15 ต.ค. 2019 เวลา 05:06 • ปรัชญา
สวัสดีครับวันนี้ผมมีเรื่องเล่าสมัยก่อนมาเล่าให้ฟังเป็นเรื่องความรักและความตายและตามมาด้วยความสยองขวัญที่จะเกิดขึ้นครับผมขอตั้งชื่อเรื่องว่า
เรื่อง โค้งต้นไผ่
เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าสมัยก่อนที่คุณตาคุณยายเคยเล่าให้ฟัง กาลครั้งหนึ่งในหมู่บ้านมี สองสามีภรรยาคู่หนึ่ง ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยสามีรักภรรยาคนนี้มาก ทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกันจนได้ตั้งท้องลูกคนแรก สามีดีใจมากเพราะจะมีทายาทไว้สืบสกุล และเป็นพยานรักแก่คนทั้งสอง
แต่ทว่าสามีก็เป็นชาวบ้านธรรมดาทรัพย์สินเงินทองก็ไม่ได้มีมากมาย ทั้งที่นา ที่เป็นมรดกตกทอดก็ยังมีน้อยเกินไป แต่ทว่าหลังจากนั้นผู้ใหญ่บ้านได้เรียกประชุมว่า ทางรัฐบาลได้ประกาศให้ชาวบ้านสามารถขึ้นไป จับจองพื้นที่บนภูเขาในเขตใกล้หมู่บ้านเป็นของตนเองได้ โดนให้คนในหมู่สามารถถางป่าได้แล้วทำเป็นพื้นที่ของตน
คือประมาณว่าอยากได้ที่เท่าไหร่ ถางป่าเอาเลย แต่ทำอาณาเขตไว้ด้วย ทำอาณาเขตในที่นี้หมายถึงทำรั้วเอาไว้เพื่อแสดงการเป็นเจ้าของนั้นเอง
ฝ่ายสามี พอได้ยินแบบนั้นก็ตั้งใจจะขึ้นไปสำรวจพื้นที่ในการ ทำการเกษตรก่อน โดยพื้นที่ตั้งใจเอาไว้คือพื้นที่ ที่ติดกับลำห้วย เพื่อจะได้ใช้น้ำในการทำการเกษตร
เช้ารุ่งขึ้นสามีก็ได้ให้ภรรยารออยู่บ้าน ส่วนตัวสามีจะขึ้นไปสำรวจพื้นที่ก่อนจะขึ้นไปทำอาณาเขต
โดยสามีเดินทางโดยใช้เกวียน ที่ใช้วัวในการลาก
พร้อมกับเพื่อนอีกสองสามคนที่ขออาศัยไปด้วยในครั้งนี้ เมื่อเดินทางขึ้นภูเขามาได้สักพัก ฝ่านเพื่อนของผู้ที่เป็นสามีก็ได้ขอลงเพราะเห็นว่าพื้นที่ที่ใกล้ทางขึ้นสามารถทำการเกตรได้ ก็เลยขอลงตรงนี้ คนเลยได้กล่าวขอบคุณคนที่เป็นสามีว่าเอ็งไม่มาจับจองพื้นที่ใกล้ๆกับพวกเราหรอวะ ฝ่ายเพื่อนทั้งสองถาม ฝ่ายสามีเลยตอบว่าไม่ละข้าจะขึ้นไปจับจองที่ใกล้ๆแถวลำห้วยด้านบนโน้น เพื่อจะได้มีน้ำไว้ใช้ในการทำนา ฝ่ายเพื่อนทั้งสองก็พยักหน้าแล้วจึงเดินจากไป
ส่วนฝ่ายาสามีก็ได้นั่งเกวียนไปต่อจนพบลำห้วยจึงเดินทางตามลำห้วยไป จนถึงทางโค้งที่มีดงต้นไผ่ก็เลยคิดว่าจะตัดเอาต้นไผ่ไปทำรั่วเพื่อแสดงอาณาเขต จึงได้ลงไปตัดต้นไผ่เป็นจำนวนมากเพื่อไปทำเป็นรั่ว โดยใช้เกวียนในการบรรทุกต้นไผ่เหล่านี้ จากนั้นก็เดินทางต่อและก็ได้พบพื้นที่ๆ ต้องการเป็นที่ๆ อุดมสมบูรณ์มีเสียงนกร้อง เสียงหมาจิ้งจอกออกล่า
