้องหน้า
.....น้ำพระทัยพระมหาสัตว์..โพธิสัตว์มหาสาล
๑๙.๔๖น.
วันนี้งานราชพิธีเห็นทุกอย่างด้วยตา
สัมผัสได้ดวยใจ
เหนื่อยล้ากว่าขึ้นภูกระดึงหรือที่ไหนๆ
แต่ผมขอเมมโมรี่เก็บไว้ในส่วนลึกของใจ
ไม่ขอเปิดเผยให้ใครได้เยี่ยมชม
จะต้องเกิดอีกกี่ชาติจึงจะมีโอกาส
ส่งมหาโพธิสัตว์กลับสวรรค์
ขออภัยไม่มีภาพประกอบ
เพราะไม่มีภาพใดสะท้อน ความรู้สึกนี้ได้
รวมเหตุการณ์อัศจรรย์ในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ
๑.ช่วงที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพ มีนกสีขาว๙ตัว บนวนพระเมรุแล้วหายไป
ต่อมาปรากฏนกสีขาว12ตัว(เพื่อนนับ) บินมาอีกครั้ง
และสุดท้ายนกสีขาว6ตัว บินมารอบพระราชพิธี ชั่วพริบตาเดียว ฝูงนกหายไป
ขณะเดียวกันปรากฏลำแสงพุ่งจากยอดพระเมรุสู่ท้องฟ้า
๒.หมอกทุมเกศเกิดทั่วบริเวณ ตั้งแต่วันที่๒๕ตค.๖๐
๓.ฟ้าเปิดแดดเปรี้ยง ฝนเม็ดขนาดใหญ่เหมือนนิ้วที่ดีดน้ำกระเซ็นออกมา ถ้าเรียกว่าฝนคงไม่ใช่เหมือนพระพรมน้ำมนต์มากกว่าขณะอันเชิญพระบรมโกฎขึ้นพระเมรุ วันที่๒๖ตค.๖๐
๔.หลังอัณเชิญพระบรมโกฎเสร็จสิ้น พักหนึ่งฝนตกขนาดใหญ่ไม่มีสัญญาณใดๆ และหยุดดื้อๆเม็ดฝนหายไปเฉยๆ ล้างพื้นที่ร้อนจัดกลับเย็นมาทันที
๒๗ตค.๒๕๖๐
๐๑.๑๐น.
ยืนคนเดียวมองไปรายรอบ พระเมรุที่มีคว้นพวยพุ่ง
ผู้คนมากมายรายร บกาย นั่งบ้าง นอนบ้าง เดินบ้าง
ชมมรหรสพออกพระเมรุ ที่มีให้เลือกชม๓เวที
ผมไม่เคยคิเว่า
จะย้อนความรู้สึกความเป็นไทยในอดีตได้ถึงขนาดนี้
น้ำตาเจ้ากรรมดันซึมมาอีกครั้ง
ทำไมอ้างว้างจัง....
๑๕.๑๒น.
เช้าเช้า
บรรยากาศวันเก็บพระบรมอัฐิและพระสรีรังคาร
สุดท้ายนี้นอกจากงานราชพิธีแล้ว
ยังมีแม่ลูกคู่หนึ่งที่นั่งข้างผมตลอดวันงาน
ที่กระทุ้งน้ำตาภายในให้ไหล
ไม่อาจกลั้น พรั่งพรูเป็นบทกลอน ดังว่า
...แม่หอบลูกที่ตกตึก นั่งเคียงข้าง
ลูกของนางอิดโรยกลางแดดเผา
นางจากบ้านจากเรือนจากลำเนา
อุ้มน้องเจ้าเข้างานองค์ภูมินทร์
....เสียงสะอื้นแม่บอกลูกพ่อไปแล้ว
กราบสาแก้วลูกร่ำไห้ใจถวิลย์
คนนั่งข้างน้ำตาไหลหลั่งริน
ด้วยได้ยินคำลิ้นอย่างสิ้นอาย
ขบถ~ยาตรา....

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา