15 ต.ค. 2019 เวลา 08:30 • ไลฟ์สไตล์
#ครอบครัวของผม
​ผมเป็นเด็กกำพร้า แม่ของผมเสียตั้งแต่ผมยังอายุได้เพียงสองขวบ ส่วนพ่อของผมก็หนีไปมีผู้หญิงคนอื่น ทิ้งให้แม่ตั้งท้องและคลอดผมเพียงลำพัง หลังจากเสียแม่ไป ผมก็อยู่ตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ชีวิตผมต้องหากินอยู่กับกองขยะ นอนหลบแดดหลบฝนอยู่ในสวนสาธารณะ
ทุกๆวัน ผมต้องคอยวิ่งหนีคุณลุงใจร้ายเจ้าของร้านอาหาร ที่มักจะถือไม้เรียวไว้ไล่ตีผมเวลาที่ผมมาคุ้ยขยะหาอาหารเหลือที่หน้าร้าน บางครั้งผมก็วิ่งหนีทันบ้าง ไม่ทันบ้าง แต่ครั้งนี้คงถึงคราวเคราะห์ร้ายของผมที่วิ่งหนีไม่ทันจนโดนตีเข้าที่ขาและกลางลำตัวอย่างจัง ผมทำอะไรไม่ได้ มีแต่ร้องครางออกมาเบาๆหวังให้คนที่เดินผ่านไปมาช่วย
ถึงแม้จะร้องนานแค่ไหนก็ไม่มีคนผ่านมาแถวนี้สักคน เลือดไหลออกจากบาดแผลที่เปิดเลอะเต็มตัวผมไปหมด ช่วงเวลานี้ผมคิดถึงแม่มาก แม่จ๋า ทำไมไม่มารับผมไปด้วย ทำไมทิ้งผมไว้คนเดียว แม่จ๋า ผมคิดถึงแม่เหลือเกิน ในขณะที่หนังตาอันหนักอึ้งของผมกำลังจะปิดลง ผมก็เห็นเงาของคนสองคนมายืนตรงหน้าผม และหลังจากนั้นผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
​“คุณคะ คุณว่าแกจะรอดไหมคะ” ผมได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับจะร้องไห้
​“คุณไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้เขาอยู่ในมือหมอแล้ว ไม่ว่าอย่างไรหมอก็ต้องช่วยให้เขารอดให้ได้” และก็ยังได้ยินเสียงผู้ชายพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นด้วยความเชื่อใจหมอเต็มที่ จากนั้นผมก็หลับไปอีกรอบ
​ตอนเช้าผมตื่นขึ้นมาโดยมีอาการปวดที่ขาและช่วงลำตัวอย่างมาก เมื่อผมก้มลงไปดูก็เห็นแผ่นผ้ายาวสีขาวพันรอบบริเวณลำตัวและขาของผม ใช่สิ เมื่อวานนี้ผมถูกคุณลุงใจร้ายตีเข้าที่ขาและลำตัวนี่
​ขณะที่ผมกำลังนอนลำดับเหตุการณ์อยู่นั้น จู่ๆก็มีคนสองคนผลักประตูไม้สีขาวเข้ามาในห้อง คนแรกเป็นผู้ชาย รูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดสูทสีดำสนิททั้งตัว นัยน์ตาดุดันน่าเกรงขามราวกับเสือ ส่วนคนที่สองเป็นผู้หญิงร่างเล็ก ผมยาวดำ สวมชุดเดรสสั้นสีขาวสะอาด ริมฝีปากคลี่รอยยิ้มหวานหยดย้อยปานน้ำผึ้งเดือนห้า
​“เป็นอย่างไรบ้างคะคนเก่ง เจ็บตรงไหนไหม” เธอคนนั้นถามผมด้วยเสียงที่ห่วงใย
ผมที่ตอนนี้กำลังสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็ได้แค่ส่งเสียงร้องครางออกไปเบาๆ
“โอ๋ๆคนเก่งของแม่ ไม่เป็นไรแล้วนะแม่อยู่นี่แล้ว ไม่ต้องห่วงนะ ต่อไปนี้แม่จะไม่ให้ใครมาทำร้ายหนูได้ และจากนี้ไปหนูถือว่าเป็นลูกของแม่แล้วนะคะ”
“เอ...ว่าแต่หนูยังไม่มีชื่อใช่ไหม งั้นเดี๋ยวแม่ตั้งให้เอง ชื่ออะไรดีนะ...”