1
ฝ่ายสามีดีใจมากจนพูดออกมาว่าที่นี้ละที่เราตามหาอยู่ใกล้ลำห้วยและเป็นพื้นที่ๆ อุดมสมบูรณ์มีสัตว์ป่าให้ล่า พร้อมกับทำเกษตรกรรมได้อีกด้วยจึงนึกชมตนเองที่พยายามจนพบพื้นที่แห่งนี้และก็นึกขำเพื่อนทั้งสองของตน ว่าโง่ยิ่งนักที่ไปเอาพื้นที่ไม่อุดสมบูรณ์ จากนั้นฝ่ายสามีจึงนำเอาต้นไผ่ที่ตัดมาลงจากเกวียน แล้วก็ได้ปล่อยให้วัวออกไปกินหญ้ากินน้ำเพื่อเติมแรง ก่อนกลับส่วนตนเองนั้นก็ได้เดินสำรวจพื้นที่โดยรอบบริเวณ
1
เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงเวลาตอนบ่าย ฝ่ายสามีก็ได้เดินทางกลับบ้านพร้อมกับได้กระรอก และไก่ป่าลงไปฝากภรรยาที่กำลังตั้งท้องได้7เดือน
พอกลับมาถึงบ้านภรรยาก็ได้นำเอากระรอกไก่ป่าไปทำกับข้าวให้สามีทราลงมาจากภูเขารับประทานพร้อมกับพูดว่าพี่จ๋าพรุ่งนี้น้องขอไปกับพี่ด้วยได้ไหม ฉันอยู่บ้านคนเดียวเหงามากเลยไปไหนมาไหนก็ลำบาก ฝ่ายสามีได้ยินดั่งนั้นเลยตอบตกลงพร้องสงสารภรรยา และก็อยากดูแลภรรยาด้วย ฝ่ายสามีก็เลยไปเตรียมอุปกรณ์ที่จะใช้ในการถางป่าในวันพรุ่งนี้ให้พร้อมแล้วก็ทำการจัดเตรียมเกวียนใหม่ที่มีหลักคาที่ใช้ไม้ไผ่จักสานขึ้นมาเพื่อใช้กันแดดกันฝน เพราะภรรยาจะขึ้นไปด้วยกันในวันพรุ่งนี้
ในเช้าวันรุ่งขึ้น สามีก็ได้นำเอาหญ้าเอาน้ำให้วัวกินก่อนออกเดินทาง ส่วนภรรยาก็ได้นำเอากระติ๊บข้าวและก็เอาปิ่นโตขึ้นไปไว้บนเกวียน สามีและภรรยาก็พากันกินข้าวเช้าก่อนออกเดินทางกินข้าวเสร็จ สามีจึงนำวัวมาผูกติดกับเกวียนเพื่อใช้ในการลาก และหาเก้าอี้มาให้ภรรยาในการขึ้นเกวียนเพราะว่าเกวียนสูงมากและภรรยาเองก็ท้องอยู่ด้วยเลยขยับตัวลำบาก
หลังจากนั้นสามีและภรรยาคู่นี้ก็ได้เดินทางขึ้นไปบนภูเขาฝ่ายสามีต้องขับเกวีบนอย่างระมัดระวังที่สุดเพื่อไม่ให้เกวียนกระทบกระเทือนมาก เพราะกลัวเป็นอันตรายต่อลูกในท้อง จนผ่านมาถึงลำห้วยที่มีทางโค้งที่มีต้นไผ่ขึ้นเค็มภรรยาก็เลยบอกสามีว่าอยากกินหน่อไม้จังเลย ฝ่ายสามีก็เลยตอบว่าขากลับพี่จะลงไปหามาให้นะ ฝ่ายภรรยาก็เลยตอบตกลง สามีเลยขับเกวียนเดินหน้าไปต่อยังที่หมายของตนเอง
พอถึงที่หมาย สามีก็ได้เอาท่อนไม้มาว่างค้ำยังเกวียนไว้เพื่อให้เกวียนสมดุล ขออธิบายนิดนึงนะครับคือถ้าเอาวัวที่ลากเกวียนออก เกวียนก็จะเสียสมดุลคือ เกวียนจะเอนไปข้างหน้าจะทำให้คนที่อยู่บนเกวียนไหลลงมา เพราะฉะนั้นจึงต้องมีไม้ค้ำยันทุกครั้งที่เอาวัวออกจากเกวียน
จากนั้นสามีก็ปล่อยให้วัวไปกินน้ำกินหญ้าเพื่อเติมแรงในการเดินทางกลับ ส่วนตัวภรรยาก็นอนรออยู่บนเกวียนที่มุ้งหลังคา หลังจากที่นำวัวออกไปแล้วสามีก็เริ่มทำการถางป่าบริเวณนั้นเพื่อทำเป็นพื้นที่การเกษตร จนถึงพักเที่ยงก็มากินข้าวกับภรรยาวันนี้อากาศดีจังเลยนะพี่ ฝ่ายภรรยาพูด ฝ่ายสามีก็ตอบว่าเพราะมีเธออยู่จะที่ไหนก็อากาศดี เป็นการหยอกล้อกันของสามีกับภรรยา จากนั้นภรรยาถามว่าพี่คิดว่าลูกของเราจะเป็นหญิงหรือชาย ฝ่ายสามีจึงตอบกลับไปว่าต้องเป็นชายอยู่แล้วพี่มั่นใจ ภรรยาก็ยิ้มทั้งสองกินข้าวกันแบบมีความสุข
ในช่วงบ่ายสามีก็ได้ออกไปถางป่าตามเดิมส่วนภรรยาก็นอนรอ อยู่ที่เกวียนแต่ทว่าอากาศในยามบ่ายของวันนั้นเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากท้องฟ้าที่สดใสกลับกลายมีเมฆสีดำเกิดขึ้นมาแทน
ฝ่ายสามีเห็นดังนั้นเลยรีบเก็บข้าวของขึ้นเกวียนพร้อมกับนำวัวกลับมาผูกเชื่อมต่อกับเกวียนส่วนฝ่ายภรรยาก็กลัวมากเลยขยับมาอยู่ใกล้ๆๆกับสามี
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นสามีรีบขับเกวียนลงจากภูเขาด้วยความร้อนใจกลัวแต่จะเกิดอันตรายแก่ลูกเมีย
พอขับมาถึงทางโค้งที่มีต้นไผ่ขึ้นเต็มล้อของเกวียนเกิดติดหล่มขึ้นมา เพราะบริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่มีดินทรายอยู่มากเพราะเป็นลำห้วย จึงทำให้ล้อของเกวียนติด พร้อมกับวัวที่ตื้นกลัวเสียงฟ้าร้องและกลัวฝนด้วย ผมอธิบายนะครับว่าที่จริงวัวกลัวฝนนะครับแต่ควายไม่กลัว
กลับกันวัวทนแดดร้อนๆได้แต่ควายทนไม่ได้นี้คือเรื่องจริงครับ
กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ ฝ่ายสามีเห็นว่าท่าไม่ดีแล้วจึงให้ภรรยาจับเชือกที่ผูกวัวไว้ ส่วนตนเองจะลงไปเข็นเกวียนช่วยอีกแรง
ในขณะที่สามีลงไปเข็นเกวียนอยู่นั้นฝนก็ได้ตกลงมาอย่างหนักวัวก็พยายามหนีสุดชีวิตและสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมีน้ำป่าไหลหลากลงมาจากยอดภูเขา