“ชื่อ ข้าวเม่า สิ ของโปรดคุณไม่ใช่หรือไง” เขาเอ่ยออกมาเสียงเรียบ หลังจากยืนเงียบฟังมานาน
“ดีเหมือนกันนะคะคุณ ชื่อไทยๆน่ารักดี แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร งั้นต่อไปนี้หนูชื่อ ข้าวเม่า นะ และคนนี้คือพ่อของหนู” เธอพูดพร้อมกับชี้ไปทางผู้ชายที่ยืนข้างๆหลังจากสรุปทุกอย่างเสร็จสรรพ
สามวันผ่านไป ในที่สุดผมก็ได้ออกจากโรงพยาบาลสักที ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่คนใหม่กำลังพาผมนั่งรถกลับบ้าน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้นั่งรถ เบาะรถของคุณพ่อนุ่มมากๆ แอร์ก็เย็นสบายสุดๆ แต่ผมชอบเปิดกระจกรถและยื่นหัวออกไปรับลมเย็นๆมากกว่า
“ข้าวเม่า! อย่ายื่นหัวออกไปมันอันตราย กลับเข้ามานั่งดีๆเลยนะคะ” คุณแม่ดุเสียงดังก่อนจะบอกให้ผมกลับมานั่งให้เรียบร้อย ถึงแม้ผมจะอยากรับลมอีกสักพัก แต่ก็คงทำไม่ได้เพราะไม่อยากโดนคุณแม่โกรธ
และแล้วก็มาถึงบ้านหลังใหม่สักที โอ้โห บ้านหลังใหม่สวยจัง เป็นบ้านไม้สองชั้นทาทับด้วยสีขาวทั้งหลัง ที่หน้าบ้านมีสวนดอกไม้และแปลงผักเล็กๆให้วิ่งเล่น และดูนั่นสิ! อะไรนั่น!มีบ่อปลาคาร์ฟด้วย ลองไปดูใกล้ๆดีกว่า ผมคิดขณะที่วิ่งเข้าไปนอนเกาะขอบบ่อ พร้อมชะโงกหน้าเข้าไปใกล้เพื่อจะได้ดูปลาคาร์ฟสวยพวกนั้นให้เต็มตา แต่แล้วก็มีปลาคาร์ฟสีส้มตัวหนึ่งดีดน้ำใส่ตัวผมเปียกไปหมด
“ข้าวเม่า มานี่เร็วมาดูในบ้านกัน” คุณแม่ส่งเสียงพร้อมกับกวักมือเรียกผมให้เข้าไปในบ้าน
“ว้าย! ข้าวเม่าไปทำอะไรมา ทำไมตัวเปียกอย่างนี้” คุณแม่ร้องเสียงหลงหลังจากเห็นตัวผมเปียกไปทั้งตัว
“คงจะโดนปลาคาร์ฟที่บ่อแกล้งเอาล่ะสิ” คุณพ่อพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก สีหน้าแจ่มใสต่างจากตอนอยู่ที่โรงพยาบาล
“แย่แล้วเปียกหมดเลย แผลจะติดเชื้อไหมนี่ มานี่มาเดี๋ยวแม่จะเช็ดตัวทำแผลให้ใหม่” คุณแม่พูดพร้อมกับเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ในตู้ออกมาเพื่อเช็ดให้ผม
“ต่อไปนี้ ที่นี่คือบ้านของหนูนะ แม่คือแม่ของหนู ส่วนนั่นก็พ่อของหนู นับแต่นี้ไปเราคือครอบครัวเดียวกัน เข้าใจไหม”
น้ำตาของผมเอ่อคลอรอบดวงตา นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้ยิน ไม่ได้สัมผัสสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว ผมไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่พยักหน้าตอบรับกลับไปเบาๆ
ชีวิตประจำวันของผมก็ไม่มีอะไรมาก ทุกเช้าคุณแม่จะทำอาหารเตรียมไว้ให้เราทาน อาหารที่คุณแม่ทำนั้นอร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยกินมาเลย พอทานอาหารเช้าเสร็จเราก็จะออกไปส่งคุณพ่อที่หน้าประตูบ้าน คุณแม่จะผูกเนคไทให้คุณพ่อและกล่าวคำว่า “เดินทางปลอดภัยนะคะคุณ” พร้อมกับยื่นหน้าไปหอมแก้มคุณพ่อ ส่วนผม คุณพ่อจะก้มตัวลงมาลูบหัวผมเบาๆพร้อมพูดว่า “เจ้าตัวแสบ พ่อไปทำงานก่อนนะ อย่าซนล่ะ ดูแลแม่ด้วย” ผมพยักหน้าพร้อมขานตอบเสียงดัง