ทำให้เกวียนถูกน้ำพัดเข้าไปหาโค้งต้นไผ่ทำให้ทั้งสามีและภรรยาถูกพัดไปด้วย หลังจากที่น้ำลดลงฝ่ายสามีก็ได้สติแล้วพบว่าตนเองนั้นถูกพัดติกับต้นไผ่ที่มีหนามแหลมมากมาย สามีร้องด้วยความเจ็บปวดทันที่เพราะหนามแทงเข้ามาในเนื้อตัวเต็มไปหมดแต่จิตใจยังคิดถึงความปลอดภัยของภรรยาของตนเป็นอันดับแรกจึงพยามดึกหนามออกโดยเร็วพร้อมกับร้องเรียกภรรยา แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาเลยมีแต่ความว่างเปล่า
เมื่อหลุดจากหนายมาได้สามีรีบวิ่งหาภรรยาของตนเองให้เร็วที่สุดแต่สิ่งที่ทำให้ฝ่ายสามีต้องตกใจก็คือ ร่างของภรรยาที่ถูกไม้ไผ่เสียบแทงเข้าที่ท้องของจนทะลุออกมา สามีเห็นดังนั้นจึงร้องไห้พร้อมกับวิ่งไปกอดร่างของภรรยาที่ตอนนี้ได้สิ้นลมหายใจไปแล้วพร้อมกับพูดขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านบริเวณดังกล่าว
2
หลักจากนั้นไม่นานก็มีชาวบ้านที่ลงมาจากภูเขาได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือพอดีเลยรีบวิ่งไปดูถึงกับต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นแทบไม่เชื่อ
สายตากับสิ่งที่พบเจอเมื่อเห็นผู้ชายกอดผู้หญิงคนหนึ่งพร้อมกับมีเลือดทั่วบริเวณดงต้นไผ่แห่งนั้น
ชาวบ้านจึงรีบเค้าไปช่วยโดยทั้นทีทั้ง3 คนช่วยกันนำร่างที่ไร้วิญญาณของผู้หญิงคนนั้นออกมาจากส่วนปลายของต้นไผ่ ชาวบ้านกลุ่มนั้นเลยถามฝ่ายชายว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมผู้หญิงท้องแบบนี้ถึงถูกยอดไผ่แทงได้
ฝ่ายชายนั่งตอบทั้งน้ำตา ว่าตนกับภรรยาขึ้นมาเพื่อถางป่าเพื่อใช้ทำการเกษตรแต่ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาฝ่ายสามีร้องไห้พร้อมกับกอดภรรยาของตนไว้ไม่ยอมปล่อย
ชาวบ้านกลุ่มนั้นเลยปรึกษากันว่าจะพาชายคนนี้กลับหมู่บ้านไปก่อนเพื่อไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน โดยศพของภรรยาจะทำการฝั่งไว้ที่นี้ก่อนเพราะถ้าปล่อยไว้ พวกหมาจิ้งจอกจะมากินศพแน่นอน เมื่อเห็นดังนั้นจึงช่วยกันขุดหลุมเพื่อที่จะฝั่งร่างของผู้หญิงคนนี้เอาไว้
หลักจากนั้นจึงช่วยกันพาผู้ที่เป็นสามีลงมาจากภูเขา ฝ่ายสามีก็ขัดขืนสุดแรงแต่ชาวบ้านทั้ง 3 ก็ช่วยกันจนพากลับมาถึงหมู่บ้านแล้วจึงไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านทราบ
ส่วนพ่อแม่ของฝ่ายหญิงเมื่อทราบว่าลูกสาวของตัวเองได้เสียชีวิตลงแล้วก็พากันร้องไห้พ่อของฝ่ายหญิงตรงเข้าไปด่าทอผู้ที่เป็นสามีของลูกสาวตนด้วยความโกรธแค้น ฝ่ายผู้ที่เป็นสามีนั้นก็ยอมรับผิดทุกอย่างและก็กล่าวคำขอโทษต่อพ่อแม่ของภรรยาของตนด้วยน้ำตา
ฝ่ายผู้ใหญ่บ้านจึงเข้าไปปลอบฝ่ายชายพร้อมให้กำลังใจ แล้วจึงออกคำสั่งให้ชาวบ้านทุกคนเตรียมตัวในวันรุ่งออกเดินทางขึ้นไปรับศพหญิงสาวลงมาทำพิธีที่หมู่บ้าน แต่ในค่ำคืนนี้ให้แยกย้ายไปนอนกันก่อน
ในคืนนั้นหลังจากที่ทุกคนกลับบ้านแยกย้ายไปนอนนั้นฝ่ายสามีของหญิงสาวนั่งร้องไห้คนเดียวแล้วเอาแต่โทษตัวเองว่าไม่สามารถปกป้องภรรยาของตนเองได้เลย ในชั่ววินาทีนั้นจึงคิดที่จะตายตามภรรยาไป
ฝ่ายสามีเดินเข้าไปหยิบเอาเชือกที่ผูกวัว พร้อมกับไฟฉาย แล้วจึงเดินขึ้นไปบนภูเขาทั้งน้ำตา จนไปถึงที่ๆ ภรรยาตนเองเสียชีวิต ฝ่ายสามีหยิบเอาเชือกออกพร้อมกับหยิบไม้ท่อนเล็กๆ 1 ทอนขึ้นมา
จากนั้นก็โน้มต้นไผ่ลงมา 2 ต้นนำเชือกผูกคล้องกับต้นไผ่ทั้ง 2 ต้นแล้วนำท่อนไม้เล็กๆ สอดเข้าไปในช่องว่างของเชือกที่คล้องต้นไผ่อยู่จากนั้นทำการหมุ่นให้แน่น แล้วทำบ่วงคล้องคอตนเองจากนั้นก็พูดขึ้นมาว่าฉันจะไปหาเธอแล้วนะฝ่ายสามีทำการปล่อยมือออกจากต้นไผ่
ต้นไผ่ที่ถูกปล่อยกลับคืนเหยียดตรงตามเดิมพร้อมกับร่างของผู้ชายที่ถูกผูกติดกับเชือก
เช้าวันรุ่งขึ้นชาวบ้านรีบออกมาตามหาฝ่ายชายหลังจากที่ไปหาที่บ้านแล้วไม่พบเจอ ชาวบ้านจึงรีบพากันมาดูที่โค้งต้นไผ่แห่งนี้ จึงพบกับภาพที่น่าสลดใจยิ่งนัก เมื่อร่างของชายหนุ่มถูกเชือกรัดคอติดกับต้นไผ่ห้อยคออยู่ด้านบน
ชาวบ้านเห็นดังนั้นจึงช่วยกันนำศพของผู้ชายลงมา ฝ่ายผู้ใหญ่บ้านเห็นดังนั้นจึงตัดสินใจฝั่งไว้ด้วยกันนี้ละ จึงให้ชาวบ้านไป นิมนต์พระขึ้นมาเพื่อทำตามประเพณี ในความเชื่อแล้วแบบนี้เรียกว่าตายโหง ชาวบ้านจะนิยมฝั่งกันครับ
หลายปีต้องคนที่ผ่านไปในโค้งต้นไผ่ก็มักจะเจอเรื่องราวสุดสยอง เช่น รถดับบริเวณโค้งต้นไผ่ดี
โดยไม่ทราบสาเหตุ หรือได้ยินเสียงร้องไห้ของหญิงชายที่บริเวณนั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ป่าไม้ขับรถผ่านก็ได้เจอกับหญิงชายคู่หนึ่งขออาศัยติดรถกลับบ้านด้วยแต่พอลงมาถึงหมู่บ้านกับพบว่าชายหญิงคู่นั้นหายไป
ทุกวันนี้โค้งนั้นไม่มีใครกล้าเข้าหาหน่อไม้อีกเลยเพราะเชื่อกันว่าสามีภรรยาคู่นั้นยังคงวนเวียนอยู่ ณ โค้งต้นไผ่แห่งนี้
ก็ จบลงไปแล้วนะครับสำหรับเรื่องในวันนี้ ถ้าชอบก็อย่าลืมกดติดตาม กดไลค์ กดแชร์ กันด้วยนะครับ
โฆษณา