ระหว่างที่รอคุณแม่ทำอาหารเที่ยง ผมก็มักจะออกไปนอนเล่นรอที่บ่อปลาคาร์ฟ ช่วงบ่ายก็จะช่วยคุณแม่ขุดดินปลูกดอกไม้ คุณแม่มักชมว่าผมขุดดินเก่ง ตอนเย็นคุณแม่จะจัดเตรียมอาหารที่ห้องครัว ส่วนผมจะนั่งรอคุณพ่อที่หน้าประตูบ้าน พอคุณพ่อกลับมาผมก็จะกระโดดกอดพ่อหนึ่งที ก่อนจะวิ่งไปหาคุณแม่เพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่าคุณพ่อกลับมาแล้ว ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ คุณพ่อจะพาผมกับคุณแม่ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะบ้าง ตกปลาบ้าง คุณพ่อตกปลาเก่งมาก เรามักได้ปลากลับมาทำอาหารเย็นมากมาย ถ้าวันไหนได้ปลามามาก คุณแม่ก็จะแบ่งนำไปแจกจ่ายคนในหมูบ้าน คุณแม่ผมทั้งสวย ทำอาหารเก่ง และยังใจดีอีก ผมรักคุณพ่อและคุณแม่มากๆเลย แต่แล้วช่วงเวลาแห่งความสุขก็สิ้นสุดลง
เก้าปีผ่านไป
“คุณหมอคะ ได้โปรดเถอะ ช่วยข้าวเม่าทีฉันขอร้อง ไม่ว่าจะต้องจ่ายมากแค่ไหนก็ยินดี” คุณแม่พูดเสียงสั่นเครือ พร้อมน้ำหยาดน้ำตาที่ไหลจากดวงตากลมโตสีดำ ใต้ตามีรอยช้ำแดงที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
“ผมช่วยเต็มที่แล้วครับ แต่คงถึงเวลาของมันแล้ว”
ผมกลับมาที่เดิมอีกแล้ว ผมกลับมาที่โรงพยาบาลที่เดิมที่เคยอยู่ตอนบาดเจ็บ ได้เจอคุณหมอคนเดิมที่เคยช่วยชีวิตผม แต่ตอนนี้คุณหมอคงช่วยผมไม่ได้แล้ว เพราะคุณแม่เคยเล่าให้ผมฟังว่า สำหรับผมแค่อยู่ได้ถึงสิบปีก็ถือว่าอายุยืนแล้ว ตอนนี้ก็เก้าปีกว่าแล้ว คงถึงเวลาหมดอายุไขของผมแล้ว
แต่ผมไม่อยากให้แม่เสียใจ ดวงตาแสนสวยของแม่ต้องช้ำเพราะร้องไห้อย่างหนักเพื่อผม ถ้าแม่ฟังที่ผมพูดรู้เรื่องได้ก็คงดี แต่ถึงแม้แม่จะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ผมก็อยากบอกให้แม่รู้ว่า แม่ครับ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมมีความสุขมากเหลือเกิน ที่ได้ตื่นทุกเช้ามาทานอาหารอร่อยๆ ได้ฟังแม่เล่าเรื่องต่างๆในโลกให้ฟัง ได้พ่อที่เก่งตกปลาและพาผมกับแม่ไปเดินเล่นทุกวันหยุด มีบ้านที่อบอุ่นแตกต่างจากสวนสาธารณะข้างทางที่ผมอยู่ตอนเด็ก บ้านที่เต็มไปด้วยความรักของพ่อและแม่ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตผมและยังมอบความรักและความอบอุ่นให้ผม ถึงแม้ผมจะเป็นแค่สุนัขจรจัด แต่ทุกคนก็ยังรักและเลี้ยงดูผมเหมือนลูก พ่อครับ แม่ครับ ตอนนี้ผมเหนื่อยเหลือเกิน ผมขอหลับสักพักนะครับ ผมเงยหน้าจ้องมองคุณพ่อและคุณแม่ครั้งสุดท้าย ก่อนที่ผมจะรู้สึกหมดเรี่ยวแรง คอของผมค่อยๆเอนตกลงสู่บนเตียง พร้อมกับที่เสียงสัญญาณจากเครื่องวัดชีพจรที่ติดกับตัวของผมเริ่มส่งเสียงดังร้องติ้ดดด....
โฆษณา